13 ส.ค. 2568 | 18:20 น.
KEY
POINTS
คำว่า ครอบครัว สำหรับฉันนั้นหมายถึงการที่คนที่มีบทบาทหรือสถานะเป็นพ่อแม่ลูกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหรือมีความเกี่ยวข้องกันในแง่ของเหตุการณ์แวดล้อมที่ใกล้ชิดมากกว่าบุคคลอื่น ส่วนเรื่องความรักความผูกพันที่มีติดตัวตามสายสัมพันธ์นั้น ฉันไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า เพราะตัวฉันเองไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้จึงตอบไม่ได้
ฉันเข้าใจเพียงแค่ว่า เป็นลูกต้องฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง ถ้าทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เสียใจ นั่นคือเป็นลูกที่ไม่ดี
ครั้งยังเด็ก ครอบครัวเรามักไปไหนพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนิทสนมกันแต่อย่างใด พ่อกับแม่ของฉันเป็นคนที่พูดน้อยมากโดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ส่วนใหญ่เรื่องที่ท่านพูดคุยกับฉันมักเป็นเรื่องที่ท่านมองว่ามีประโยชน์ เช่น เรื่องเกี่ยวกับวิชาการเรียน เรื่องงานบ้าน เรื่องการรักษาความสะอาด ไม่ก็เป็นการแนะนำหนังสืออ่านเสริมเกี่ยวกับวิชาที่เรียนในโรงเรียน ไม่ก็หนังสือความรู้รอบตัว
ส่วนพวกของเล่นนั้นนับชิ้นได้เลย ท่านให้เหตุผลว่าหนังสือสามารถต่อยอดให้เราเป็นคนที่มีความรู้ ความคิดที่กว้างไกล ส่วนพวกของเล่นนั้น เล่นได้ไม่นานนักก็เบื่อ ไม่สามารถต่อยอดอะไรต่อไปได้ เรื่องที่คุยกันนอกเหนือจากนี้ก็มักจะเป็นเรื่องสมัยครั้งที่พวกท่านทั้งสองยังเด็ก ผ่านความยากลำบาก หรือประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการเรียนอย่างไรบ้าง
ตอนนั้น ฉันไม่เคยสงสัยเลยว่า ครอบครัวเราแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ฉันเข้าใจว่าการที่เรามีหนังสือเรียนมากกว่าของเล่นนั้นเป็นเรื่องปกติ การที่ไม่เคยถูกถามว่าเวลาเราทำหน้าสีหน้าเศร้าสร้อย ร่าเริงหรือเงียบผิดปกตินั้นกำลังรู้สึกอย่างไรเป็นเรื่องปกติ การที่เราต้องฟังสิ่งที่พ่อแม่พูดในเรื่องที่ท่านต้องการจะเล่าแม้เราจะไม่เคยได้มีโอกาสเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้ท่านฟังก็ตามเป็นเรื่องปกติ การที่เราไม่ไปร่วมกิจกรรม ที่โรงเรียนนอกเหนือจากเวลาไปเรียนเป็นเรื่องปกติ การที่เราไม่นัดเจอเพื่อนในวันหยุดเลยเป็นเรื่องปกติ การที่เราไปไหนมาไหนกับญาติพี่น้องโดยที่ไม่มีพ่อแม่ไปด้วยในบางครั้งเป็นเรื่องที่ไม่ดี หรือการที่เราถูกพร่ำสอนว่าอย่าให้ใจหรือความสำคัญกับใครนอกจากคนที่เราเรียกว่าพ่อ แม่ หรือน้อง เป็นเรื่องปกติ
ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไปที่ทุกคนได้รับการสั่งสอนมาเหมือนกันจึงสั่งสอนน้อง ๆ ตามคำสอนของพ่อแม่ที่ได้รับมา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์หนึ่งในครอบครัวที่ทำให้ทุกอย่างแตกสลายภายในพริบตา ฉันจึงได้มีความเข้าใจใหม่ว่าสิ่งที่ได้รับปลูกฝังมานั้นไม่ใช่เรื่องสามัญ
ฉันมีพี่น้อง 3 คน ฉันเป็นพี่สาวคนโต และมีน้องสาวอีก 2 คน ซึ่งทั้งสองนิสัยแตกต่างจากฉันมาก น้อง ๆ เป็นตัวของตัวเอง และมีคำถามเกี่ยวกับการกระทำของพ่อแม่เสมอ น้องพร้อมจะพูดคุย โต้เถียง หรือทะเลาะกับพวกท่านเพื่อพบว่าสิ่งที่น้องต้องการหรือเข้าใจนั้นไม่ตรงกับความคิดหรือความต้องการของพวกท่าน ส่วนฉันเป็นคนยึดมั่นคำสอนหลักของพ่อแม่ก็พยายามเปลี่ยนน้องให้กลายเป็นเหมือนตัวเอง ที่หลีกเลี่ยงการทะเลาะ และเชื่อว่าท่านอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้ทุกอย่างดีกว่า เข้าใจมากกว่าเราที่ยังเป็นเด็ก
ขณะเดียวกัน พ่อแม่ที่ยึดมั่นในความคิดของตัวเองได้สั่งสอนและปฏิบัติต่อฉันและน้องๆ เหมือนกัน โดยลืมนึกถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ทำให้น้องคนหนึ่งของฉันรู้สึกกดดันจนรับไม่ไหว และในที่สุดก็หาทางหนีจากความตึงเครียดและได้กลายเป็นคุณแม่วัยใสในคราบสาวมัธยมปลาย
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวของฉันพังพินาศลง ทุกคนล้มกันถ้วนหน้า ตอนนั้น ฉันยังเด็ก ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ไม่เข้มแข็งเอาเสียเลย ทำไมไม่ยืนหยัดเพื่อเป็นเสาหลักให้ลูกที่กำลังล้ม ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ ฉันทั้งสับสน ไม่เข้าใจ และหงุดหงิดมาก จนต้องหาหนังสือมากมายมาอ่านเพื่อหาคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อได้อ่านหนังสือหลายเล่มตลอดเวลาหลายปี ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่า ในวันที่ฟ้ามืดมน มีฝนตก ลมพัดกระหน่ำ พ่อแม่ไม่ใช่ผู้มีพลังวิเศษ ท่านเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่สวมบทบาทพ่อกับแม่ ท่านก็เหมือนลูก รักเป็น เจ็บปวดเป็น และเสียศูนย์เป็น น้องสาวของฉันก็เช่นกัน ที่เป็นเพียงมนุษย์ที่เพิ่งลืมตาและใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ ในเวลาเพียงไม่นาน ต่างก็ต้องมีเรื่องที่ยังใหม่และไม่รู้จนทำผิดพลาดได้เหมือนกัน
ในวินาทีที่เข้าใจเรื่องนี้ ฉันจึงเข้าใจตัวเองด้วยว่าฉันคาดหวังกับคำว่าครอบครัวมากเพียงใด ฉันคาดหวังว่าจะต้องเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่ใครๆ มองมาจะต้องอิจฉา ไม่มีส่วนไหนให้ตำหนิหรือเอาไปนินทาได้เลย ฉันที่คิดว่าตัวเองไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับคนในครอบครัว กลับเป็นคนที่มีอารมณ์ร่วมกับคำนี้มากที่สุด ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ทุกคำพูดหรือการกระทำทุกอย่างของคนในครอบครัวมักส่งผลต่อฉันเสมอ ฉันมักเสียใจและร้องไห้ออกมาได้รวดเร็วเสมอเมื่อฉันรับรู้ความทุกข์ของพวกเขา หรือทำให้พวกเขาเสียใจโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงพวกเขาไม่ได้ตรงตามมาตรฐานครอบครัวต้นแบบ แต่ฉันก็ยังแคร์พวกเขา และแม้ว่าฉันไม่ใช่ลูกและพี่สาวในอุดมคติ แต่พวกเขาก็ยังรักฉันในแบบที่บางครั้งฉันก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
