05 พ.ย. 2568 | 13:40 น.

อีกเพียงไม่กี่วัน การประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ หรือ COP30 จะเปิดฉากขึ้น ณ เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 10–21 พฤศจิกายน 2568 ท่ามกลางความคาดหวังของคนทั่วโลก เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children Thailand) เรียกร้องว่า ปีนี้จะต้องเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ผู้นำทุกประเทศหันมายอมรับความจริงร่วมกันว่า วิกฤตโลกเดือดไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่คือวิกฤตด้านสิทธิเด็ก
เด็กในวันนี้ต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น สภาพอากาศสุดขั้วกำลังกลายเป็นความปกติใหม่ จากรายงานของเซฟ เดอะ ชิลเดรน พบว่าเด็กที่เกิดในปัจจุบันจะต้องเจอกับคลื่นความร้อนบ่อยกว่าคนรุ่นก่อนถึง 6.8 เท่า พวกเขากำลังเติบโตท่ามกลางพายุ น้ำท่วม ฝุ่นพิษ ภัยแล้ง และโรคที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กข้ามชาติ เด็กไร้สัญชาติ และเด็กในครอบครัวยากจน
เซฟ เดอะ ชิลเดรนเรียกร้องว่า COP30 จะต้องเป็นมากกว่าการประชุมเชิงเทคนิคหรือเวทีการเจรจาทางการเมือง แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่ยอมรับว่าเด็กคือศูนย์กลางของวิกฤตนี้ ทั้งในฐานะผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีพลัง เด็กมีสิทธิที่จะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และควรได้รับการคุ้มครองจากภัยพิบัติที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อ พวกเขาควรได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล การศึกษา การบริการสาธารณะที่ยืดหยุ่น และมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการกำหนดนโยบายที่กระทบอนาคตของพวกเขา
ในประเทศไทย เด็กและเยาวชนจำนวนมากกำลังลุกขึ้นมาพูดในสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่ทุกวัน และเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขผ่านการเรียกร้องและปฏิบัติการจริงในพื้นที่ ตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์เตือนภัยน้ำท่วมในชุมชน การสร้างพื้นที่ปลอดภัยระหว่างภัยพิบัติ ไปจนถึงการผลักดันกลไกและกฎหมายอากาศสะอาดที่เป็นธรรมและมีส่วนร่วม ระบบจัดการน้ำและการจัดการภัยพิบัติที่กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การทบทวนโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะสร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชนและระบบนิเวศน์ รวมไปถึงการบรรจุเรื่องสภาพภูมิอากาศในหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย พวกเขาไม่เพียงแค่เรียกร้อง แต่กำลังเสนอ “วิธีทำ” ที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ
ในขณะเดียวกัน เซฟ เดอะ ชิลเดรนทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อช่วยให้เด็กและครอบครัวมีความพร้อมรับมือกับโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เราสนับสนุนการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นแม้ในช่วงวิกฤต เสริมทักษะเพื่อเตรียมพร้อมสู่เศรษฐกิจสีเขียว รณรงค์เรื่องผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิที่สูงขึ้นและลดความเสี่ยงและผลกระทบของเด็กและครอบครัวในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติให้สามารถรับมือ และตอบสนองต่อการเปลี่ยงแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เพราะเราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเด็กและครอบครัวมีส่วนร่วมและมีความพร้อมในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง
กีโยม ราชู ผู้อำนวยการบริหาร เซฟ เดอะ ชิลเดรน กล่าวว่า “เด็กวันนี้ไม่ได้ต้องการแค่การปกป้อง แต่เขาต้องการและสมควรได้รับสิทธิในการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในทุกกระบวนการของการกำหนดและตัดสินใจเชิงนโยบายที่ส่งผลต่ออนาคตของตัวเอง เพราะในขณะที่ผู้ใหญ่คือคนที่กำลังเจรจา เด็กคือคนที่จะต้องอยู่กับผลของการตัดสินใจเหล่านั้นไปอีกทั้งชีวิต เราเห็นเด็กไทยจำนวนมากที่ไม่เพียงเข้าใจปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังเสนอทางออกอย่างสร้างสรรค์และเป็นไปได้จริง ทั้งในเรื่องการศึกษา สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย แต่สิ่งที่พวกเขายังขาดคือ ‘พื้นที่’ และ ‘อำนาจ’ ในการเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นให้กลายเป็นนโยบายที่เกิดผลจริง”
“COP30 จึงต้องเป็นมากกว่าการตั้งเป้าใหม่หรือออกแถลงการณ์ที่สวยงาม มันต้องเป็นจุดเปลี่ยนที่ทุกประเทศยอมรับร่วมกันว่าวิกฤตภูมิอากาศคือวิกฤตด้านสิทธิเด็ก และหากเราต้องการอนาคตที่ปลอดภัยและเท่าเทียม เราต้องเริ่มจากการรับฟังความคิดเห็นของเด็ก ลงมือทำตามข้อเสนอของพวกเขา และมากไปกว่านั้นคือทำให้นโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตอบสนองต่อประเด็นความท้าทายที่เฉพาะเจาะจงของเด็กและเยาวชน ในพื้นที่ และสร้างระบบที่ให้ความสำคัญกับเสียงของเด็กไม่ต่างจากผู้ใหญ่ นี่ไม่ใช่การให้ ‘โอกาส’ กับเด็ก แต่คือการคืน ‘สิทธิ’ ที่เขาควรมีมาโดยตลอด”
เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save the Children Thailand) เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเพื่อเด็กแห่งแรกของโลกทำงานเพื่อเด็กมานานกว่า 100 ปี และทำงานในประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2522 เป็นเวลากว่า 46 ปี เพื่อให้เด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยได้รับสิทธิในด้านต่าง ๆ เช่น สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรง สิทธิที่จะได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และสิทธิที่จะได้รับการดูแลรักษาสุขภาพทั้งกายและใจ เพราะเราเชื่อว่าเด็กทุกคนสมควรที่จะมีอนาคตที่สดใส