The People Talk: ‘โลกเปลี่ยนได้โดยไม่ใช้เวทมนตร์ ขอแค่ความล้มเหลวและจินตนาการ’ สุนทรพจน์ที่ดีที่สุดของ เจ. เค. โรว์ลิง

The People Talk: ‘โลกเปลี่ยนได้โดยไม่ใช้เวทมนตร์ ขอแค่ความล้มเหลวและจินตนาการ’ สุนทรพจน์ที่ดีที่สุดของ เจ. เค. โรว์ลิง

The People Talk: ‘โลกเปลี่ยนได้โดยไม่ใช้เวทมนตร์ ขอแค่ความล้มเหลวและจินตนาการ’ สุนทรพจน์ที่ดีที่สุดของ เจ. เค. โรว์ลิง

*The People Talk รวมสุนทรพจน์เปลี่ยนโลก **สุนทรพจน์ของ เจ. เค. โรว์ลิง ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา วันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 2008   เจ. เค. โรว์ลิง นักเขียนชื่อดังเจ้าของนวนิยายขายดี แฮร์รี่ พอตเตอร์ ขึ้นเวทีบอกเล่าบทเรียนชีวิตอันล้ำค่าในสุนทรพจน์ความยาวประมาณ 20 นาที และได้รับการยกย่องว่าเป็นอีกหนึ่งสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษา คนรุ่นใหม่ และคนทั่วไปทุกคน หัวข้อหลักที่ เจ. เค. โรว์ลิง นำมาบอกเล่า คือ การชี้ให้เห็นประโยชน์ของความล้มเหลวในชีวิตซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จ และย้ำถึงความสำคัญของจินตนาการที่ไม่ใช่แค่การคิดพล็อตเรื่องแต่งนวนิยาย แต่เป็นการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และนึกถึงโลกใหม่ที่ดีกว่า “เราไม่ต้องการเวทมนตร์เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก เรามีพลังอำนาจทุกอย่างที่จำเป็นอยู่ในตัวเราแล้ว เรามีอำนาจในการจินตนาการถึงสิ่งที่ดีกว่า” สุนทรพจน์นี้นักเขียนชาวอังกฤษเล่าที่มาของตัวเองตั้งแต่เป็นนักศึกษา ก่อนจบออกมาทำงานกับองค์การนิรโทษกรรมสากล จากนั้นจึงเผชิญมรสุมชีวิตทั้งการหย่าร้าง ตกงาน และยากจน จนกระทั่งได้เรียนรู้จากมัน “ความล้มเหลวหมายถึงการทิ้งสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป ฉันเลิกเสแสร้งกับตัวเองว่าเป็นสิ่งอื่นนอกจากสิ่งที่ตัวฉันเป็น และเริ่มใช้พลังทั้งหมดไปกับการทำงานชิ้นเดียวที่มีความหมายกับตัวเองให้สำเร็จ” งานชิ้นเดียวที่ว่าคือการเขียน แฮร์รี่ พอตเตอร์ จนทำให้เธอโด่งดังและกลายเป็นมหาเศรษฐี นี่คือสุนทรพจน์แบบเต็ม ๆ ของ เจ. เค. โรว์ลิง นักเขียนชื่อดังซึ่งมีชีวิตดราม่าไม่แพ้นวนิยายเรื่องใดในโลก “ท่านอธิการบดีเฟาสต์ สมาชิกสภาฮาร์วาร์ด (Harvard Corporation) สภาผู้ตรวจสอบ (Board of Overseers) คณาจารย์ ผู้ปกครองซึ่งเต็มไปด้วยความภูมิใจ และเหนือสิ่งอื่นใด บัณฑิตทั้งหลาย สิ่งแรกที่ฉันขอพูดคือคำว่า ‘ขอบคุณ’  ฮาร์วาร์ดไม่เพียงให้เกียรติอันแสนพิเศษนี้แก่ฉัน แต่ยังทำให้ฉันอยู่ในอาการหวาดผวาและหน้ามืดมาหลายสัปดาห์ ฉันน้ำหนักตัวลดลงเมื่อรู้ว่าต้องมากล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษานี้ แต่มันก็เป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ชัยชนะ สิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้แค่หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหรี่ตามองไปที่ธงสีแดงและบอกกับตัวเองว่า ฉันกำลังอยู่ในงานเลี้ยงรุ่นของบ้านกริฟฟินดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษาเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ฉันคิดเช่นนั้นจนกระทั่งนึกย้อนไปตอนตัวเองสำเร็จการศึกษา ผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับปริญญาวันนั้น คือ บารอเนสแมรี่ วอร์น็อค นักปรัชญาชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียง สิ่งที่ได้จากสุนทรพจน์ของเธอมีส่วนช่วยอย่างมากในการเขียนสุนทรพจน์ชิ้นนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ฉันจำคำพูดของเธอไม่ได้สักคำ การค้นพบที่ช่วยปลดปล่อยให้ฉันเป็นอิสระนี้ทำให้สามารถก้าวต่อไปโดยไม่ต้องกลัวว่าฉันอาจมีอิทธิพลกับคุณโดยไม่ตั้งใจ ทำให้คุณละทิ้งอาชีพการงานที่ส่อเค้ารุ่งโรจน์ทางธุรกิจ กฎหมาย หรือการเมือง และหันมาระริกระรี้กับการเป็นพ่อมดเกย์ (ของอัลบัส ดัมเบิลดอร์) เห็นมั้ย? ถ้าอีกหลายปีข้างหน้าคุณยังจำได้แค่มุกตลก ‘พ่อมดเกย์’ ก็นับว่าฉันเหนือกว่าบารอเนสแมรี่ วอร์น็อคแล้ว เป้าหมายที่ทำได้จริงคือบันไดขั้นแรกของการพัฒนาตนเอง อันที่จริง ฉันพยายามครุ่นคิดว่าควรจะพูดอะไรในวันนี้ ฉันถามตัวเองว่าถ้าเป็นวันสำเร็จการศึกษาของฉัน ฉันอยากรู้เรื่องใด และอะไรคือบทเรียนสำคัญที่ฉันเรียนรู้ในช่วง 21 ปีที่หมดอายุไปแล้ว ระหว่างวันนั้นถึงวันนี้ ฉันนึกคำตอบได้ 2 เรื่อง ในวันอันแสนวิเศษนี้ที่เรามารวมกันฉลองความสำเร็จทางวิชาการของคุณ ฉันตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องประโยชน์ของความล้มเหลว และระหว่างที่พวกคุณยืนอยู่บนธรณีประตูสู่สิ่งที่บางทีเรียกว่า ‘ชีวิตจริง’ ฉันอยากสรรเสริญความสำคัญอันยิ่งยวดของจินตนาการด้วย สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นตัวเลือกเพ้อฝันและย้อนแย้ง แต่ได้โปรดอดทนฟังสักนิด   ย้อนกลับไปในวัย 21 ปีสมัยที่ฉันจบการศึกษา  มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่สบายนักสำหรับหญิงวัย 42 ปีที่เป็นอยู่ตอนนี้ ครึ่งชีวิตของฉันที่ผ่านมาต้องพยายามรักษาสมดุลที่ไม่ง่ายระหว่างการทำตามความฝันของตัวเองกับสิ่งที่คนใกล้ชิดมากที่สุดคาดหวัง ฉันเชื่อว่าสิ่งเดียวที่ต้องการทำเสมอมาคือการเขียนนวนิยาย อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ซึ่งทั้งคู่มาจากภูมิหลังยากจนและไม่ได้เรียนอุดมศึกษา พวกเขามองว่าจินตนาการเพ้อฝันของฉันเป็นพฤติกรรมน่าขันที่ไม่สามารถจ่ายค่าผ่อนบ้านหรือทำให้มีเงินบำนาญได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการประชดประชันมันมีพลังรุนแรงเพียงใด