12 ต.ค. 2568 | 17:00 น.
KEY
POINTS
“จูบบบ พี่หวานน้อยยย ไปหน่อย”
หากพูดถึงความหวาน นักชิมอาหารก็คงจะนึกถึงขนมหวานไทยที่หวานแสบไส้จนระแวงใจว่าจะโดนตัดขา แต่สำหรับวงการเพลงลูกทุ่งไทยย่อมนึกถึงใครไปไม่ได้นอกจากนักร้องเจ้าของฉายา ‘เจ้าพ่อเพลงหวาน’ สันติ ดวงสว่าง ที่โด่งดังจากเพลงที่โรคเบาหวานอาจไม่ปลื้มอย่างแรงอย่างเพลง ‘จูบไม่หวาน’
หากท่านผู้อ่านไม่กังวลเรื่องสุขภาพ บทความนี้จะชวนทุกท่านยิ้มหวานไปกับเรื่องราวของเจ้าพ่อเพลงหวานแห่งวงการเพลงลูกทุ่งไทย ‘สันติ ดวงสว่าง’
สันติ ดวงสว่าง มีชื่อสกุลจริงว่า ‘จเร ภู่ทอง’ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2511 เป็นชาวตำบลท่าเยี่ยม อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร พื้นฐานครอบครัวประกอบอาชีพทำนา แต่ทว่าเดิมทีคุณแม่เป็นลิเกและช่างเสริมสวย จึงส่งต่อพันธุกรรมศิลปินมายังบุตรให้เป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ใครจ้างร้องเพลง 5 บาท 10 บาท ไปหมดไม่เกี่ยงราคา จนพ่อแม่เห็นแววว่าเสียงดีไม่แพ้ใครจึงพาเดินสายสมัครประกวดร้องเพลงตามเวทีต่าง ๆ ทั้งงานวิก งานวัด งานจัด งานหา งานเล็กหรือใหญ่ จังหวัดใกล้ไกลไปหมด มีแพ้มีชนะ แต่ส่วนใหญ่จะคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง
เด็กชายจเร ภู่ทอง มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุได้เพียง 9 ขวบ น้ำเสียงบนเวทีก็ไปสะกดหู ‘แอ๊ด เทวดา’ ราชาหนังกลางแปลง ผู้บุกเบิกจอยักษ์โค้งเรดาร์ และเป็นเจ้าของเครือข่ายรายการวิทยุชุมชน ‘โลกสีขาว วิทยุเพื่อสังคม’ ที่ออกอากาศครอบคลุมพื้นที่ในแถบภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางหลายจังหวัด แอ๊ด เทวดา ชื่นชอบในน้ำเสียงของเด็กชายจเรเป็นอย่างมากถึงกับขอตัวมาอยู่ด้วยในฐานะบุตรบุญธรรม โดยมี ประสิทธิ์ ฟ้าไทย นักจัดรายการวิทยุ/โฆษกและดาวตลกในทีมงานแอ๊ด เทวดา หรือที่รู้จักกันต่อมาในฐานะดาวตลกคาเฟ่ ‘หม่อมเหยิน’ ทำหน้าที่ช่วยรับเลี้ยงดูแลเด็กชายจเรซึ่งใช้ชื่อในตอนนั้นว่า ‘กำธร เทวดา’
ร้องเพลงอยู่กับทีมงานแอ๊ด เทวดา ได้ราว 2 ปี เด็กชายจเร ภู่ทอง ในวัยเพียง 11 ขวบ ก็ได้โอกาสร้องเพลงบันทึกเสียงครั้งแรกเป็นศิลปินน้อยในชื่อ ‘เสน่ห์ สุดหล่อ’ ด้วยผลงานเพลง ‘เด็กขายเรียงเบอร์’
ต่อมา แอ๊ด เทวดาเลิกทำทีม เด็กชายจเรก็มาฝากตัวอยู่กับทีมงานคณะลูกทุ่งของหมอเอื้อ อารีย์ – ประจวบ จำปาทอง โดยใช้ชื่อศิลปินว่า ‘จเร สากเหล็ก’ แต่ชีวิตก็เหมือนบทละคร มีบทยอกย้อนพลิกแพลง
