06 ต.ค. 2568 | 13:15 น.
6 ตุลาคม 2568 ขบวนคนจนเพื่อสิทธิในที่ดินและที่อยู่อาศัย ซึ่งประกอบด้วย 11 องค์กรเครือข่าย อาทิ เครือข่ายสลัม 4 ภาค และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) พร้อมเครือข่ายประชาชนจากทั่วประเทศ ร่วมจัดกิจกรรมในโอกาส “วันอยู่อาศัยโลก” ซึ่งองค์การสหประชาชาติกำหนดให้ตรงกับวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี
อรวรรณ หาญทะเล ชาวเลกลุ่มชาติพันธุ์มอแกลน จากชุมชนบ้านทับตะวัน ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า ชาวเลกำลังเผชิญความยากลำบากด้านที่อยู่อาศัย โดยประมาณ 5% ของพื้นที่ชุมชนมีข้อพิพาทกับเอกชน 90% มีข้อพิพาทกับรัฐ และอีก 5% เป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยของชาวเล
“หลายชุมชนถูกดำเนินคดี ที่จริงแล้วชาวเลไม่ได้ต้องการเอกสารสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดิน เพียงแต่อยากมีหลักประกันว่าเรากับลูกหลานจะสามารถใช้ที่ดินดั้งเดิมของเราได้ โดยไม่มีใครเข้ามาบุกรุกหรือไล่เราออกไป” อรวรรณกล่าว
เวลา 09.00 น. ขบวนคนจนเพื่อสิทธิในที่ดินและที่อยู่อาศัยเริ่มเดินขบวนจากลานคนเมืองไปยัง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงเจตนารมณ์เรียกร้อง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” และร่วมรำลึก 49 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
จรัสศรีย้ำว่า ต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจำเป็นต้องแก้ไขโดยยึด 2 เงื่อนไขหลักคือ
รัฐบาลต้องจัดทำประชามติเพื่อเปิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยตรง
ต้องบัญญัติให้ “ที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” เพื่อให้รัฐมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการจัดการที่อยู่อาศัยอย่างเท่าเทียม
วิไลลักษณ์ เยอเบาะ กองเลขาฯ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) กล่าวเสริมว่า การรำลึก 49 ปี 6 ตุลาคม 2519 เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของคนเดือนตุลา เพื่อผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และสร้างสังคมที่ไม่มีใครต้องไร้บ้านหรือไร้ศักดิ์ศรี
ขบวนเดินเท้ามาปักหลักหน้าสำนักงานสหประชาชาติในประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้แทนโครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat) เวลา 11.00 น. โดยมี Jing Yu รองหัวหน้าโครงการฯ เป็นผู้รับมอบ
Jing Yu กล่าวว่า ในวันอยู่อาศัยโลกปีนี้ โลกกำลังเผชิญวิกฤติที่ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ หลายครอบครัวถูกบังคับให้ออกจากบ้าน เด็กต้องเรียนในค่ายผู้ลี้ภัย และชุมชนจำนวนมากอยู่อาศัยโดยปราศจากน้ำและไฟฟ้า
ปี 2567 มีประชากรทั่วโลกกว่า 123 ล้านคนถูกบังคับให้ออกจากที่อยู่อาศัยของตน ส่วนอีก 3 พันล้านคนเผชิญกับการมีที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมาะสม และกว่า 1.1 พันล้านคนอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด
“วิกฤติไม่จำเป็นต้องหมายถึงความสิ้นหวังเสมอไป หลายชุมชนทั่วโลกสามารถฟื้นกลับมาได้ เมื่อรัฐให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัย ที่ดิน และบริการขั้นพื้นฐาน เพราะการสร้างบ้านใหม่ ไม่ใช่แค่การสร้างอิฐและปูน แต่คือการสร้างศักดิ์ศรีและความหวัง” Jing Yu กล่าวทิ้งท้าย
ภายหลังการยื่นหนังสือ แกนนำขบวนคนจนเพื่อสิทธิในที่ดินและที่อยู่อาศัยประกาศว่าจะเคลื่อนขบวนไปยัง ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงบ่าย เพื่อขอพบนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล และเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อผลักดันนโยบายโฉนดชุมชน การจัดการที่ดินสาธารณะ และการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านและผู้เช่าห้องราคาถูก
เรื่องและภาพ : เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง