โซอี ไวส์แมน : ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงสองครั้ง ในประเทศที่มีปืนมากกว่าคน

โซอี ไวส์แมน : ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงสองครั้ง ในประเทศที่มีปืนมากกว่าคน

โซอี ไวส์แมน เป็นนักศึกษาผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงถึงสองครั้ง คือที่โรงเรียนมัธยมในพาร์กแลนด์ ปี 2018 และล่าสุดที่มหาวิทยาลัยบราวน์ ประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนทำให้เธอมีอาการ PTSD และผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดขึ้น

KEY

POINTS

…ในอเมริกา การกราดยิงในโรงเรียนคือคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด หากมีใครโทรมาหาคุณทั้งน้ำตา แล้วถามว่าคุณอยู่ตรงจุดไหน มันเป็นความจริงที่ว่าฉันอาศัยอยู่ในประเทศที่เรื่องแบบนี้ (กราดยิง) เกิดขึ้นแทบทุกวัน…

ข้อความส่วนหนึ่งที่ปรากฎอยู่ในบันทึกความทรงจำของ ‘โซอี ไวส์แมน’ (Zoe Weissman) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ในวัย 20 ปี ผู้รอดชีวิตจากการกราดยิงถึงสองครั้ง และนั่นทำให้เธอมีอาการ PTSD จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ไวส์แมนเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมต้นเวสต์เกลดส์ (Westglades Middle School) ซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียนมัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเมืองพาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดา สถานที่ที่อดีตนักเรียนคนหนึ่งเปิดฉากยิง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน

ใช่ว่าจะมีแค่เธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ติดอยู่ในวังวนฝันร้าย เมื่อ ‘มีอา เทรตตา’ (Mia Tretta) ในวัย 21 ปี เธอเองก็คือ ‘เหยื่อ’ อีกราย เทรตตาเคยผ่านเหตุการณ์ถูกเพื่อนร่วมชั้นหยิบปืนขึ้นมากราดยิงครั้งใหญ่ที่โรงเรียนมัธยมซอกัส (Saugus High School) ในปี 2019 ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากลอสแอนเจลิสไปทางเหนือราว 40 ไมล์ การโจมตีครั้งนั้นกระทำโดยเด็กชายวัย 16 ปี ซึ่งคร่าผู้คนไป 2 ราย รวมถึงเพื่อนสนิทที่สุดของเทรตตา และทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเล็งปืนไปที่ตัวเอง เป็นการจบชีวิตลงภายในเสี้ยววินาที

ทั้งสองต้องเผชิญกับเหตุการณ์กราดยิงอีกครั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา หลังจากมือปืนบุกเข้ามายังมหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) บุกเข้ามาฉกฉวยชีวิตนักศึกษา 2 คน และทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 9 คน ก่อนจะหลบหนีไป และถูกพบเป็นศพในวันอีกหกวันให้หลัง

ตำรวจเผยว่าเขาคือ คลาวดิโอ มานูเอล เนเวส วาเลนเต (Claudio Manuel Neves Valente) ชายวัย 48 ปี อดีตนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยบราวน์ ซึ่งเคยเรียนอยู่เมื่อ 25 ปีก่อน โดยเขาลงทะเบียนเป็นนักศึกษาปริญญาเอกในสาขาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยบราวน์ในปี 2000 และศึกษาอยู่ไม่ถึงหนึ่งปี ก่อนจะพักการเรียนไป และถอนตัวในเวลาต่อมา เชื่อกันว่าในฐานะนักศึกษาฟิสิกส์ เขาใช้เวลาอยู่ในอาคารวิศวกรรมศาสตร์ Barus & Holley เป็นส่วนใหญ่ เขาจึงเลือกอาคารนี้เป็นเป้าหมายของการก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่ระบุว่า วาเลนเตเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาในปี 2000 ด้วยวีซ่านักศึกษา และได้รับสถานะพำนักถาวรอย่างถูกต้องตามกฎหมายในเดือนเมษายน ปี 2017

