29 ก.ย. 2568 | 14:00 น.
ปัญหาสังคมไทย ในปี 2568 ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องบนโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นจนกระทบชีวิตประจำวัน รวมถึงปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ยังสร้างความกังวลให้กับประชาชน ไปจนถึงเรื่องภัยพิบัติอย่างแผ่นดินไหวที่ทำให้ผู้คนใส่ใจความปลอดภัยมากขึ้น
เสียงเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่กระแสชั่วคราว แต่คือข้อมูลจริงที่สะท้อนประสบการณ์และความรู้สึกของสังคมไทย ในขณะเดียวกัน โลกก็เผชิญความผันผวนด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมซึ่งกระทบโดยตรงต่อผู้คน เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2569 กระแส ปัญหาสังคมไทย เหล่านี้จะยิ่งทวีความสำคัญและเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศในอนาคต
ดังนั้น Wisesight Research จึงได้จัดทำรายงานพิเศษเพื่อวิเคราะห์เสียงของประชาชน ชี้ให้เห็นภาพรวมสังคมไทยอย่างรอบด้าน อาจเป็นประโยชน์กับหน่วงงานหรือกระทรวงต่าง ๆ ในประเทศไทยที่จำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวของสังคมไทย เก็บรวบรวมข้อมูลปัญหาหรือความต้องการของประชาชนที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรับใช้กับยุทธศาสตร์การดำเนินงานขององค์กรได้ดียิ่งขึ้น
จากสถิติข้อมูลที่ทีม Wisesight Research รวบรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 พบว่า มีมากกว่า 4 ล้านข้อความ ที่สะท้อนปัญหาสังคมไทยซึ่งผู้คนกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่อง ค่าครองชีพ ไทย ปัจจุบันที่สูงขึ้น ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่ยังสร้างความกังวล รวมถึงความเหลื่อมล้ำที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีประเด็นเรื่อง ขนส่งสาธารณะ ค่าแรงขั้นต่ำ 2568 และสิ่งแวดล้อม ที่เกี่ยวพันกับคุณภาพชีวิตคนไทยโดยตรง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จึงเป็น Consumer Insight สำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าความท้าทายในสังคมไทยไม่ได้เป็นเพียงข่าว แต่คือสิ่งที่คนจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่จริงในชีวิตประจำวัน
เมื่อเจาะลึกข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย จะเห็นได้ว่ามีบางประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางและมีอิทธิพลต่อทัศนคติของผู้คนมากที่สุด ซึ่งเสียงเหล่านี้สะท้อนปัญหาสังคมไทยที่ควรถูกหยิบยกมาวิเคราะห์อย่างจริงจังต่อไป โดยปัญหาประเทศไทยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ
ค่าครองชีพที่สูงขึ้น : จากเสียงสะท้อนของประชาชนบนโซเชียลมีเดียกว่า 238,356 ข้อความ ชาวโซเชียลพูดถึงค่าครองชีพไทยปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในปัญหาเศรษฐกิจไทยที่กระทบคุณภาพชีวิตอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่ไม่สัมพันธ์กับรายได้จริง เกิดการตั้งคำถามว่าทำไม ค่าแรงขั้นต่ำ 2568 ยังไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่แท้จริง จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการควบคุมราคาสินค้า พร้อมสนับสนุนการปรับค่าแรงให้สมดุลกับสภาพเศรษฐกิจ เพื่อบรรเทาความเหลื่อมล้ำและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครัวเรือนไทย
ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา : จากเสียงสะท้อนของประชาชนบนโซเชียลมีเดียกว่า 187,599 ข้อความ พบว่า “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” เป็นปัญหาในประเทศไทย ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีข้อจำกัดด้านรายได้ซึ่งต้องเลือกระหว่างค่าใช้จ่ายปัจจุบันกับการลงทุนด้านการศึกษา ชาวโซเชียลให้ความสนใจให้ภาครัฐและสังคมร่วมกันสร้างโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียม ทั้งการสนับสนุนทุนการศึกษา ลดภาระค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพโรงเรียนให้ใกล้เคียงกัน เสียงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาในไทยที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ : จากเสียงสะท้อนของประชาชนบนโซเชียลมีเดียกว่า 173,465 ข้อความ พบว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์กำลังกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสังคมไทยที่สร้างความไม่ปลอดภัยทางการเงินและทำให้ประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลควรเร่งดำเนินการกวาดล้างอย่างจริงจัง ควบคู่กับการป้องกันไม่ให้เครือข่ายเหล่านี้ขยายตัว พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้เสียหายและสร้างระบบติดตามเงินคืนที่โปร่งใสมากขึ้น
