ลิซซี เมจี : สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี (ตัวจริง) เพื่อเสียดสีการผูกขาด

ลิซซี เมจี : สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี (ตัวจริง) เพื่อเสียดสีการผูกขาด

เรื่องราวของ ‘ลิซซี เมจี’ (Lizzie Magie) สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี The Landlord’s Game เพื่อเสียดสีและให้ความรู้เกี่ยวกับการผูกขาดในสหรัฐอเมริกา และเป็นแรงบันดาลใจให้ Monopoly

KEY

POINTS

รู้หรือไม่ว่าเกมเศรษฐีมีมานานกว่าร้อยปีแล้ว?

เป็นเกมกระดานที่เข้าใจง่าย และเต็มไปด้วยความสนุกสนานที่เราคุ้นเคย อีกทั้งยังถูกพัฒนามาเป็นเกมคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์อย่างแพร่หลาย

เพียงทอยเต๋า ขยับตามตัวเลข แล้วไปลงตามสถานที่ต่าง ๆ ผู้เล่นมีหน้าที่ซื้อที่ดิน เก็บค่าเช่า และพยายามทำให้คู่แข่งล้มละลาย เป้าหมายคือเป็นเจ้าของทุกอย่างในกระดานและยืนหยัดอยู่เป็นคนสุดท้ายเพื่อ ‘คว้าชัยชนะ

เป็นเกมที่ ‘เติมเต็ม’ วันหยุด เวลาว่างของเด็กๆและครอบครัวที่ดีเยี่ยม และนอกจากความบันเทิงแล้ว เกมยังยังช่วยฝึกทักษะสำคัญหลายด้าน เช่น การวางแผนและคิดเชิงกลยุทธ์ การจัดการทรัพยากรและเงินทุน การเจรจาต่อรองกับผู้อื่น รวมถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงและความน่าจะเป็นอีกด้วย (แต่ในบางคราวก็อาจเป็นเกมทำลายมิตรภาพก็เป็นได้)

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า เบื้องหลังเกมสุดคลาสสิกนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากความสนุก หรือความฝันจะเป็นเศรษฐีอย่างใดเลย ทว่ามันกลับ ‘ตรงกันข้าม’ เลยต่างหาก 

เหตุเพราะเกมเศรษฐีนั้นเริ่มต้นจาก ‘ความโกรธ’ ของ ‘ผู้หญิง’ คนหนึ่งต่อระบบเศรษฐกิจที่เอาเปรียบผู้คนหมู่มากผ่าน ‘การผูกขาด

ชื่อของเธอคือ ‘ลิซซี เมจี’ (Lizzie Magie) สตรีผู้เป็นทั้งคุณครู นักพิมพ์ดีด และนักเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคต้นศตวรรษที่ 20  แต่อาจเป็นสิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ ก็คือเธอเป็น ‘ผู้สร้าง’ เกมเศรษฐีที่ภายหลังกลายมาเป็น ‘Monopoly’ หรือ ‘เกมเศรษฐี’ ที่ทั้งโลกเล่นกัน

 

ลิซซี เมจี : สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี (ตัวจริง) เพื่อเสียดสีการผูกขาด

โลกที่ถูกผูกขาด

เอลิซาเบธ ‘ลิซซี่’ เมจี’ (Elizabeth ‘Lizzie’ Magie) เกิดเมื่อปี 1866 ที่เมืองมาคอมบ์ รัฐอิลลินอยส์ เป็นบุตรสาวของแม่บ้านและมีพ่อเป็นนักหนังสือพิมพ์หัวก้าวหน้า เธอเติบโตมาในยุคที่สหรัฐอเมริกาเต็มไปด้วย ‘บริษัทยักษ์ใหญ่’ ที่ผูกขาดทุกอย่าง  ตั้งแต่น้ำมัน เหล็ก รถไฟ รถยนต์ ไปจนถึงเครื่องจักร 

ยกตัวอย่างผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคนั้น เช่น ‘จอห์น ดี. ร็อคกีเฟลเลอร์’ (John D. Rockefeller) ผู้ก่อตั้ง Standard Oil, ‘แอนดรูว์ คาร์เนกี’ (Andrew Carnegie) ผู้ก่อตั้ง Carnegie Steel และ ‘เฮนรี ฟอร์ด’ (Henry Ford) ผู้ก่อตั้ง Ford Motor 