พวกเขาอยากให้ฉันเรียนสายอาชีพ แต่ฉันต้องการศึกษาวรรณคดีอังกฤษ สุดท้ายเราพบกันครึ่งทางซึ่งไม่ถูกใจทั้งสองฝ่ายในตอนนั้น นั่นคือฉันได้เรียนภาควิชาภาษาสมัยใหม่ (Modern Languages) แต่ทันทีที่รถของพ่อแม่เลี้ยวหายไปตรงหัวมุมถนนสุดทาง ฉันก็หันหลังให้ภาษาเยอรมันและรีบวิ่งไปยังระเบียงงานวรรณกรรมคลาสสิกทันที ฉันจำไม่ได้ว่าเคยบอกพ่อแม่เรื่องเรียนวรรณกรรมคลาสสิกหรือไม่ พวกเขาอาจทราบครั้งแรกในวันรับปริญญา วิชาทั้งหมดบนโลกนี้ฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาวิชาไหนที่มีประโยชน์น้อยกว่าเทพปกรณัมกรีก (Greek Mythology) เมื่อพูดถึงการทำให้ได้กุญแจใช้ห้องน้ำของผู้บริหาร ฉันขอพูดให้ชัดในเครื่องหมายวงเล็บว่า ฉันไม่ได้โทษพ่อแม่เรื่องมุมมองความคิดของพวกเขา การโทษว่าพ่อแม่รังแกฉันมันมีวันหมดอายุ เมื่อคุณโตพอที่จะบังคับพวงมาลัย ความรับผิดชอบจะตกอยู่ที่ตัวคุณเอง ยังมีอะไรอีก ฉันไม่สามารถวิจารณ์พ่อแม่ที่หวังว่าฉันจะไม่พบกับความยากจน พวกเขาเคยยากจน และนับแต่นั้นฉันก็ยากจน ฉันเห็นด้วยกับพวกเขาว่ามันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดี ความยากจนส่งผลให้เกิดความกลัว ความเครียด และบางครั้งก็เป็นโรคซึมเศร้า  มันหมายถึงความน่าละอายและความทุกข์ยากที่ไม่สลักสำคัญนับพัน การหลุดพ้นความยากจนได้ด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ควรภาคภูมิใจ แต่ความยากจนในตัวมันเองมีเพียงคนโง่เขลาเท่านั้นที่จะทำให้มันโรแมนติก   สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดตอนอายุเท่าคุณไม่ใช่ความยากจน แต่เป็นความล้มเหลว  ตอนอายุเท่าคุณ นอกจากขาดแรงกระตุ้นที่เห็นชัดในรั้วมหาวิทยาลัย สถานที่ซึ่งฉันใช้เวลานานเกินไปในบาร์ร้านกาแฟเพื่อเขียนหนังสือ และใช้เวลาน้อยเกินไปในห้องเรียน ฉันมีพรสวรรค์ในการทำข้อสอบให้ผ่าน และนั่นคือตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิตของฉันและเพื่อน ๆ มาหลายปี ฉันคงไม่เขลาพอที่จะทึกทักว่าเพราะคุณยังเด็ก มีพรสวรรค์ และการศึกษาดี คุณคงไม่เคยรู้จักความทุกข์หรือหัวใจสลาย ความสามารถพิเศษและสติปัญญาไม่ใช่ภูมิคุ้มกันใครจากความไม่แน่นอนของโชคชะตา และฉันคงไม่ทึกทักสักนิดว่าทุกคนในที่นี้ล้วนมีความสุขกับอภิสิทธิ์และความเบิกบานใจที่ได้มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ว่าคุณกำลังจบจากฮาร์วาร์ดบ่งชี้ว่า คุณคงไม่คุ้นเคยนักกับความล้มเหลว ชีวิตคุณอาจขับเคลื่อนด้วยการกลัวความล้มเหลวพอ ๆ กับการปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ อันที่จริงคอนเซ็ปต์ความล้มเหลวของคุณอาจไม่ต่างจากความคิดของคนทั่วไปเรื่องความสำเร็จ คุณบินสูงขึ้นไปมากแล้ว ที่สุดแล้วเราทุกคนต้องตัดสินใจเองว่าอะไรคือส่วนประกอบของความล้มเหลว แต่โลกนี้ต้องการกำหนดบรรทัดฐานให้คุณถ้าคุณยอมรับ ดังนั้นฉันคิดว่ามันยุติธรรมที่จะพูดว่าในบรรดาตัวชี้วัดทั้งหลาย ภายในเวลาแค่ 7 ปีหลังจบการศึกษา ฉันล้มเหลวขั้นมหากาพย์ ชีวิตสมรสอันแสนสั้นสิ้นสุดลงและตกงาน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและยากจนที่สุดในอังกฤษยุคใหม่แบบไม่นับคนไร้บ้าน ความกลัวที่พ่อแม่มีต่อฉันและฉันมีของฉันเองล้วนเกิดขึ้นพร้อมกัน หากวัดด้วยมาตรฐานทั่วไปทุกอัน ฉันคือความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอ ฉันไม่ได้มายืนตรงนี้ - ตอนนี้เพื่อจะบอกว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องสนุก ช่วงเวลานั้นในชีวิตคือช่วงที่มืดมน และฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสิ่งที่หนังสือพิมพ์นับแต่นั้นใช้แทนว่าบทสรุปของเทพนิยายเรื่องหนึ่ง ในตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าอุโมงค์ทอดยาวแค่ไหน และเป็นเวลายาวนานที่ไม่ว่าแสงใดปรากฏตรงปลายอุโมงค์ มันเป็นได้แค่ความหวังมากกว่าความจริง   แล้วทำไมฉันถึงมาพูดถึงข้อดีของความล้มเหลว  นั่นเป็นเพราะความล้มเหลวหมายถึงการทิ้งสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป ฉันเลิกเสแสร้งกับตัวเองว่าเป็นสิ่งอื่นนอกจากสิ่งที่ตัวฉันเป็น และเริ่มใช้พลังทั้งหมดไปกับการทำงานชิ้นเดียวที่มีความหมายกับตัวเองให้สำเร็จ หากฉันประสบความสำเร็จในเรื่องอื่น ฉันอาจไม่พบความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในสนามเดียว ซึ่งฉันเชื่อว่าเป็นตัวเองอย่างแท้จริง ฉันได้อิสระเพราะตระหนักถึงความกลัวที่ใหญ่ที่สุดและฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันยังมีลูกสาวที่รัก ฉันมีเครื่องพิมพ์ดีดเก่า ๆ เครื่องหนึ่งกับความคิดที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น ก้นเหวที่เต็มไปด้วยหินจึงกลายเป็นรากฐานอันมั่นคงในการสร้างตัวขึ้นมาใหม่ คุณอาจไม่เคยล้มเหลวในระดับเดียวกับฉัน แต่ความล้มเหลวในชีวิตบางเรื่องก็เลี่ยงไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่เคยล้มเหลวนอกเสียจากคุณใช้ชีวิตอย่างระวังจนเหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตเลย ซึ่งกรณีนี้ก็เหมือนคุณล้มเหลวแล้วโดยอัตโนมัติ ความล้มเหลวทำให้ฉันรู้สึกมั่นคงภายในแบบที่ไม่เคยได้จากการทำข้อสอบผ่าน ความล้มเหลวสอนให้ฉันเข้าใจตัวเองมากมายในแบบที่ไม่เคยเรียนรู้ได้ด้วยวิธีอื่น ฉันค้นพบว่าฉันมีความมุ่งมั่นแรงกล้าและมีวินัยมากกว่าที่ตัวเองคิด ฉันยังพบด้วยว่าฉันมีเพื่อนที่มีค่ามากกว่าราคาเพชรนิลจินดาใด ๆ ความรู้จากอุปสรรคที่ทำให้คุณฉลาดขึ้นและเข้มแข็งขึ้น นั่นหมายความว่าคุณมีความสามารถในการเอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัยนับไปจากนี้ คุณจะไม่รู้จักตัวเองหรือความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นได้จริงจนกว่าทั้งสองสิ่งถูกทดสอบด้วยปัญหา ความรู้ดังที่ว่าคือของขวัญที่แท้จริงสำหรับทุกคนที่ได้ชัยชนะมาอย่างเจ็บปวด และมันมีค่ามากกว่าปริญญาใด ๆ ที่ฉันเคยได้รับ หากมีเครื่องย้อนเวลา (Time Turner) ฉันจะบอกกับตัวเองตอนอายุ 21 ปีว่า ความสุขส่วนตัวคือการได้รู้ว่าชีวิตไม่ใช่บัญชีทรัพย์สินหรือความสำเร็จ วุฒิการศึกษาและประวัติการทำงาน (CV) ก็ไม่ใช่ชีวิตของคุณ ถึงแม้คุณจะเจอกับคนรุ่นเดียวกับฉันหรือแก่กว่าฉันหลายคนที่ยังสับสนระหว่างเรื่องทั้งสอง  ชีวิตมันยุ่งยากซับซ้อนและอยู่เหนือการควบคุมเบ็ดเสร็จของใครคนใดคนหนึ่ง การถ่อมตัวเพื่อทำให้รับรู้สิ่งนั้นมันจะทำให้คุณมีชีวิตรอดจากความแปรผันที่เกิดขึ้น ตอนนี้คุณอาจคิดว่าฉันเลือกหัวข้อที่สอง - ความสำคัญของจินตนาการ - เพราะมันมีส่วนสร้างชีวิตของฉันขึ้นมาใหม่ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด แม้โดยส่วนตัวฉันจะปกป้องคุณค่าของนิทานก่อนนอนจนลมหายใจสุดท้าย แต่ฉันก็ได้เรียนรู้คุณค่าของจินตนาการในความหมายที่กว้างไปกว่านั้น จินตนาการไม่ใช่แค่ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ในการมองเห็นภาพที่ยังไม่เกิด และเป็นที่มาของสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมทั้งหลาย ในแง่ความสามารถในการเปิดหูเปิดตาและสร้างความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดที่เป็นข้อถกเถียง มันมีพลังทำให้เราเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ซึ่งมีประสบการณ์แตกต่างกัน   หนึ่งในประสบการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันเกิดก่อนจะมีแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉันใช้ข้อมูลมากมายจากมันมาเขียนหนังสือเหล่านั้น เรื่องที่เปิดหูเปิดตานี้มาในรูปของงานประจำที่ทำในช่วงแรกของชีวิต แม้ฉันเคยแอบใช้เวลาช่วงพักเที่ยงมาเขียนหนังสือ ฉันหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านในวัย 20 ต้น ๆ ด้วยการทำงานที่ฝ่ายค้นคว้าวิจัยข้อมูลแอฟริกา ณ สำนักงานใหญ่องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ในกรุงลอนดอน ที่ออฟฟิศเล็ก ๆ ฉันได้อ่านจดหมายที่เขียนขึ้นอย่างรีบเร่งและลักลอบนำออกมาจากประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการโดยชายหญิงที่เสี่ยงติดคุกเพื่อแจ้งข่าวให้โลกภายนอกรับรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา  ฉันได้เห็นรูปถ่ายของบรรดาผู้ถูกทำให้สูญหายโดยไร้ร่องรอย ซึ่งครอบครัวและเพื่อน ๆ ผู้สิ้นหวังของพวกเขาส่งมายังแอมเนสตี้ฯ ฉันเคยอ่านคำให้การของเหยื่อผู้ถูกทารุณและเห็นภาพบาดแผลของพวกเขา ฉันเคยเปิดจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของพยานผู้เห็นเหตุการณ์สรุปการไต่สวนและลงโทษในคดีลักพาตัวและข่มขืนมากมาย เพื่อนร่วมงานของฉันหลายคนเคยเป็นนักโทษการเมือง เป็นผู้ถูกทำให้พลัดพรากจากบ้านเกิดหรือลี้ภัยออกมาเพียงเพราะพวกเขามีความมุทะลุในการพูดจาต่อต้านรัฐบาลของตนเอง แขกผู้มาเยือนออฟฟิศเรามีทั้งพวกที่มาให้ข้อมูลหรือมาพยายามหาข้อมูลของผู้ที่ถูกทิ้งไว้และยังไม่ได้ออกมา ฉันจะไม่มีวันลืมเหยื่อชาวแอฟริกันผู้ถูกทรมาน เขาเป็นชายหนุ่มอายุไม่แก่กว่าฉันในเวลานั้น เขาต้องกลายเป็นคนเสียสติหลังทนทุกข์ทรมานกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดกับเขาในบ้านเกิด เขาตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้ระหว่างพูดหน้ากล้องเกี่ยวกับความโหดร้ายที่เคยเผชิญ เขาตัวสูงกว่าฉัน 1 ฟุตแต่แลดูเปราะบางเหมือนเด็ก ฉันได้รับมอบหมายให้พาเขากลับไปสถานีรถไฟใต้ดินหลังสัมภาษณ์เสร็จ ชายผู้นี้ที่ชีวิตของเขาต้องแตกสลายจากความป่าเถื่อนโหดร้ายจับมือฉันอย่างสุภาพและอวยพรให้ฉันมีความสุขในอนาคต ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะจดจำช่วงเวลาที่เคยเดินไปตามระเบียงโล่ง ๆ และจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงจากเบื้องหลังประตูที่ปิดอยู่ มันเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวแบบที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนอีก เมื่อประตูเปิดออกและนักวิจัยโผล่ศีรษะออกมา เธอบอกให้ฉันวิ่งไปทำเครื่องดื่มร้อน ๆ มาให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่กับเธอ เธอเพิ่งแจ้งข่าวให้เขารู้ว่า มารดาของเขาถูกจับประหารชีวิตเพื่อตอบโต้ลูกชายที่ออกมาพูดโจมตีระบอบการปกครองในประเทศของตัวเอง ทุกวันของสัปดาห์ทำงานตอนอายุ 20 ต้น ๆ ฉันถูกย้ำเสมอว่าช่างโชคดีที่ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ได้อยู่ในดินแดนที่ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ทนายและได้รับการไต่สวนในที่สาธารณะ ฉันเห็นหลักฐานมากขึ้นทุกวันเกี่ยวกับมนุษย์ชั่วร้ายที่จะมาทำอันตรายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเพื่อให้ได้มาหรือรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ฉันเริ่มนอนฝันร้าย เป็นฝันร้ายจริง ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันได้เห็น ได้ยิน และได้อ่านมา   ฉันยังได้เรียนรู้ความดีงามของมนุษย์ที่องค์การนิรโทษกรรมสากลมากกว่าที่ฉันเคยรับรู้มาก่อนหน้านี้ แอมเนสตี้ฯ ระดมคนหลายพันคนซึ่งยังไม่เคยถูกซ้อมทรมานหรือจองจำเพราะความเชื่อของพวกเขามาทำหน้าที่แทนผู้ที่มีประสบการณ์ พลังแห่งความเห็นอกเห็นใจของมนุษย์นำไปสู่การทำงานร่วมกันเพื่อช่วยชีวิตและปลดปล่อยนักโทษให้เป็นอิสระ คนธรรมดาสามัญซึ่งมีชีวิตที่ดีและมีความมั่นคงปลอดภัยจำนวนมากร่วมมือกันช่วยเหลือผู้คนที่พวกเขาไม่รู้จักและจะไม่มีโอกาสได้พบในอนาคต การมีส่วนร่วมเล็ก ๆ ของฉันในกระบวนการนั้นคือหนึ่งในประสบการณ์ที่สร้างทั้งแรงบันดาลใจและทำให้ถ่อมตัวมากที่สุดในชีวิต มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนโลกตรงที่สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ตรง เราสามารถรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นได้ด้วยตนเอง แน่นอนว่านี่คือพลังที่ไม่มีข้อบังคับทางจริยธรรมเหมือนในนวนิยายเวทมนตร์ของฉัน บางคนอาจใช้เพื่อฉกฉวยผลประโยชน์หรือควบคุมผู้อื่นพอ ๆ กับใช้เพื่อทำความเข้าใจหรือทำให้เห็นอกเห็นใจกัน หลายคนเลือกที่จะไม่ใช้จินตนาการเลย พวกเขาเลือกที่จะยังคงอยู่ในขอบเขตประสบการณ์ตนเองตามความเคยชิน ไม่อยากเดือดร้อนสงสัยว่าจะรู้สึกอย่างไรถ้าเกิดเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา พวกเขาสามารถปฏิเสธไม่ฟังเสียงหวีดร้องหรือเหลียวตามองไปในกรง พวกเขาสามารถปิดหูปิดตาต่อความทุกข์ยากที่ไม่ได้เกิดกับตนเองโดยตรง พวกเขาสามารถปฏิเสธการรับรู้ ฉันอาจถูกหลอกให้อิจฉาคนที่สามารถใช้ชีวิตแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีฝันร้ายน้อยไปกว่าฉัน การเลือกมีชีวิตอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ จะนำไปสู่รูปแบบหนึ่งของปัญหาสุขภาพจิตที่หวาดกลัวชุมชน สิ่งนั้นจะทำให้เกิดความน่ากลัวในตัวของมันเอง ฉันคิดว่าคนจงใจไม่ใช้จินตนาการจะเจอปีศาจมากกว่า พวกเขามักหวาดกลัวมากกว่าด้วย ยังมีอะไรอีก   พวกที่เลือกไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเท่ากับหยิบยื่นอำนาจให้กับปีศาจตัวจริง  การที่เราเลือกจะไม่เปิดโปงความชั่วร้ายหมายความว่าเราได้ร่วมมือกับมันผ่านการวางเฉย หนึ่งในหลายสิ่งที่ฉันเรียนรู้ในช่วงท้ายของวิชาวรรณกรรมคลาสสิกที่เลือกเรียนตอนอายุ 18 เพื่อค้นหาบางสิ่งที่นิยามไม่ได้ในเวลานั้น มันคือสิ่งนี้ของพลูตาร์ช (Plutarch) นักเขียนชาวกรีกที่ระบุว่า ‘สิ่งที่เราทำสำเร็จจากภายในจะเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่อยู่ภายนอก’ นั่นคือประโยคน่าทึ่งและยังได้รับการพิสูจน์แล้วนับพัน ๆ ครั้งในทุกวันของชีวิต มันแสดงให้เห็นความเชื่อมโยงที่เลี่ยงไม่ได้ระหว่างตัวเรากับโลกภายนอก เป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่ว่า เราสัมผัสชีวิตผู้อื่นเพียงเพื่อให้รู้ว่ามีตัวตน แต่พวกคุณ บัณฑิตฮาร์วาร์ดปี 2008 น่าจะสัมผัสกับชีวิตผู้อื่นได้มากแค่ไหน สติปัญญาของคุณ ความสามารถทำงานหนักของคุณ การศึกษาที่คุณได้รับมาทำให้คุณมีสถานะและความรับผิดชอบไม่เหมือนใคร  แม้แต่สัญชาติก็ทำให้คุณต่างออกไป พวกคุณส่วนใหญ่เป็นพลเมืองของชาติมหาอำนาจหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลก การโหวตของคุณ การใช้ชีวิต การประท้วง แรงกดดันที่คุณทำให้รัฐบาลต้องแบกรับล้วนกระทบไปถึงนอกพรมแดนของคุณ สิ่งนั้นเป็นทั้งอภิสิทธิ์และภาระที่ต้องแบกรับ หากคุณเลือกใช้สถานะและอิทธิพลที่มีเพื่อส่งเสียงแทนผู้ที่ไร้ปากเสียง หากคุณไม่ได้เลือกเอ่ยนามเฉพาะผู้มีอำนาจ แต่ยังรวมผู้ไร้อำนาจเข้าไปด้วย หากคุณยังสามารถจินตนาการตัวเองเป็นผู้อื่นที่ไม่มีข้อได้เปรียบเหมือนคุณ ถ้าทำเช่นนั้นได้มันจะไม่ใช่แค่ครอบครัวอันเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจเท่านั้นที่ร่วมฉลองการมีตัวตนของคุณ แต่ยังรวมถึงผู้คนอีกนับหมื่นนับล้านที่คุณช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตจริงของพวกเขา   เราไม่ต้องการเวทมนตร์เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก  เรามีพลังอำนาจทุกอย่างที่จำเป็นอยู่ในตัวเราแล้ว เรามีอำนาจในการจินตนาการถึงสิ่งที่ดีกว่า ฉันพูดใกล้จบแล้ว ฉันยังมีความหวังสุดท้ายเรื่องหนึ่งฝากถึงพวกคุณซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันเคยมีตอนอายุ 21 เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่กับฉันในวันสำเร็จการศึกษาคือเพื่อนกันตลอดชีวิต พวกเขาเป็นพ่อแม่ทูนหัวให้ลูกของฉัน เป็นคนที่ฉันสามารถพึ่งพาได้ในยามยาก เป็นคนจิตใจดีพอที่จะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีฉันตอนใช้ชื่อพวกเขามาเป็นผู้เสพความตาย (Death Eaters) ในพิธีจบการศึกษา เราผูกพันกันด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ ด้วยประสบการณ์ร่วมกันในช่วงเวลาที่อาจไม่เกิดขึ้นซ้ำ และแน่นอนด้วยการรับรู้ว่าเรามีหลักฐานภาพถ่ายชัดเจน ซึ่งอาจมีมูลค่ามากเป็นพิเศษหากพวกเราคนใดได้ลงสมัครนายกรัฐมนตรี ดังนั้นวันนี้ ฉันไม่ขอให้คุณได้รับอะไรมากไปกว่ามิตรภาพที่เหมือน ๆ กัน และในวันพรุ่งนี้ฉันหวังว่าถ้าคุณจำคำพูดของฉันไม่ได้สักคำ คุณจะยังจำคำของเซเนก้า (Seneca) ชาวโรมันยุคเก่าอีกคนที่ฉันพบตอนวิ่งลงระเบียงวรรณกรรมคลาสสิก เพื่อหนีจากการไต่บันไดอาชีพมาค้นหาภูมิปัญญาโบราณ เขาระบุว่า ‘ชีวิตก็เหมือนกับเรื่องเล่า ความยาวไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือชีวิตที่ดี’ ฉันขอให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีมาก ๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ”   ข้อมูลอ้างอิง:  https://news.harvard.edu/gazette/story/2008/06/text-of-j-k-rowling-speech/ เรียบเรียง: ภานุวัตร เอื้ออุดมชัยสกุล