01 ต.ค. 2568 | 15:50 น.
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธาน เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความเข้าใจกฎหมายชาติพันธุ์และการพัฒนาฐานข้อมูลชาติพันธุ์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดรูปธรรม โดยมี ผศ.ดร.แพร ศิริศักดิ์ดำเกิง ผู้อำนวยการ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) รายงานการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติฯ ซึ่ง ศมส. เป็นหน่วยงานหลักที่กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้จัดทำกฎหมายดังกล่าว พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัดเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
“กฎหมายนี้ไม่ได้มองพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ในฐานะผู้รับการสงเคราะห์ แต่มองในฐานะผู้ทรงสิทธิและเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองของสังคม และเปลี่ยนวิถีการทำงานของพวกเราทุกคน ที่จะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิต อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ให้คงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และให้ความหลากหลายนี้เป็น “ทุนทางวัฒนธรรม” ที่แข็งแกร่งของชาติอย่างอย่างยั่งยืน”
“ในโอกาสอันสำคัญนี้ ผมขอมอบนโยบายให้ท่านวัฒนธรรมจังหวัดในฐานะกลไกหลักในระดับพื้นที่ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกแห่ง ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อค้นหาและส่งเสริมศักยภาพทุนทางวัฒนธรรม ทั้งภาษา ภูมิปัญญา การแต่งกาย อาหาร หรือประเพณีต่างๆ ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสร้างความภาคภูมิใจในชุมชน นอกจากนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ กำหนดให้มีการจัดทำฐานข้อมูลด้านชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนนโยบายให้ความคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ ผมจึงขอมอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกแห่ง ร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ ศมส. ซึ่งมีบทบาทหลักตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ดำเนินการสำรวจ จัดเก็บ และตรวจสอบข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ของท่าน เพื่อให้เรามีฐานข้อมูลระดับชาติที่สมบูรณ์และพร้อมใช้งานโดยเร็วที่สุด”
“ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความรู้ความสามารถและความมุ่งมั่นของท่านวัฒนธรรมจังหวัดและเจ้าหน้าที่ทุกท่าน เราจะสามารถผลักดันให้พระราชบัญญัติฉบับนี้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ และเสริมสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและยั่งยืน” ปลัด วธ.กล่าวทิ้งท้าย
“เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรม ศมส.ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทหลักตามกฎหมายฉบับนี้ จึงได้ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญและเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ฯ แก่บุคลากรของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นกลไกหลักในการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ และเป็นการชี้แจงแนวทางและเตรียมความพร้อมในการดำเนินการสำรวจ จัดเก็บ และตรวจสอบข้อมูลสำหรับการจัดทำฐานข้อมูลด้านชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการวางนโยบาย ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ศมส. และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ในการผลักดันให้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ได้เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติต่อไป”