เสียงสะท้อนของชาวโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ปัญหาประเทศไทย ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เรื่องเดียว แต่เกี่ยวพันกับปัญหาสังคมไทยและการทำงานของกระทรวงหลัก ๆ เกือบทุกด้าน ซึ่งชาวโซเชียลให้ความสนใจในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง, เรื่องราคาสินค้าและพลังงานจากกระทรวงพลังงานและพาณิชย์, มิติความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ และ สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนจากกระทรวงสาธารณสุขและแรงงาน
นอกจากเสียงของประชาชนบนโซเชียลมีเดียที่ดังที่สุดแล้ว ยังมีประเด็นที่อาจไม่ใช่กระแสหลักแต่ไม่เคยเงียบหายไปจากการสนทนาของประชาชนบนโซเชียลมีเดีย เสียงเหล่านี้สะท้อนถึงความกังวล ความหวัง และความต้องการที่ยังคงอยู่ในสังคมอย่างต่อเนื่อง
แอปฯ ของทางภาครัฐ : จากเสียงของประชาชนบนโซเชียลมีเดียกว่า 31,097 ข้อความ พบว่าปัญหาหลักของการใช้งาน App ภาครัฐ คือความยุ่งยาก ซ้ำซ้อน และไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้จริง ชาวโซเชียลให้ความสนใจกับการที่รัฐบาลควรพัฒนาแอปให้ใช้งานง่าย ปลอดภัย และช่วยแก้ปัญหาสังคมไทยด้านดิจิทัล รวมถึงเชื่อมโยงได้เหมือนแพลตฟอร์มหรือแอปของภาคเอกชน เพื่อให้เท่าทันความต้องการของประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัล จึงต้องมองให้ชัดว่าปัญหาในสังคมไทยมีอะไรบ้างที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
การเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะ : จากเสียงสะท้อนของประชาชนบนโซเชียลมีเดียกว่า 11,792 ข้อความ พบว่าปัญหาขนส่งสาธารณะยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสังคมไทย ที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงที่ไม่ทั่วถึงในต่างจังหวัด ซึ่งส่งผลต่อ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน หลายเสียงพูดถึงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐควรพัฒนาระบบขนส่งให้เชื่อมต่อกันมากขึ้น เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทย และลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการเดินทางได้อย่างยั่งยืน
ในช่วงที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่อาจถูกพูดถึงเงียบ ๆ มานาน แต่เพิ่งถูกผลักขึ้นมาเป็นกระแสใหญ่ในสังคม เสียงของประชาชนเริ่มดังขึ้นจนสะท้อนให้เห็นทิศทางใหม่ของปัญหาสังคมไทยที่น่าจับตามอง
ค่าแรงขั้นต่ำ 400 : เสียงของประชาชนบนโซเชียมีเดียสะท้อนกว่า 17,216 ข้อความ จากประชาชนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 2568 มีทั้งด้านบวกและด้านลบ หลายคนมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ไม่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นจริง เพราะค่าครองชีพปรับสูงตามไปด้วย สะท้อนถึงปัญหาสังคมไทยด้านเศรษฐกิจ ที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างรายได้แรงงาน ชาวโซเชียลพูดถึงว่าภาครัฐควรหาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืน เพื่อไม่ให้การขึ้นค่าแรงกลายเป็นเพียงการแก้ปัญหาเพียงชั่วคราว
เที่ยวไทยคนละครึ่ง : เสียงสะท้อนจากประชาชนกว่า 10,691 ข้อความ เห็นว่านโยบายนี้ไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจในชีวิตจริง เพราะค่าใช้จ่ายหลักอย่างค่าครองชีพยังสูงและไม่ได้รับการแก้ไข หลายคนยังเจอปัญหาเรื่อง App เที่ยวไทยคนละครึ่ง ที่ใช้งานยากและไม่สะดวก ชาวโซเชียลจึงให้ความสนใจว่าภาครัฐควรปรับเงื่อนไขและออกมาตรการที่ช่วยตรงจุดมากกว่าการกระตุ้นท่องเที่ยวชั่วคราว
ซึ่งสะท้อนว่าประชาชนบางส่วนยังเห็นเป็นความหวังที่รอคอยและอยากให้เดินหน้าต่อไป นี่จึงเป็นสัญญาณว่า นโยบายบางด้านของภาครัฐยังสามารถสร้างแรงศรัทธาได้ และน่าติดตามว่าในปี 2569 ภาครัฐมีนโยบายใหม่อะไรบ้าง ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
เสียงสะท้อนจากประชาชนชัดเจนว่า ประชาชนต้องการให้นโยบายของภาครัฐตอบโจทย์คุณภาพชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพ เศรษฐกิจดิจิทัล หรือระบบสวัสดิการ คำถามสำคัญคือในอนาคตอันใกล้รัฐบาลจะปรับทิศทางนโยบายเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาสังคมไทย และคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมมากน้อยเพียงใด? ซึ่งนี่จะเป็นจุดชี้วัดความเชื่อมั่นครั้งสำคัญของประชาชนต่อภาครัฐในอนาคต