‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

สัมภาษณ์ ‘elijah woods’ ศิลปินชาวแคนาเดี้ยน เจ้าของเพลง 24/7, 365 ที่เขารักการทำเพลงในทุกก้าวเดินและบอกว่าดนตรีคือทุกสิ่งในชีวิต

KEY

POINTS

เชื่อว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเล่น Tiktok คุณคงเคยได้ยินเพลงนี้…

“It's been three years and six whole months. Since I saw your face that night”

นี่คือเพลง ‘24/7, 365’ เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารักของ ‘elijah woods’ ศิลปินชาวแคนาเดี้ยนที่มักจะพาเราไปรู้จักคำว่ารักผ่านหลากหลายแง่มุมผ่านบทเพลงของเขา 

แต่การจะมาถึงวันนี้ วันที่เขากลับมาเยือนประเทศอีกครั้งใน elijah woods: Give Me The Sunlight in Bangkok เส้นทางของเขาอาจจะเจอบททดสอบมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การที่เขาหลงรักเสียงเพลงในทุกวินาที ทุกวัน และทุกปีมาตลอด

ต่อจากนี้ คือ บทสนทนาที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักเขา ‘elijah woods’ ศิลปินที่หลงเสน่ห์ประเทศไทย รักอาหารไทยและอยากใช้ชีวิตกับปัจจุบัน

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

The People : เส้นทางการเป็นศิลปินของคุณ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมโตมากับการเล่นดนตรี พ่อสอนผมเล่นกีตาร์ตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมชอบเกม Guitar Hero มาก และพ่อก็สอนให้ผมเล่นเพลงที่ผมชอบ 2-3 เพลงจากเกมนั้น หลังจากนั้นตอนอายุประมาณ 13 ปี ผมได้เป็นดีเจ ซื้อชุด DJ มาเล่นกับน้องชาย แทนที่จะแบ่งกันเล่น แต่ผมเล่นคนเดียว ไม่เคยให้น้องใช้เลย  จนมันทำให้ผมเริ่มแต่งเพลง ซึ่งผมสนุกมาก ผมเริ่มเขียนจากเรื่องราวส่วนตัวมาก ๆ จนเกิดเป็นเพลงต่าง ๆ มาเรื่อย ๆ  

The People : สิ่งที่ทำให้คุณมั่นใจว่าตัวเองเป็น ‘ศิลปิน’ ได้คืออะไร 

ตอนที่เป็น DJ ผมถูกชวนไปเล่นดนตรีในเทศกาลเล็กๆ ผมตกใจว่ามีคนจ่ายเงินให้ผมไปเล่นเพลง EDM ที่ผมทำเอง แล้วก็ไม่ได้ดีอะไร หลังจากนั้นผมก็เริ่มแต่งเพลงให้ DJ แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกสนุก จนผมพยายามหาทางของตัวเอง เพลงที่ผมแต่งมันก็เริ่มมีมากขึ้น ไม่เคยคิดว่าจะได้ขึ้นเวทีแสดง แต่ช่วงโควิดนั่นแหละที่ผมตัดสินใจว่าอยากร้องเพลง แสดง ออกทัวร์ แล้วผมก็ขอบคุณที่ยังมีคนที่อยากฟังเพลงของผม

The People : ‘ความรัก’ เป็นคำสำคัญที่อยู่ในเพลงของคุณ ความรักมีความหมายกับคุณอย่างไร

ผมคิดว่าความรักหมายถึงการใส่ใจคนรอบข้าง การที่คุณจะอยู่ตรงนั้นเสมอ ไม่ว่าจะช่วงเวลาที่ดีหรือร้ายเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจกันในทุกสถานการณ์  และทำให้มั่นใจว่า คุณจะอยู่ตรงนั้นเพื่อคนที่คุณรัก 

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

The People : รอบนี้คุณกลับมาประเทศไทยอีกครั้งใน elijah woods: Give Me The Sunlight สำหรับคุณ sunlight (แสงอาทิตย์) ที่คุณหยิบมาตั้งชื่อทัวร์หมายถึงอะไร 

ผมคิดว่า Sunlight หรือ Give Me The Sunlight หมายถึง บางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวและอยู่ในความมืด แต่สำหรับผม ทัวร์นี้คือการใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางเพื่อพาผู้คนมาอยู่ด้วยกัน

The People : ทัวร์ครั้งนี้เป็นทัวร์ครั้งที่ 2 ความทรงจำของคุณกับแฟน ๆ ชาวไทยเป็นอย่างไร 

