20 ก.ย. 2568 | 12:54 น.
มหกรรม “CP Innovation Exposition & Symposium 2025” มหกรรมด้านนวัตกรรมระดับนานาชาติครั้งที่ 8 จัดโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เดินหน้าสู่วันที่สาม ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพมหานคร ปีนี้ซีพีย้ำบทบาทในฐานะ “องค์กรแห่งนวัตกรรม” (Tech Driven Company 5.0) ที่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าของประเทศมากว่าศตวรรษ และกำลังก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่สองด้วยพลังแห่งเทคโนโลยี นวัตกรรม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
อีกทั้งในงานยังมีการรวบรวมผลงานกว่า 200 ชิ้นงานจากพนักงานทั่วโลก จัดแสดง “ชุมชนหุ่นยนต์เสมือน” มากที่สุดครั้งแรกของไทย และเวทีเสวนากว่า 30 เวที โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากองค์กรระดับโลกกว่า 60 คน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของมหกรรมด้านนวัตกรรมวันที่สาม คือเวทีเสวนา “Where Are the Women in Innovation – Why It Matters” ที่ชวนผู้นำหญิงผู้ทรงพลังมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ดร.นิรามัย เอกรัตน์เจริญชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยสุขภาพและอายุยืนยาว เครือเจริญโภคภัณฑ์, อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด และมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด สะท้อนบทบาทสำคัญของสตรีในโลกแห่งนวัตกรรม โดยมี ‘แคน’ อติรุจ กิตติพัฒนะ ผู้ประกาศข่าวชื่อดังจากช่อง 3 เป็นผู้ดำเนินรายการ
ดร.นิรามัย เอกรัตน์เจริญชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยสุขภาพและอายุยืนยาว เครือเจริญโภคภัณฑ์ ถ่ายทอดแรงบันดาลใจในการเข้าสู่วงการนวัตกรรมว่า จุดเริ่มต้นมาจากการเรียนไบโอเทคและชีวเคมีในช่วงมหาวิทยาลัยทำให้เห็นพลังของการถอดรหัสพันธุกรรมและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ จนนำไปสู่บทบาทสำคัญในซีพีในการค้นหาเทคโนโลยีด้านสุขภาพและอายุยืนยาว ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มองว่าความเป็นผู้หญิงจะเป็นข้อจำกัดในการศึกษา หรือการทำงานในสายไบโอเทคโนโลยีแต่อย่างใด ตรงกันข้าม สามารถนำจุดเด่นมาบางประการของความเป็นผู้หญิงเข้ามาช่วยพัฒนาการทำงานได้
“ความเป็นผู้หญิงไม่ใช่ข้อจำกัดในการทำงานด้านเทคโนโลยี คุณค่าของเราไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตัดสิน หากเราเคารพและเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ วันหนึ่งคนอื่นก็จะเห็นคุณค่าเช่นกัน”
ดร.นิรามัยบอกว่า การเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะเป็นการเพิ่มมุมมองที่หลากหลาย เพราะหลายบ้านผู้หญิงคือคนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ มาตั้งในบ้าน
“ผู้หญิงคือคนสำคัญ ในการเลือกผลิตภัณฑ์เข้ามาใช้ในบ้าน การที่เปิดให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่แรก จะช่วยเสริมมุมมองที่หลากหลาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้ตอบโจทย์มากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม เธอก็เชื่อว่า หากผู้หญิงมีพื้นที่ในระบบนิเวศนวัตกรรมมากขึ้น เราจะไม่เพียงได้เห็นผู้หญิงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง ที่พร้อมส่งต่อองค์ความรู้ ประสบการณ์ และพลังการสนับสนุนซึ่งกันและกัน หากเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว ก็สามารถขยายเป็นเครือข่ายที่ทรงพลัง ที่จะช่วยให้ผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมได้จริง
อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด เล่าถึงเส้นทางจากการถูกบ่มเพาะด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนก่อตั้ง Techsauce ขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยและเชื่อมโยงสู่ระดับภูมิภาค โดยเธอระบุว่าประเทศไทยจะไม่ได้เผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชัดเจนเหมือนต่างประเทศ ซึ่งนั่นทำให้ความหลากหลายเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ และเป็นเปิดทางให้ผู้หญิงก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้
“การทำงานร่วมกันจากหลากหลายเพศจะทำให้ productivity สูงขึ้น และในเมื่อผู้หญิงกว่าครึ่งของโลกคือผู้ใช้งาน (users) การมีผู้หญิงในฐานะผู้สร้างนวัตกรรมจึงสำคัญไม่แพ้กัน”
อรนุช ยังเชื่อว่า ไทยสามารถเป็นต้นแบบที่เปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงจากภูมิภาคอื่น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือประเทศเพื่อนบ้าน ได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้ และต่อยอดจากประสบการณ์ของเรา การส่งต่อองค์ความรู้เช่นนี้ไม่เพียงยกระดับผู้ประกอบการหญิงในระดับภูมิภาค แต่ยังช่วยสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแรงและมีพลังร่วมกันในระดับเอเชีย
“ความเป็นผู้หญิงไม่ใช่ข้อจำกัด แต่คือพลังในการสร้างการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง สิ่งสำคัญไม่ใช่เพศชายหรือหญิง ตรงกันข้ามเราควรทำงานแบบร่วมกัน (Collaborative) ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในการร่วมมือกันข้ามอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และถ่ายทอด สร้างพลังของผู้หญิงให้มากขึ้น”
มนสินี เล่าต่อว่า มิติการทำธุรกิจไม่ได้พิจารณาจากเพศ หากแต่ใช้ข้อมูลเชิงลึก (data insight) เป็นตัวกำหนดทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น กรณีคุณแม่ที่ต้องการเห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูก จึงถูกต่อยอดเป็นฟีเจอร์ที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างแท้จริง ภายใต้ความยินยอมของผู้ใช้ หรือแม้แต่การสร้างเกมเพื่อปลูกฝังการออมเงินให้กับเด็ก ๆ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการทำงานที่ตั้งต้นจาก “ปัญหา” และความเข้าใจเชิงลึกของผู้ใช้ คือหัวใจสำคัญของนวัตกรรม
ขณะเดียวกัน ทุกวันนี้ นิยามผู้นำยุคปัจจุบันก็เปลี่ยนไปจากเดิม และด้วยความเป็นผู้หญิงที่ช่างเจรจาก็คงทำให้การทำงานเชิงความร่วมมือเกิดขึ้นได้ง่ายจนนำไปสู่ความสำเร็จของทุกคน
มนสินียังบอกอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง สิ่งสำคัญคือการชื่นชมตัวเองว่า เราสามารถทำได้ และเข้าใจว่าเป้าหมายของการทำงานของเราคืออะไร
“ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชาย ชีวิตเราสั้น ทำดีทุก ๆ วัน เราเป็นคนตัดสินตัวเราเอง ไม่ได้มีใครตัดสินเรา เราเป็นคนเลือกเองว่า เราจะเรียนรู้อะไร สร้างประโยชน์อะไร ให้คำชื่นชมกับตัวเอง แล้วก็เป็นคนที่จะบอกตัวเองว่า เรื่องนี้เราน่าจะทำสิ่งนี้ได้ดี เราเป็นคนกำหนดสิ่งนั้นด้วยตัวเราเอง”
เวทีเสวนาครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการแลกเปลี่ยนแนวคิดจากผู้นำหญิงที่ทรงพลัง แต่ยังเป็นการยืนยันว่า ความเท่าเทียม ความหลากหลาย และการเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงมีบทบาท คือกุญแจสำคัญของการขับเคลื่อนนวัตกรรมและสังคมสู่อนาคตที่ยั่งยืน