ฉันมักถูกถามเสมอว่ารักพวกเขาบ้างไหม ฉันตอบพ่อแม่ว่าไม่รู้ ตอบน้องสาวว่าไม่ คือฉันเข้าใจว่า ความรักคือการที่เราต้องทำให้ใครสักคนมีความสุข ซึ่งฉันไม่ได้ทำ ฉันทำให้พ่อแม่เสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นที่พึ่งพาให้น้องสาวก็ไม่ได้ พูดง่ายๆ ว่าฉันไม่มีประโยชน์อะไรเลย คนที่ทำตัวไม่มีประโยชน์ต่อคนที่รัก ซ้ำยังทำร้ายความรู้สึกเขาอีก นั่นเรียกว่าความรักหรือ ฉันจึงไม่อาจเอ่ยทำเหล่านั้นออกมาได้เลย ประกอบกับเมื่อตอนยังเด็ก เวลาที่ฉันทำในสิ่งที่ท่านไม่พึงประสงค์ พวกท่านมักจะบอกกับฉันเสมอว่า ฉันไม่รักพวกท่าน จึงได้กระทำในสิ่งที่ทำให้พวกท่านเสียใจ
ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมการที่ฉันเป็นตัวของตัวเองในบางครั้งถึงได้กลายเป็นลูกศรทิ่มแทงใจของท่านเสมอเลย ทำไมการเป็น ‘ตัวเอง’ ของพวกฉันสามพี่น้องถึงได้มีราคา ที่ต้องจ่ายเป็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยหรือน้ำตาของพวกท่านเสมอเลย
เมื่อวันเวลาผ่านไป ฉันสะสมคลังความรู้จากหนังสือและประสบการณ์มากขึ้นตามอายุ ในที่สุดฉันก็เข้าใจได้ว่า ท่านทั้งสองมีปมวัยเด็กที่ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้เกี่ยวกับความรักและความใกล้ชิดซึ่งเกิดจากความยากจน จึงทำให้ท่านเลี้ยงดูเราแบบที่เคยถูกเลี้ยงมา ซึ่งมันอาจจะผิดบ้าง ถูกบ้าง ตามประสาพ่อแม่มือใหม่ที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คำสั่งสอนที่พวกท่านได้รับจากปู่ย่าตายายของฉัน หลายอย่างก็ไม่สามารถใช้ได้กับเด็กในยุคปัจจุบันได้
เมื่อฉันได้เข้าใจเรื่องเล่านี้มากขึ้น ก็ทำให้ฉันหงุดหงิดหรือโกรธกับการกระทำที่ผ่านมาของท่านน้อยลง และมองท่านเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง จากเดิมที่มองว่าท่านเป็นยอดมนุษย์ที่ต้องมีความเพียบพร้อมในอุดมคติ
ทุกวันนี้ แม้ครอบครัวเราจะมีเรื่องไม่เข้าใจกันบ่อย กระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เมื่อมีอุปสรรคเข้ามา เราก็ยังคงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจเลยก็ตามว่า เราช่วยกันไปทำไม มีความเหมาะสมอะไรเราถึงต้องช่วย แต่เมื่อถึงเวลานั้น ในหัวใจของพวกเราทุกคนก็รู้ได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ และมือของเรากลับยื่นออกไปอย่างไร้จิตสำนึกในวันที่รับรู้ได้ว่าคนในบ้านอยู่ในห้วงเวลารู้สึกอ่อนแอ โดยที่ยังไม่ทันได้ประมวลความเป็นเหตุผลของการกระทำที่สื่อถึงความรักที่ไม่สามารถระบุที่มาที่ไปได้ชัดเจน แต่กลับเกิดขึ้นจริง
ในครอบครัวที่แม้จะมีบาดแผลที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็พร้อมด้วยกล่องปฐมพยาบาลเพื่อใช้ในการดูแล รักษา เยียวยากันและกันเสมอ ตลอดไป และทั้งหมดนี้คือ สิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า ‘ครอบครัว’ ของฉันเอง
เรื่อง : พิมพ์รําไพ วงศ์นาค