ปีที่แล้วผมได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่นี่เป็นครั้งแรก บัตรรอบแรกขายหมดทันทีจนต้องเพิ่มอีกรอบแล้วก็ขายหมดอีกเหมือนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที สำหรับผมมันพิเศษและจริงมากๆ ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความรักและเสียงดนตรีที่แฟนเพลงไทยส่งมาให้ ทุกคนร้องตามทุกเพลง ซึ่งมันเติมเต็มความรู้สึกของผมในฐานะศิลปินที่อยากร้องเพลงให้กับคนที่เข้าถึงมันได้จริง ๆ

The People : การแสดงคอนเสิร์ต ได้เจอแฟน ๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้คุณสามารถสร้างสรรค์เพลงที่ดีขึ้นไหม 

แรงบันดาลใจมาจากทุกที่ครับ เวลาเล่นคอนเสิร์ต ผมก็อยากทำเพลงให้สนุกและน่าตื่นเต้น ต่างจากตอนอยู่สตูดิโอที่เงียบๆ สิ่งที่ผมชอบคือการเอาเพลงช้าๆ มาปรับให้สนุกและเหมาะกับบนเวที โดยยังคงส่วนที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ใส่การตีความใหม่เข้าไป เพราะผมทำเพลงเองทั้งหมด เลยสามารถสร้างเวอร์ชันพิเศษสำหรับคอนเสิร์ตได้ตลอด

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

The People : เพลงที่ทำให้หลายคนรู้จักคุณ คือ 24/7, 365 ถ้าให้คุณอธิบายความรักเหมือนความหมายของเพลงนี้ คุณจะนิยามคำว่า ‘รัก’ ว่าอย่างไร

ผมจะนิยามว่าเป็นการกินผัดไทยในประเทศไทย เพราะผมสามารถกินอาหารจานนี้ได้ทุกนาที ทุกชั่วโมงของทุกวัน แต่ในความเป็นจริง ความรักและความทุ่มเทแบบนี้ หมายถึงการต้องลงมือทำทุกวัน ทำงานหนัก และใส่ใจทุกขั้นตอน เพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่เพียงนาทีหรือชั่วโมงหนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่จะอยู่ได้นานและผ่านการทดสอบของเวลา

The People : คุณคิดว่าตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ 365 วันต่อปี ศิลปินควรทำอย่างไรเพื่อที่จะยังคงเป็นศิลปินที่ผู้ชมรักไว้ได้  

ต้องเป็นตัวของตัวเอง ผมพยายามทำแบบนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุขหรือช่วงเวลาที่มืดมนในชีวิต โดยเฉพาะตอนนี้มีโซเชียลมีเดีย  มันง่ายมากที่จะเข้าไปแล้วบอกว่า 'นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้' และผมพยายามสะท้อนสิ่งนั้นในเพลงของผมให้มากที่สุด

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

The People : เหมือนคุณกำลังจะปล่อยอัลบั้มใหม่ ‘Can We Talk’ ในเดือนตุลาคม 2025 เบื้องหลังและแรงบันดาลใจของอัลบั้มนี้คืออะไร

สิ่งที่ผมตั้งใจใส่ไว้ในอัลบั้มนี้ คือให้แต่ละเพลงมีข้อความต่างกัน แต่ยังอยู่ในเรื่องเดียวกัน คือ เรามาคุยกันได้ไหม มันอาจหมายถึง ‘เราคุยเรื่องผมรักคุณได้ไหม’ ‘เราคุยเรื่องที่ยาก ๆ กันได้ไหม’ หรือ ‘ผมอยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม’ เพราะผมเองก็ผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาเยอะ และดนตรียังสะท้อนความรู้สึกเหล่านั้นออกมาได้จริงๆ”

The People : สิ่งที่คุณอยากฟังถึงแฟน ๆ ที่กำลังจะได้ฟังทุกเพลงจากอัลบั้มนี้คืออะไร 

ผมเขียนเพลงไปประมาณ 150 เพลง แล้วต้องคัดเหลือแค่ 11 เพลง อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยความรัก ความพยายาม ความลังเล และความไม่แน่นอน แต่ผมคิดว่านี่คือเวอร์ชันที่จริงใจที่สุด ผมตื่นเต้นมากที่จะได้แบ่งปันให้ทุกคนได้ฟัง เวลาที่เก็บเพลงไว้ก่อนปล่อย คุณก็จะคิดว่า ‘หวังว่าคนจะชอบนะ’ แต่พอได้ปล่อยและเห็นการตอบรับ มันเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งเลย ผมแทบรอไม่ไหวที่จะให้ช่วงเวลานั้นมาถึง

ในอัลบั้มนี้เลยมีบทสนทนาที่เกิดขึ้นกับผมทั้งสวยงามและยากลำบาก เพราะทุกครั้งมันมักจบด้วยการทำให้เรารู้จักมิติของความสัมพันธ์ใหม่ๆ 

ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ผมจะบอกพวกเขาคืออยากให้ฟังมันตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่ใช่แค่ 11 เพลงที่เอามาโยนรวมกัน ผมคิดว่าเรื่องราวที่ผมเคยผ่านมามันยากที่จะก้าวผ่านไปด้วยตัวคนเดียว และคงดีกว่าถ้าทุกคนได้ฟัง

The People : วันนี้ดนตรีสำคัญกับคุณอย่างไร 

ดนตรีคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผม ผมไม่มีทักษะอื่นเลย ผมทำอย่างอื่นไม่ได้ ผมพบว่ามันง่ายมากที่จะลืมไปว่าดนตรีมันสำคัญแค่ไหน เพราะต้องอยู่ในวงการ เล่นคอนเสิร์ต ออกทัวร์ และทำเพลงตลอดเวลา แต่สำหรับผม นี่คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ ผมรู้สึกขอบคุณที่ทุกคนซื้อบัตรเพื่อมาฟังเพลงที่ผมแจ่ง

ผมคิดว่ามันคือพลังที่หลอมรวมผู้คนเข้าด้วยกัน คงจริงที่ว่าเพลงสามารถก้าวข้ามภาษาและพรมแดนและนำพาผู้คนมากมายที่แตกต่างมารวมกันได้

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

The People : ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ความท้าทายของการเป็นศิลปินของคุณคืออะไร 

ผมไม่ใช่ Sabrina Carpenter ไม่ใช่ Taylor Swift ผมไม่ได้ออกไปเต้นและออกแบบท่าเต้น ผมดู Benson Boone บนเวที เขาตีลังกากลับหลัง ผมไม่ใช่แบบนั้น 

ผมแค่รักการทำเพลงและชอบร้องเพลงการออกทัวร์และการแสดงเป็นสิ่งใหม่สำหรับผม ผมเลยคิดว่านั่นเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด คือ การนำเพลงจากสตูดิโอขึ้นสู่เวทีและทำให้สนุกสำหรับผมและแฟน ๆ ที่จะได้ฟังมันเป็นครั้งแรก 

The People : สิ่งที่คุณอยากจะพูดหรือบอกแฟนๆ ชาวไทยที่มาดูคอนเสิร์ตหรือรอโปรเจกต์ต่อไปของคุณคืออะไร 

ผมมีสองเรื่องอยากพูด เรื่องแรกคือขอบคุณที่มาหาผม การลุกจากเตียง ใส่รองเท้า และมาที่คอนเสิร์ตต้องใช้ความพยายามมาก ผมซาบซึ้งใจจริงๆ กับทุกคนที่มาดูคอนเสิร์ต 

ผมรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่พิเศษและหาได้ยาก โดยเฉพาะกับแฟนๆ ชาวไทยกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในตลาดสตรีมมิ่งอันดับสองหรือสามของผมมาตลอด และนั่นพิเศษมาก มันทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับประเทศไทย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารหรือผู้คน ทุกครั้งที่ผมมา เหมือนผมอยู่บ้าน ขอบคุณที่ทำให้ช่วงเวลาเหล่านี้เกิดขึ้น

The People : พลังของแฟนคลับชาวไทยทรงพลังมากจริง ๆ 

มันพิเศษมาก ผมรักมันเลย คอนเสิร์ตสองรอบเมื่อปีที่แล้วมันพิเศษมาก และเป็นไฮไลท์ของการทัวร์ของผมเลย

‘elijah woods’ ความรักในเสียงเพลงตลอด 24/7, 365 บนชีวิตที่ไม่เคยหยุดเดิน

The People :  ก้าวต่อไปของ elijah woods เราจะได้เห็นคุณในแง่มุมไหนอีกในอนาคต 

ผมมีความฝันและแรงบันดาลใจมากมาย ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่วุ่นวายมาก ผมโชคดีที่ได้มาเอเชียเป็นครั้งแรก ออกทัวร์ ปล่อยเพลงใหม่หลายเพลง แต่งงาน เลี้ยงสุนัข และย้ายบ้านจากโตรอนโตไปลอสแองเจลิส

แต่ผมก็พบว่าการอยู่กับปัจจุบันนั้นยากมาก สำหรับปีนี้และทัวร์นี้ ผมอยากโฟกัสอยู่กับปัจจุบันจริงๆ อยากใช้เวลาอยู่กับช่วงเวลาของอัลบั้มนี้ 

เพราะชีวิตมันสั้นมาก และสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้ ผมเลยพยายามซึมซับทุกช่วงเวลาให้มากที่สุด

 

ภาพ : Live Nation Tero