กลุ่มผู้ทรงอิทธิพลพวกนี้มีชื่อที่สื่อมวลชนขนานนาม (เชิงลบ) ว่า ‘Robber Barons’ ซึ่งพวกเขากลุ่มธุรกิจที่เคย ‘ผูกขาด’ สหรัฐอเมริกา พวกเขาควบคุมเศรษฐกิจแบบเกือบเบ็ดเสร็จ จนราคาสินค้าและค่าแรงขึ้นสามารถสั่งได้จากนิ้วของนายทุน อีกทั้งยังมีอำนาจเจรจาต่อรองกับรัฐบาล ราวกับเป็น ‘กระดูกสันหลัง’ ของสหรัฐเลยก็ว่าได้

อาจต้องเริ่มจากการกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของ ‘ร็อคกีเฟลเลอร์’ เพื่อเข้าใจว่า ‘ครั้งหนึ่ง’ เขาเคยมีอิทธิพลมากขนาดไหน 

ภายหลังสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ (American Civil War) สิ้นสุดลง จอห์น ดี. ร็อคกีเฟลเลอร์ คือหนึ่งในนักธุรกิจที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางยุคแห่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เขาเริ่มขยายกิจการอย่างจริงจัง ด้วยการลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำมันจำนวนมาก เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและลดต้นทุน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Standard Oil ในเวลาต่อมา

แนวคิดเบื้องหลังการเข้าซื้อกิจการของคู่แข่งของร็อคกีเฟลเลอร์นั้น ชัดเจนและตรงไปตรงมา เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำไม่ได้เป็นเรื่องผิดศีลธรรม แต่กลับเป็นการ ‘ยกระดับอุตสาหกรรม’ โดยการกำจัดผู้ผลิตที่ไร้ประสิทธิภาพออกจากตลาด เหลือไว้เพียงผู้ที่แข็งแกร่งและมีความสามารถ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมน้ำมันให้เติบโตอย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของแนวคิดนี้ก็คือการผูกขาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อ Standard Oil สามารถครองส่วนแบ่งการกลั่นน้ำมันในประเทศได้สูงถึง 90% และมีอิทธิพลในตลาดโลกในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ความสำเร็จระดับ ‘ยักษ์ครองโลก’ นี้ แม้จะถูกมองว่าเป็นชัยชนะของประสิทธิภาพทางธุรกิจ 

ทั้งหมดทั้งมวลได้จุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้านจากผู้ผลิตรายย่อย และกลายเป็นตัวอย่างของ  ‘การผูกขาด’ ที่เมจีเองก็ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเกมเศรษฐีของเธอในเวลาต่อมา

ในขณะที่นายทุนกำลังครอบงำสหรัฐอเมริกา เด็กผู้หญิงคนนึงก็กำลังเติบโต ครอบครัวของเธอมีการศึกษาที่ดี มีความคิดหัวก้าวหน้า ทำให้เธอรู้สึกขัดใจต่อระบบที่มันเป็นอยู่ 

พ่อของเธอซึ่งสนับสนุนแนวคิดของ ‘เฮนรี จอร์จ’ (Henry George) นักเศรษฐศาสตร์ที่เสนอแนวคิด ‘ภาษีที่ดินเดียว’ (Single Tax) ซึ่งเชื่อว่าการเก็บภาษีจากที่ดินจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ ได้ส่งต่อมาเป็นแรงบัลดาลใจของเมจี

 

ความไม่เสมอภาคระหว่างคนรวยกับคนจน  มักถูกขับเคลื่อนโดย ‘คนชั่ว คนเขลา และเหล่ามหาเศรษฐี’ พวกนี้แหละคือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสังคมอเมริกัน

 

เธอจึงเลือก ‘เกมกระดาน’ (Board Game) เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ผ่านการ ‘เล่น’ คือวิธีที่ทรงพลังที่สุด เกมจะทำให้ผู้คน ‘รู้สึก’ อำนาจทางเศรษฐกิจด้วยตัวเอง มากกว่าการฟังคำอธิบายใด ๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ภายหลังจะกลายเป็นตำนาน ‘The Landlord’s Game’ เกมเศรษฐีฉบับ ‘ดั้งเดิม