โซอี ไวส์แมน : ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงสองครั้ง ในประเทศที่มีปืนมากกว่าคน

แม้ทุกอย่างจะคลี่คลายภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ แต่ภาพฝันร้ายยังคงตามหลอกหลอนผู้อยู่ในเหตุการณ์ โดยเเฉพาะนักศึกษาทั้งสองไม่เว้นวัน และยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดขึ้นไปอีกว่า หากมีคนที่เคยผ่านพ้นช่วงเวลาเช่นนั้นมาได้ถึงสองครั้ง แสดงว่ากฎหมายในสหรัฐฯ น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

“ไม่มีใครในประเทศนี้คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง” เทรตตากล่าว 

“แต่พอมันเกิดขึ้นกับคุณแล้ว คุณก็จะคิดหรือถูกบอกว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก และแน่นอนว่านั่นไม่เป็นความจริง” 

ขณะที่ไวส์แมนซึ่งตกอยู่ในความหวาดกลัว และโกรธเคืองต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกล่าวต่อ “ฉันคิดว่าผู้กำหนดนโยบายควรละอายใจที่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น..

“มันมาถึงจุดที่คนอย่างฉันต้องผ่านมันมาถึงสองครั้ง และฉันคิดว่า หากพวกเขาใส่ใจประชาชนจริง ๆ พวกเขาก็ควรเห็นด้วยกับการผ่านกฎหมายป้องกันความรุนแรงจากปืนที่ครอบคลุมทุกรัฐ ฉันว่าถ้าพวกเขาไม่ทำ มันก็ค่อนข้างเชื่อได้ยากอยู่นะ ที่จะมั่นใจว่าพวกเขาใส่ใจประชาชนที่เลือกเขา เข้ามาทำหน้าที่ดูแลพวกเรา

“และฉันอยากย้ำจริง ๆ ว่า หากนักการเมืองต้องการได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง พวกเขาจำเป็นต้องแสดงความพยายามอย่างจริงจังในการผลักดันกฎหมายป้องกันความรุนแรงจากปืนในระดับรัฐบาลกลาง และหากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น เราก็จะทำให้แน่ใจว่าจะโหวตไล่พวกเขาออก เพราะเราเป็นประเทศเดียวที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และบังเอิญว่าเราเป็นประเทศเดียวที่มีจำนวนปืนมากกว่าจำนวนประชากร”

เหตุการณ์กราดยิงที่ผ่านมา ไวส์แมนกล่าวว่าเธอกำลังอยู่ในหอพัก และเพื่อนก็โทรมาบอกว่ามีนักศึกษาหลายคนกำลังวิ่งหนีออกจากอาคารเรียนแห่งหนึ่งในแคมปัส และมีแนวโน้มว่าเหตุยิงกำลังเกิดขึ้น

ไวส์แมนบอกว่าเธอเลือกที่จะอยู่ที่หอพักต่อไป แม้ใจจะเต้นรัวจนแทบหลุดออกมาก็ตาม

“ตอนแรก ฉันตื่นตระหนกมาก พอฉันรู้รายละเอียดมากขึ้น และรู้สึกว่าอันตรายอาจจะมาถึงหอ ฉันก็รู้สึกชาวูบ เหมือนกับตอนที่ฉันอายุ 12 ปีไม่มีผิด”

หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นไวส์แมนได้ออกมาแชร์บันทึกถึงเหตุการณ์นั้นเพิ่มเติมว่า …ฉันอยู่ในหอพัก กำลังคิดว่าจะไปห้องสมุดดีไหม ตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับอีกคนอยู่ เลยส่งข้อความไปหาเธอว่า “พิมพ์มาแทนได้ไหม?” แต่เธอกลับโทรมาหาฉันไม่หยุด ฉันคิดว่า นั่นไม่ดีแน่ เมื่อฉันรับสาย เธอถามว่าฉันอยู่ที่ Barus & Holley ไหม เสียงเธอเหมือนกำลังร้องไห้ ฉันบอกเธอว่า 

“ฉันอยู่ในหอ มีการยิงเหรอ?” เธอไม่ยอมตอบ 

ฉันเลยพูดว่า “ฉันคิดว่าเธอควรบอกฉันนะ” 

หอของฉันเดินไป Barus & Holley แค่ห้านาที เธอยืนยันว่ามีการยิง และบอกว่ามีคนวิ่งหนีออกมาจากอาคารนั้นเข้าไปยังบริเวณที่เธออยู่ ประมาณหนึ่งหรือสองนาทีหลังจากนั้น เราก็ได้รับการแจ้งเตือนจากทางมหาวิทยาลัย แล้วฉันก็เริ่มได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

ในตอนแรก ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ในอันตราย แต่พอรู้ว่ามันเกิดขึ้นในห้องเรียนหนึ่งห้องในอาคารนั้นโดยเฉพาะ ฉันก็สามารถทำให้ร่างกายสงบลงได้ ฉันคิดว่าที่ฉันถามเพื่อนทันทีว่ามีการยิงหรือไม่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันมี PTSD สมองของฉันเลยจะคิดไปทางนั้นกับทุกที

…มหาวิทยาลัยประกาศล็อกดาวน์ต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ชั่วโมงถัดมา ฉันคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ตลอด พวกเขาพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ฉันบอกได้เลยว่าพวกเขากำลังตื่นตระหนก มันให้ความรู้สึกเหมือนกับปฏิกิริยาที่พวกเขามีตอนพาร์กแลนด์ทุกอย่าง แต่เพราะตอนนี้ฉันโตขึ้นแล้ว ฉันจึงรับรู้มันได้มากขึ้น ฉันรู้สึกสงสารพวกเขามาก ที่ต้องผ่านเรื่องนี้อีกครั้ง เมื่อพวกเขารู้ว่าฉันไม่ได้อยู่ในอาคารนั้น ความกังวลของพวกเขาก็หันมาห่วงเรื่องสุขภาพจิตของฉันว่าเป็นอย่างไรแทน

ฉันเหมือนอยู่ในอาการช็อก แล้วก็โกรธมากด้วย ไม่ใช่แค่ว่ามันเกิดขึ้นกับฉันอีกครั้งเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้ การรอดชีวิตจากเหตุยิงทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะแทบไม่มีใครเคยผ่านมันมาเหมือนกัน ตอนนี้ ที่บราวน์พวกเราทุกคนมีประสบการณ์ร่วมกันนี้ และฉันเกลียดมัน 

ฉันรู้สึกว่าเพื่อนร่วมชั้นหลายคนของฉันยังไม่พร้อมจะพูดถึงมัน แต่จากคนที่ฉันได้คุยด้วย มีทั้งความโศกเศร้า ความหวาดกลัว และความคับข้องใจมากมาย ฉันเห็นเพื่อน ๆ ของฉันกำลังผ่านช่วงเริ่มต้นของบาดแผลทางใจแบบเดียวกับที่ฉันเคยผ่านมา ฉันรู้สึกหมดหนทางอยู่เหมือนกัน ฉันได้คุยกับเพื่อน ๆ และสนับสนุนให้ทุกคนไปหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยพาพวกเขาผ่านเรื่องนี้ไปได้

ส่วนเทรตตา ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม เล่าถึงเหตุผลที่เธอเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยบราวน์เพราะเชื่อว่ามหาวิทยาลัยที่มีขนาดเล็กจะปลอดภัยกว่า แต่ความตั้งใจของเธอก็พังทลายลงในชั่วพริบตา และทำให้เธอจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกตลอดเวลาที่เหลือ

“ฉันอยู่ในหอพัก กำลังอ่านหนังสืออยู่ ตอนแรกว่าจะไปอ่านหนังสือที่อาคารวิศวกรรมและฟิสิกส์ (Barus & Holley) แต่เปลี่ยนใจเพราะรู้สึกเพลีย ๆ”

เหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยบราวน์ทำให้ข้อเรียกร้องเรื่องการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ กลับมาเป็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง เพราะจากข้อมูลของ Gun Violence Archive ซึ่งนับเหตุการณ์ที่มีผู้ถูกยิงตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปเป็นเหตุกราดยิง ระบุว่าในปีนี้เพียงปีเดียว มีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นแล้ว 389 ครั้งทั่วสหรัฐอเมริกา ขณะที่ปีที่แล้วมีรายงานเหตุกราดยิงมากกว่า 500 ครั้ง

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีจำนวนปืนมากกว่าจำนวนคน โดยข้อมูลจาก Small Arms Survey ระบุว่ามีอาวุธปืนที่พลเรือนครอบครองอยู่มหาศาลถึง 393 ล้านกระบอก (ในขณะที่มีประชากรราว 335 ล้านคน) หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยคือประชากรทุก ๆ 100 คน จะมีปืนครอบครองอยู่ถึง 120 กระบอก ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดในโลก และเป็นต้นตอของโศกนาฏกรรมที่ซ้ำเติมบาดแผลของผู้คนในสังคมอย่างไม่จบสิ้น

นักศึกษาทั้งสองคนเปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นความโกรธ และแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงจากปืน

ไวส์แมนได้กลายเป็นนักเคลื่อนไหวที่เรียกร้องให้มีการควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวด ตั้งแต่ตอนที่เธออายุ 16 ปี เธอเป็นประธานของ March for Our Lives ในพาร์กแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาของกลุ่มที่ก่อตั้งร่วมโดยเดวิด ฮ็อกก์ (David Hogg) ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส

“หลังเหตุการณ์ที่เจอเมื่อวันเสาร์ มันทำให้ฉันโกรธ ที่ฉันเคยคิดว่าฉันจะไม่ต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว และนี่ฉันก็กลับมาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง หลังจากผ่านไปแปดปี” ไวส์แมนบอก

การออกมาเป็นกระบอกเสียงเพื่อให้รัฐหันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมอาวุธปืนนั้น ไวส์แมนบอกว่านี่คือวิธีการเยียวยาตัวเอง ให้กลับมายืนอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ เพราะไม่เช่นนั้น เธอคงหวาดกลัวจนไม่อยากออกมาใช้ชีวิตอีก

“ในฐานะผู้ที่ฉันอยู่ในเหตุกราดยิงถึงสองครั้ง ฉันคิดว่าการออกมาเคลื่อนไหว ทำให้ผู้คนเห็นหน้าฉัน ได้ฟังเรื่องราวของฉัน พวกเขาจะหันมาตระหนักถึงความร้ายแรงของอาวุธปืนมากขึ้น

“ตอนนั้น สิ่งที่เคยทำให้ฉันรู้สึกสบายใจคือ แบบว่าตามหลักสถิติแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับฉันอีก แต่กลายเป็นว่าเรากำลังมาถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถพูดแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว” ไวส์แมนสรุป

ส่วนเทรตตาเองก็ไม่ต่างกัน เธอบอกว่า นับตั้งแต่วันที่เธอถูกยิงในปี 2019 เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

“ฉันไม่เคยเป็นคนเดิมอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น และฉันคิดว่าสำหรับนักศึกษาที่บราวน์ ก็คงไม่แตกต่างกัน”

 

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : Zoe Weissman

 

อ้างอิง

'Policymakers need to be ashamed': This was 2nd lockdown for Parkland student.

Brown University and MIT shooting suspect found dead; identified as former grad student. 

For at least 2 Brown University students, this is their 2nd school shooting.

For two Brown University students, school shooting wasn't their first.

I’m a Two-Time School-Shooting Survivor Zoe Weissman was 12 when she lived through Parkland. At 20, she just went through it again at Brown University.

Two survivors of Brown University attack escaped other school shootings.

“We’re Angry”: Brown Univ. Student & Parkland Survivor Zoe Weissman Demands Action on Gun Violence.