พราว กรุ๊ป ส่งอภิมหาโปรเจกต์ “อันดามันดา ภูเก็ต” งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท ปลุกพลังฟื้นฟูการท่องเที่ยว ตั้งเป้า นทท. 1 ล้านคนต่อปี พร้อมเปิดให้บริการ พ.ค. 65 นี้

พราว กรุ๊ป ส่งอภิมหาโปรเจกต์ “อันดามันดา ภูเก็ต” งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท ปลุกพลังฟื้นฟูการท่องเที่ยว ตั้งเป้า นทท. 1 ล้านคนต่อปี พร้อมเปิดให้บริการ พ.ค. 65 นี้
พราว กรุ๊ป เปิดตัว “อันดามันดา ภูเก็ต” โครงการล่าสุด ที่มาพร้อมความโดดเด่นแบบมิกซ์ยูส มัดรวมทุกความบันเทิง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ไว้ในที่เดียว บนเนื้อที่ 58 ไร่ ใจกลางภูเก็ต ตั้งเป้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นของประเทศ อีกทั้งเชื่อมั่น จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก หวังรับนทท. 1 ล้านคนต่อปี สอดรับและสนับสนุนนโยบายการท่องเที่ยวไทยปี 65 พราว กรุ๊ป ส่งอภิมหาโปรเจกต์ “อันดามันดา ภูเก็ต” งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท ปลุกพลังฟื้นฟูการท่องเที่ยว ตั้งเป้า นทท. 1 ล้านคนต่อปี พร้อมเปิดให้บริการ พ.ค. 65 นี้ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานในพิธี ได้กล่าวแสดงความยินดี ที่ได้มีการเปิดตัวโครงการอันดามันดา ภูเก็ต ซึ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน ในการสร้างแหล่งท่องเที่ยว Man Made destination เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวที่เริ่มคลี่คลายขึ้น จากที่ได้มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ภายหลังเมื่อสถานการณ์ covid ได้เริ่มคลี่คลายลง ภาคการท่องเที่ยว เป็นภาคเศรษฐกิจที่มีความสำคัญยิ่งต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะเป็น ภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากสถานการณ์โควิด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการว่างงาน และการหยุดกิจการของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ในระยะเริ่มต้นของการฟื้นฟูประเทศ หลังสถานการณ์ covid เริ่มคลี่คลาย นั้น  การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะได้ผลที่รวดเร็วและตรงกับปัญหาของประเทศได้มากกว่าการลงทุนด้านโครงการใหญ่ๆ ในภาคอุตสาหกรรมอื่น เพราะต้องอาศัยความเชื่อมั่นและระยะเวลาในการดำเนินการ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ด้วยความรวดเร็วมากกว่านักลงทุน รายได้จากนักท่องเที่ยวกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ทุกอาชีพในระยะเวลาอันสั้น จะเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจรากหญ้าให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว การลงทุนในโครงการอันดามันภูเก็ตเกือบ 5 พันล้านของภาคเอกชนจะมีนัยยะสำคัญต่อความเชื่อมั่นของการกลับมาของการท่องเที่ยวของประเทศไทยและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และจะเป็นการตอกย้ำความเป็นเมืองเท่องเที่ยวของเมืองไทย และส่งเสริมให้เมืองภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืนอีกด้วย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมของจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของไทยอย่างภูเก็ตว่า “ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาภูเก็ตเฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 คน ซึ่งในปัจจุบันพบยอดจองห้องพักเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อว่าการยกเลิกระบบ Test & Go อาจเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากถึงวันละ 6,000 คน และตั้งเป้าไว้ที่หลักหมื่นคนต่อวัน โดยขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต และภาคเอกชนได้มีการเตรียมความพร้อมแล้วในหลายด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการผลิกพื้นเศรษฐกิจของภูเก็ตโดยรวม” นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า “ภูเก็ตมีความพร้อมอย่างยิ่งในทุกๆ ด้าน เห็นได้ชัดจากโครงการภูเก็ต แซนด์บอกซ์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของภูเก็ตมีผลต่อภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งไม่นานมานี้ ททท. ได้มีการเปิดตัว “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” ในการช่วยพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย สนับสนุนให้ “เที่ยวในไทย ปลอดภัย ประทับใจ ยั่งยืน และเศรษฐกิจเติบโต” โดยตั้งเป้าดึงยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ 0.65-1.2 ล้านล้านบาท และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวกว่า 160 ล้านครั้ง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนโดยรวม 1.3-1.8  ล้านล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้ของ ททท. จะช่วยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังภูเก็ตมากขึ้น และเอื้อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวภูเก็ตได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากแคมเปญนี้” นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า “ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ซึ่งมีการปรับเงื่อนไขในการเข้าประเทศ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น คาดว่า 3 ตลาด ที่จะเดินทางเข้ามาและจะเสริมในช่วงโลว์ซีซัน ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมถึงหากรัฐบาลต่ออายุโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 จะทำให้มีคนไทยมาเสริม ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากเดิมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 400-500 คน เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 2,000-3,000 คน ดังนั้นเชื่อว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนมาตรการเข้าราชอาณาจักรในลักษณะที่ผ่อนคลายอย่างมาก จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 เท่า จากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละ 3,000 คน จะเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 คน และในช่วง 4 เดือน คือ ระหว่างเดือน มิ.ย. ถึง ก.ย.นักท่องเที่ยวจะกลับมาประมาณ 40% ของปี 2019” นายไบรอัน วอร์คเกอร์ สมิท บริษัท ไวท์วอเตอร์ เวสต์ อินดัสทรี ผู้ผลิตเครื่องเล่น กล่าวว่า “ทางไวท์วอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสไลเดอร์ชั้นนำ จากประเทศแคนาดา ซึ่งได้มีผลงานออกแบบ และผลิตเครื่องเล่นให้แก่ เรือสำราญ โรงแรม สวนน้ำ และสวนสนุกชั้นนำหลายๆ แห่งทั่วโลก อย่างเช่นสวนน้ำ Wild Wadi ประเทศดูไบ และสวนน้ำ Disney’s Typhoon Lagoon รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยมาตรฐานการออกแบบและความปลอดภัยเหนือกว่า อีกทั้งประสบการณ์ในการออกแบบเครื่องเล่นมาแล้วกว่า 40 ปี จึงมีความมั่นใจว่านักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยี่ยมเยือน ที่อันดามันดา ภูเก็ต จะได้รับทั้งความสนุกและความปลอดภัยอย่างสูงสุด และยังเชื่อมั่นว่า อันดามันดา ภูเก็ต ซึ่งครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ความบันเทิง จะไม่เป็นเพียงแค่สวนน้ำระดับเวิลด์คลาสที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มคนมิลเลนเนียล และการเดินทางแบบครอบครัว แต่น่าจะนับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่สวยและอลังการ และตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย” พราว กรุ๊ป ส่งอภิมหาโปรเจกต์ “อันดามันดา ภูเก็ต” งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท ปลุกพลังฟื้นฟูการท่องเที่ยว ตั้งเป้า นทท. 1 ล้านคนต่อปี พร้อมเปิดให้บริการ พ.ค. 65 นี้ นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พราว เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมา พราว กรุ๊ป สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังมากมาย โดยเฉพาะการเป็นผู้นำทางด้านไลฟ์ไสตล์ของเมืองหัวหินด้วยหลายธุรกิจที่มี อย่างโรงแรม อินเตอร์คอนทินเนลทัล หัวหิน รีสอร์ท โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ วานา นาวา หัวหิน สวนน้ำวานา นาวา หัวหิน รวมทั้ง ทรู อารีน่า หัวหิน ศูนย์รวมสปอร์ตไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมของเอเชีย อีกทั้งยังเป็นผู้นำการจัดอีเว้นท์ด้านกีฬาระดับนานาชาติ และคอนเสิร์ตระดับโลกหลายรายการใจกลางเมืองหัวหินอีกด้วย    ต่อเนื่องจากความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่บริการที่หัวหิน โดยเฉพาะในส่วนของ โครงการ วานา นาวา ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสแห่งการผักผ่อนและการบันเทิงแห่งแรกของไทย ที่ได้รับความนิยมจนกระทั่งเคยได้รับโหวตให้เป็นสวนน้ำที่ดีที่สุดอันดับ 3 ในทวีปเอเซีย ในปี 2020 บนเว็บไซท์ TripAdvisor ส่งต่อความตั้งใจที่จะขยายโครงการไปยังจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย โดยปักธงให้จังหวัดภูเก็ต เป็นก้าวต่อไปที่แข็งแกร่งและสร้างความภาคภูมิใจของพราว กรุ๊ป โดยในปี 2562 ได้มีการพัฒนาโครงการและเปิดให้บริการโรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท โรงแรมระดับลักชัวรี่ โดดเด่นด้วยที่ตั้งโอบล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์อันน่าทึ่งของทะเลอันดามันและหาดทรายขาว ด้วยแนวคิดการออกแบบไทยร่วมสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Heaven on Earth” และล่าสุดกับโปรเจกต์สุดยิ่งใหญ่ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2565 อย่างอันดามันดา ภูเก็ต คุณพราวพุธให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ภูเก็ตได้รับการยอมรับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางธุรกิจโรงแรม หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทมนุษย์สร้างขึ้น หรือ Man-made attraction จึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ อันดามันดา ภูเก็ต ด้วยงบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท บนพื้นที่ขนาดใหญ่ 58 ไร่ ทั้งหมดประกอบไปด้วย 3 ส่วนธุรกิจคือ 1) สวนน้ำ 2)โรงแรม และ 3) พื้นที่รีเทลเชิงไลฟ์สไตล์ ที่มาพร้อมกับโชว์น้ำพุสุดอลังการ โดยในส่วนของสวนน้ำเตรียมจะเปิดในเดือน พ.ค. นี้ โดยโครงการฯ นี้ ถูกวางตำแหน่งให้เป็นมากกว่าสวนน้ำ แต่มุ่งให้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบครบวงจร รวมของดี วัฒนธรรม และจุดน่าสนใจต่างๆ ของเมืองภูเก็ตมารวมไว้ ในที่เดียวกัน  เชื่อมั่นว่าจะต้องกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของภูเก็ตที่ทุกคนต้องมาเยือน เสน่ห์ของสวนน้ำระดับโลกแห่งนี้ถูกถ่ายทอดผ่านแนวคิดและแรงบันดาลใจ “Thai Legend Meets Fantasy” เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทย เติมเต็มไปด้วยความสนุกสำหรับทุกเพศทุกวัย มีการวางประสบการณ์การท่องเที่ยว บน 3 ธีมหลักๆ คือ 1) การผจญภัย (Adventure) 2) วัฒนธรรม (Culture) 3) การพักผ่อนหย่อนใจ (Leisure) เพื่อรองรับความต้องการของทักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย หลากหลายความต้องการ  โดยมีทะเลเทียมขนาดใหญ่ 10,000 ตร.ม. สามารถโต้คลื่นได้สูงสุดถึง 3 เมตร ที่เดียวในไทย ที่มาพร้อมกับหาดทรายเทียมที่มีความยาวกว่า 300 เมตร  และยังสามารถรองรับคนได้มากกว่า 5,000 คนสำหรับการจัดงานและอีเว้นท์ต่างๆ เครื่องเล่นและจุดน่าสนใจทั้งหมดกว่า 25 รายการ รวมไปถึงสไลเดอร์สุดเร้าใจกว่า 12 สไลเดอร์ โซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กกว่า 5,300 ตารางเมตร  ทั้งสำหรับสาย Adrenaline สายชิลล์ และเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยหน้าผาและก้อนหินจำลอง เพื่อสื่อถึงเสน่ห์ของทะเลอันดามันที่เต็มไปด้วยภูเขาหินทราย เขาตะปูจำลองขนาดเท่าของจริง Lazy River ที่ยาวที่สุดในไทย ตลาดน้ำที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชาติ  Ultimate Theme Party ทุกเดือน และอีเว้นท์กับคอนเสิร์ตระดับโลกที่จะมีขึ้นตลอดทั้งปี ดังนั้นเชื่อว่า อันดามันดา ภูเก็ต จะกลายเป็นใจกลางของความบันเทิงแห่งใหม่ของเมืองภูเก็ต พราว กรุ๊ป ส่งอภิมหาโปรเจกต์ “อันดามันดา ภูเก็ต” งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท ปลุกพลังฟื้นฟูการท่องเที่ยว ตั้งเป้า นทท. 1 ล้านคนต่อปี พร้อมเปิดให้บริการ พ.ค. 65 นี้ สำหรับสวนน้ำ ที่เปิดใหม่ในยุคดิจิทัล อันดามันดา ภูเก็ต ได้มีการนำระบบ cashless payment ผ่านสายข้อมือ RFID มาใช้ อีกทั้งยังมี APP ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานในช่วงไตรมาสที่สาม จะทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการสามารถเพิ่มความสนุก และเก็บคะแนนจากการใช้จ่าย และเล่นเกมส์ AR ภายในสวนน้ำ ถือว่าเป็น Gamification ของประสบการณ์การเที่ยวในสวนน้ำครั้งแรกในไทย และเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่เที่ยวแบบมีจิตสำนึก (Conscious Traveler) ที่เพิ่มขึ้น อันดามันดา ภูเก็ต ยังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยนโยบาย Zero Waste หรือการจัดการน้ำเสียและการนำน้ำมารีไซเคิลแบบ 100% เพื่อให้เกิดการประหยัดและใช้น้ำอย่างคุ้มค่าที่สุด มีการนำน้ำบาดาลมาใช้และลงทุนในระบบกรองน้ำ Reverse Osmosis เพื่อลดการใช้น้ำประปาไปถึง 20% และตั้งเป้าจะเป็นสวนน้ำที่แรก ที่ไม่มีการใช้ Single Use Plastic ไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำพลาสติก หรือหลอดต่างๆ  ในส่วนของความปลอดภัยนั้น ได้มีการจ้างไลฟ์การ์ดกว่า 200 ชีวิต โดยที่ทุกคนจะได้รับการฝึกและอบรบภายใต้หลักสูตรของ Ellis & Associates' International Lifeguard Training Program (ILTPTM) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานของความปลอดภัยที่สูงที่สุดในธุรกิจสวนน้ำอีกด้วย คุณพราวพุธ กล่าวปิดท้ายว่า อันดามันดา ภูเก็ต จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นศูนย์รวมแหล่งพักผ่อน สวนน้ำ และความบันเทิงในรูปแบบ Integrated Entertainment and Resort Destination ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นน้ำของโลกของเมืองภูเก็ตให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งเชื่อว่า การเปิดในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของภูเก็ตที่สำคัญอย่างทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานกว่า 400 ชีวิต การทำงานร่วมกันกับผู้ส่งและผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น มี Partnership กับโรงแรมในภูเก็ตกว่า 300 โรงแรม ทัวร์เอเจ้นท์กว่า 500 ราย ในการร่วมกันทำการตลาด มีการทำข้อตกลงในการส่งลูกค้ากับกลุ่มขนส่งกว่า 3,000 คัน ตอกย้ำความมั่นใจในการท่องเที่ยวของประเทศไทย พร้อมขานรับนโยบายเปิดประเทศของทางรัฐบาล และหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวของ ททท. ในปี 2565 อย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวจำนวน 1 ล้านคนต่อปี