 

The Landlord’s Game
เกมแห่งเจ้าของที่ดิน

The Landlord’s Game’ มีเป้าหมายของเกมคือ ‘แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมของระบบผูกขาด’ ตามในคำขอจดสิทธิบัตรปี 1903 ของเธอสำหรับ ‘The Landlord’s Game’ เมจีได้อธิบายรายละเอียดของกระดานเกมไว้อย่างละเอียดว่า

 

กระดานจะมีช่องมุม (corner spaces) หนึ่งในนั้นเป็นจุดเริ่มต้นและมีช่องต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างทางซึ่งแสดงถึงมูลค่าที่แตกต่างกัน โดยแต่ละช่องถูกแยกแยะด้วยสีหรือสัญลักษณ์เฉพาะ” 

 

โดยจะมีชื่อถนน ร้านค้า ไปจนถึงคุกอยู่ตามมุมของกระดานสี่เหลี่ยมคล้ายคลึงกับแบบฉบับปัจจุบันที่เราเล่นกัน 

 

ลิซซี เมจี : สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี (ตัวจริง) เพื่อเสียดสีการผูกขาด

 

ซึ่งในเกมของเธอนั้น มีชุดกติกาอยู่สองแบบ แบบแรกเรียกว่า ‘Prosperity Rules’ คือกติกาที่แสดงให้เห็นถึงการ ‘ทำลายการผูกขาด’ ผู้เล่นทุกคนต้องจ่ายภาษีจากทรัพย์สินของตน ดังนั้น หากใครคนหนึ่งทำกำไรได้ เงินส่วนนั้นจะถูกกระจายกลับคืนให้ผู้เล่นทั้งหมด ทุกคนจึง ‘ได้ประโยชน์ร่วมกัน’ ในท้ายที่สุด เป็นการสนับสนุนระบบภาษีที่ดินเดียวของ เฮนรี จอร์จ นั้นน่าจะยุติธรรมกว่า

ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ ‘Monopolist Rules’ ซึ่งคือกติกาที่ ‘แสดงให้เห็นว่าการผูกขาดนั้นเลวร้ายเพียงใด’ ผู้เล่นทุกคนแข่งกันว่าใครมีทรัพย์สินมากที่สุด และกติกาชุดหลังนี่เองที่ดัน ‘ถูกจริต’ คนมากกว่า ได้ถูกดัดแปลงกลายมาเป็นเกมที่เรารู้จักกันในเกมเศรษฐีที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ หรือ Monopoly ที่ผู้ชนะคือ ‘คนที่ถือครองทรัพย์สินมากที่สุด’ ส่วนผู้แพ้ก็ ‘ล้มละลาย’ ไปในที่สุด

เกมกลับกลายเป็นเกมที่ส่งเสริม ‘ความโลภ’ มากกว่าจะเป็นการ ‘เสียดสีระบบผูกขาด’ อย่างที่เมจีตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น เกมนี้มันช่วยให้ผู้คนได้เหมือนนำ ‘ตัวเอง’ ไปอยู่ในโลกสมมุติว่าพวกเขาสามารถครอบครองทรัพย์สินได้ ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

เมื่อในปี 1904 สิทธิบัตรของ The Landlord’s Game ได้รับการอนุมัติ ลิซซี่ เมจี ซึ่งในขณะนั้นอายุ 37 ปี ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงอเมริกันเพียงไม่กี่คน ที่มีสิทธิบัตรหลายฉบับในยุคก่อนที่ผู้หญิงจะได้สิทธิ์เลือกตั้ง (ก่อนหน้านั้นเธอเคยจดสิทธิบัตร ‘เครื่องช่วยพิมพ์ดีด’ ในปี 1893 เป็นอุปกรณ์ช่วยให้กระดาษเลื่อนได้สะดวกขึ้นในเครื่องพิมพ์ดีด)

 

ลิซซี เมจี : สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี (ตัวจริง) เพื่อเสียดสีการผูกขาด

 

