วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน

วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน

กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมมือกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (วธจ.) ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นกฎหมายชาติพันธุ์ฉบับแรกของไทย

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธาน เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความเข้าใจกฎหมายชาติพันธุ์และการพัฒนาฐานข้อมูลชาติพันธุ์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568  ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดรูปธรรม โดยมี ผศ.ดร.แพร ศิริศักดิ์ดำเกิง ผู้อำนวยการ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส.) รายงานการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติฯ ซึ่ง ศมส. เป็นหน่วยงานหลักที่กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้จัดทำกฎหมายดังกล่าว พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัดเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า “ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 กันยายน 2568 ถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทย ที่ให้การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเป็นระบบและครอบคลุม”

“กฎหมายนี้ไม่ได้มองพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ในฐานะผู้รับการสงเคราะห์ แต่มองในฐานะผู้ทรงสิทธิและเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองของสังคม และเปลี่ยนวิถีการทำงานของพวกเราทุกคน ที่จะต้องทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมวิถีชีวิต อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์ให้คงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และให้ความหลากหลายนี้เป็น “ทุนทางวัฒนธรรม” ที่แข็งแกร่งของชาติอย่างอย่างยั่งยืน”

“ในโอกาสอันสำคัญนี้ ผมขอมอบนโยบายให้ท่านวัฒนธรรมจังหวัดในฐานะกลไกหลักในระดับพื้นที่ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกแห่ง ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อค้นหาและส่งเสริมศักยภาพทุนทางวัฒนธรรม ทั้งภาษา ภูมิปัญญา การแต่งกาย อาหาร หรือประเพณีต่างๆ ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสร้างความภาคภูมิใจในชุมชน นอกจากนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ กำหนดให้มีการจัดทำฐานข้อมูลด้านชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนนโยบายให้ความคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพ ผมจึงขอมอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกแห่ง ร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ ศมส. ซึ่งมีบทบาทหลักตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ดำเนินการสำรวจ จัดเก็บ และตรวจสอบข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ของท่าน เพื่อให้เรามีฐานข้อมูลระดับชาติที่สมบูรณ์และพร้อมใช้งานโดยเร็วที่สุด”

“ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความรู้ความสามารถและความมุ่งมั่นของท่านวัฒนธรรมจังหวัดและเจ้าหน้าที่ทุกท่าน เราจะสามารถผลักดันให้พระราชบัญญัติฉบับนี้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ และเสริมสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและยั่งยืน” ปลัด วธ.กล่าวทิ้งท้าย

วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน ด้าน ผศ.ดร.แพร ศิริศักดิ์ดำเกิง ผู้อำนวยการ ศมส. กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาที่นับเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย เนื่องจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา พระราชบัญญัติฉบับนี้นับเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศไทยที่ให้การคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเป็นระบบ และที่สำคัญคือเป็นการเปลี่ยนมุมมองของสังคมต่อพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ จากเดิมในฐานะผู้รับการสงเคราะห์มาสู่การเป็นผู้ทรงสิทธิและเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่มีศักดิ์ศรีเสมอกับทุกคนในสังคม”

วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน

“เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรม ศมส.ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทหลักตามกฎหมายฉบับนี้ จึงได้ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญและเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ฯ แก่บุคลากรของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นกลไกหลักในการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ และเป็นการชี้แจงแนวทางและเตรียมความพร้อมในการดำเนินการสำรวจ จัดเก็บ และตรวจสอบข้อมูลสำหรับการจัดทำฐานข้อมูลด้านชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการวางนโยบาย ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ศมส. และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ในการผลักดันให้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ได้เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติต่อไป”  วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน

วธ. - ศมส. ผนึกกำลัง วธจ.ทั่วประเทศ หนุนขับเคลื่อนกฎหมายชาติพันธุ์ ฉบับแรกของไทย ใช้ “ทุนทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์” สร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติอย่างยั่งยืน