ต่อมาเมจีและเพื่อนร่วมงานอีกสองคนได้ก่อตั้งบริษัท ‘Economic Game Company’ เพื่อผลิตและจำหน่ายเกม The Landlord’s Game ด้วยตนเอง  แต่ไม่นานนัก ความนิยมของเกมนี้ก็เริ่ม ‘เกินความควบคุม’ ความเติบโตที่เกินความตั้งใจของผู้สร้าง ก่อเกิดเป็นการดัดแปลงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

หลังจากเกมเริ่มเป็นที่รู้จักและกระจายออกไป ผู้เล่นหลายกลุ่มที่มีความคิดขัดแย้งกับต้นฉบับ ต้องการให้มันแค่ ‘เล่นง่าย’ ก็เริ่มสร้าง ‘เวอร์ชั่นของตัวเอง’ ขึ้นมา 

เป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ตำนานเกมเศรษฐี’ ที่กำลังจะเปลี่ยนมือในไม่ช้า

 

‘เศรษฐีจากเกมเศรษฐี’
จากเกมแห่งอุดมการณ์สู่เกมแห่งผลประโยชน์ 

เกมของเธอไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่นักในตอนแรก ทว่าแนวคิดของมันกลับถูกเผยแพร่ในวงมหาวิทยาลัยและกลุ่มนักปฏิรูปทางสังคมในวงกว้าง 

จนกระทั่งช่วงปี 1930 ชายคนหนึ่งชื่อ ‘ชาล์ส ดาร์โรว์’ (Charles Darrow) ผู้ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นพนักงานขายที่ ‘ตกงาน’ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นเกมของเมจี ได้เกิดไอเดียนำรูปแบบของเกมไปปรับใหม่ ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Monopoly’ แล้วเสนอขายให้บริษัทผลิตของเล่นในอเมริกาอย่าง Parker Brothers 

แต่ก็คว้าน้ำเหลวในครั้งแรกปี 1934 หลังจากความล้มเหลวครั้งแรก เขาจึงเริ่มผลิตและจำหน่ายกระดานเกมด้วยตัวเอง และเขาก็สามารถขายสิทธิ์ของเกมให้ Parker Brothers ในปี 1935 ได้สำเร็จ และเกมนั้นก็กลายเป็นตำนานในเวลาไม่กี่ปี ตามข้อมูลของ Parker Brothers เกมนี้มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 275 ล้านชุด จนถึงปี 2010 เรียกได้ว่ายอดขายมีแต่ทยานสูงขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  

Monopoly กลายเป็นความสำเร็จทันทีสำหรับ Parker Brothers แต่บริษัทก็เริ่มตระหนักว่าพวกเขาอาจเจอเรื่องอื้อฉาว เมื่อถูกถามถึงที่มาของไอเดียเกม เพราะดาร์โรว์เองก็ไม่สามารถ ‘ให้คำตอบที่ชัดเจน’ ได้

จอร์จ พาร์กเกอร์ (George Parker) ผู้ก่อตั้ง Parker Brothers กังวลเรื่องกระแสที่จะตามมาหลังจากเกมเศรษฐีเป็นที่นิยมอย่างมาก เพื่อจัดการปัญหา เขาได้ไปเยี่ยมเมจีและเจรจาตกลง

พาร์กเกอร์เสนอเงิน 500 ดอลลาร์ เพื่อซื้อสิทธิ์ใน The Landlord’s Game และเสนอว่าจะผลิตเกมเวอร์ชั่นของเธอ และจะให้เครดิตเธอในเกม ‘Monopoly’ แค่นั้นเลย นอกจากเงินพวกเขาเองก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจทำตามสัญญาอื่นที่ให้ไว้กับเธอ

ระหว่างที่ Charles Darrow กลายเป็น ‘เศรษฐีจากเกมเศรษฐี’ ลิซซี เมจี ผู้ที่เรียกได้ว่า ‘ต้นฉบับ’ กลับได้รับเงินเพียง 500 ดอลลาร์ สำหรับสิทธิบัตรของเธอและไม่มีค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ ตามมา

ในบทสัมภาษณ์ปี 1936 เธอพูดเพียงว่า

 

ฉันดีใจที่เกมของฉันถูกเผยแพร่ออกไป
แม้คนจะไม่รู้ว่าฉันเป็นคนสร้างมันก็ตาม

 

แต่เบื้องหลังประโยคเรียบง่ายนั้น คือความขมขื่นของผู้หญิงที่ตั้งใจสร้างเกมเพื่อ ‘ต่อต้านทุนนิยม’ แต่กลับถูกระบบทุนนิยมกลืนไปเสียเอง

เรื่องราวพึ่งจะมาเป็นที่กระจ่างต่อสาธาณชนเมื่อปี 2009 นี่เอง จากนักเขียนและนักข่าว ‘แมรี ไพลอน’ (Mary Pilon) ผู้เผยเรื่องราวนี้สู่สาธารณะ ขณะที่เธอกำลังทำบทความเกี่ยวกับ Monopoly ให้ Wall Street Journal ระหว่างการค้นคว้า เธอเริ่มค้นพบแง่มุมลึกลับของประวัติศาสตร์เกมเศรษฐี

ในขณะนั้น คนเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตและรู้ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเกมคือ ‘ราล์ฟ แอนสปัช’ (Ralph Anspach) ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ ผู้คิดค้นเกม Anti-Monopoly แอนสปัชเข้าไปพัวพันกับคดีความกับ Parker Brothers ในทศวรรษ 1970 เกี่ยวกับเกมของเขา และบังเอิญพบว่าผู้ประดิษฐ์ Monopoly จริง ๆ คือ ลิซซี่ เมจี ไม่ใช่ชาร์ลส์ ดาร์โรว์

 

ยังคงเป็น ‘เกมแห่งความจริง’ 

ลิซซี่ เมจี เสียชีวิตในปี 1948 โดยที่แทบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือเจ้าของไอเดียเกมเศรษฐีแบบดั้งเดิมที่คนทั้งโลกรู้จัก

ทุกวันนี้เกมเศรษฐีก็ไม่ได้หายไปไหนเลย หากแต่มีการดัดแปลงในทางเชิงบวกด้วยซ้ำ เพื่อตามยุคสมัย แต่ถึงอย่างไงก็มีเป้าหมายเหมือนเดิมคือ ‘ผู้ชนะ’ คือผู้ถือครองที่ดินมากที่สุด ‘ผู้แพ้’ ก็คือผู้ล้มละลาย

วันนี้เรายังคงเล่น Monopoly อย่างสนุกสนาน ซื้อที่ดิน เก็บค่าเช่า และทำให้เพื่อนล้มละลาย 

แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ‘เกมเศรษฐี’ ที่เรารู้จักเริ่มต้นจากความพยายามของผู้หญิงคนหนึ่งในการสอนโลกให้เข้าใจถึง ‘ความไม่ยุติธรรมของการผูกขาด’

ลิซซี่ เมจี ตั้งใจให้เกมของเธอเตือนว่า เมื่อความมั่งคั่งตกอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คน ความยากจนจะกระจายไปสู่ทุกคนที่เหลือ

กว่า 120 ปีผ่านมา ชื่อของเธออาจถูกลืม แต่ทุกครั้งที่เราวางสัญลักษณ์ที่เปรียบเช่นว่าเป็นโรงแรมหรือที่ดินหลากสีลงบนกระดาน

เมื่อนั้นคือเรากำลังเล่นอยู่บน ‘บทเรียน’ ของลิซซี่ เมจี หญิงผู้ใช้เกมเป็นอาวุธ ต่อต้านโลกที่ถูกครอบงำด้วยการผูกขาด
 

ลิซซี เมจี : สตรีผู้คิดค้นเกมเศรษฐี (ตัวจริง) เพื่อเสียดสีการผูกขาด

 

ภาพ : Public Domain

อ้างอิง
 

History.com Editors. (n.d.). Monopoly game inventor Elizabeth Magie. History.

Oltermann, P. (2024, April 10). Monopoly: The story of a stolen game. DW News.

Encyclopaedia Britannica. (n.d.). Monopoly (board game). Britannica.

Pilkington, E. (2015, April 11). The secret history of Monopoly: The capitalist board game’s leftwing origins. The Guardian.

Calfas, J. (2018, November 5). 12 fascinating facts about Monopoly. Business Insider.