เมื่อหมอเอื้อ อารีย์ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในต้นปี พ.ศ. 2525 จเร ภู่ทอง ที่เติบโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นจึงเดินทางกลับบ้านเกิดจังหวัดพิจิตรพักกายพักใจอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนออกเดินทางบนถนนสายดนตรีอีกครั้งด้วยการเป็นนักร้องห้องอาหารอยู่กับพี่สาวที่แม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมออกเดินสายประกวดร้องเพลงใกล้ไกลทั้งบ้านนอกในกรุง บ้านทุ่งแดนไกล เล่ากันว่า นักร้องหนุ่ม ‘จเร สากเหล็ก’ ไปร้องประกวดที่ไหนหากไม่ชนะเลิศคว้ารางวัลที่ 1 ก็ต้องติดอันดับ 1 – 3 มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะร้องเพลงอยู่ห้องอาหารที่แม่กลอง มีแมวมองมาหานักร้องเข้าประกวดในรายการ ‘ลูกทุ่งสิบทิศ’ ทางช่อง 5 ชักชวนให้เข้าร่วมการประกวด ผลปรากฏว่านักร้อง จเร สากเหล็ก เดินทางไปคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 กลับมา
ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น (เดิมชื่อ Rose Sound) ที่กำลังไปได้ดีกับการผลิตงานเพลงและนักร้องตลาดวัยรุ่น ก็มีแผนงานขยายธุรกิจตลาดเพลงไปสู่สายการผลิตเพลงลูกทุ่ง โดยมี ‘เฮียจั๊ว’ เกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ นั่งแท่นเป็นผู้บริหาร และมี ‘มนต์ เมืองเหนือ’ (เฉลียว ฉิมมา) เป็นโปรดิวเซอร์แม่ทัพใหญ่ ซึ่งภารกิจแรกของค่ายก็คือ การตามหานักร้องเพลงลูกทุ่งดาวดวงใหม่
ด้วยความพอมีชื่อเสียงในหมู่นักเพลง/นักจัดรายการวิทยุ ‘สมศักดิ์ มาลัยบุตร’ นักจัดรายการวิทยุ จึงแนะนำ ‘ลุงมนต์’ มนต์ เมืองเหนือ ว่ามีนักร้องลูกทุ่งเสียงดีร้องเพลงอยู่ร้านอาหารที่แม่กลอง ชื่อ ‘จเร สากเหล็ก’ ทั้งสองจึงออกเดินทางไปค้นหานักร้องดาวดวงใหม่ผู้นี้
มนต์ เมืองเหนือ เล่าว่า เมื่อไปถึงร้านอาหารที่แม่กลอง คุยกันสักพักก็เรียกนักร้องหนุ่มจเรขึ้นรถทันทีโดยไม่ต้องทดสอบเสียง แต่ทว่าจุดหมายปลายทางขากลับไม่ใช่กรุงเทพฯ หากแต่เป็นจังหวัดชัยภูมิ ภูมิลำเนาของครูเพลงข้าราชการกรมที่ดิน ‘สงเคราะห์ สมัตถะพาพงษ์’
มนต์ เมืองเหนือ ตั้งใจนำนักร้องหนุ่ม จเร สากเหล็ก มาฝากตัวให้เป็นลูกศิษย์ ครูสงเคราะห์ สมัตถะพาพงษ์ ในครั้งแรกนั้น ครูสงเคราะห์ ปฏิเสธรับนักร้องใหม่โดยบอกว่า “บ่เอา ๆ” เนื่องจากออกจากวงการเพลงลูกทุ่งมาพักใหญ่แล้ว แต่ด้วยลมปากหวานของ มนต์ เมืองเหนือ ที่บอกว่าเอาเงินเอาทองมาฝาก ครั้งถึงช่วงพักกลางวันไปรับประทานอาหารที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ครูสงเคราะห์จึงให้นักร้องหนุ่มจเร ที่นั่งรอเหงื่อตกมาตั้งแต่เช้าร้องเพลงให้ฟังท่ามกลางข้าราชการและคนในร้านก๋วยเตี๋ยวหลายสิบชีวิต
“เสียงแตรแว่วมา สามลาร้องโห่...”
เพียงท่อนเดียวในเพลง น้ำตานาค ของ สายัณห์ สัญญา จากลูกคอของนักร้องหนุ่ม ครูสงเคราะห์ สมัตถะพาพงษ์ ก็ถึงกับตบมือฉาดทันทีแล้วบอกว่าต้องกลับมาแต่งเพลงอีกครั้งเสียแล้ว
หลังฝึกวิชาอยู่กับ ครูสงเคราะห์ สมัตถะพาพงษ์ เป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน มนต์ เมืองเหนือ ก็เดินทางมารับตัวนักร้องหนุ่มจเร พร้อมกับรับเพลงที่ครูสงเคราะห์ สมัตถะพาพงษ์ แต่งให้ราว 10 เพลง ซึ่งระหว่างเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ มนต์ เมืองเหนือ ก็ชวนคุยถึงชื่อนักร้องใหม่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี? มีทั้ง เทพสถิต ศิษย์สงเคราะห์, ศรราม เทพสถิต แต่นักร้องหนุ่มไม่เห็นด้วยโดยบอกว่าชื่อเหมือนนักมวยมากกว่านักร้อง
และในระหว่างทางกลับกลางดึกนั้นเอง มนต์ เมืองเหนือ ก็ขอให้รถแวะจอดริมทางเพราะอยากลงไปถ่มน้ำลาย ปรากฏว่าเมื่อแหงนขึ้นไปมองบนฟ้าในคืนข้างขึ้นก็เห็นดวงจันทร์ส่องแสงจนฟ้าสว่างไสว เมื่อเดินกลับเข้ามานั่งในรถ มนต์ เมืองเหนือ ก็บอกว่า
“กูนึกออกละ มึงต้องชื่อ สันติ ดวงสว่าง”
มีเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า ในปี พ.ศ.2519 มนต์ เมืองเหนือ คือครูเพลงที่รับตัวนักร้องสาว “น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ” เป็นลูกศิษย์หลังออกจากวงดนตรีไวพจน์ เพชรสุพรรณ และเปลี่ยนชื่อให้เป็น ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ สิบปีผ่านไปในขณะที่ มนต์ เมืองเหนือ กำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปสร้างนักร้องใหม่นั้น พุ่มพวง ดวงจันทร์ ก็ได้โด่งดังกลายเป็นราชินีเพลงลูกทุ่งแล้ว จริงเท็จยังคงรอการยืนยัน แต่เล่าว่า มนต์ เมืองเหนือ มีความตั้งใจที่จะปั้นนักร้องลูกทุ่งคนใหม่ผู้นี้ให้ได้แบบ พุ่มพวง ดวงจันทร์ แต่เป็นในเวอร์ชั่น ‘นักร้องชาย’
ดวงจันทร์ จึงราวกับเป็นแสงนำทางชีวิตครูเพลงอารมณ์ดี มนต์ เมืองเหนือ อยู่เหมือนกัน เพราะเขาเคยได้สร้าง (พุ่มพวง) ‘ดวงจันทร์’ มาแล้ว กลับกรุงเทพฯ คืนนั้น เขากำลังจะสร้าง (สันติ) ‘ดวงสว่าง’
สันติ ดวงสว่าง เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งคนแรก ๆ ของ บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น โดยออกผลงานเพลงอัลบั้มแรกในชื่อชุด ‘ครูดงเด็กดอย’ ในปี พ.ศ. 2531 ซึ่งผลงานการแต่งเกือบทั้งหมดเป็นของ ครูสงเคราะห์ สมัตถภาพงษ์ ซึ่งเพลงที่สร้างชื่อให้แก่ สันติ ดวงสว่าง จากอัลบั้มชุดนี้คือเพลง ‘โรคประหลาด’ (ที่ร้องว่า โอยยยย...ปวดฟัน)
ในปี พ.ศ. 2531 เดียวกันนั้น มนต์ เมืองเหนือ ก็ผุดโปรเจกต์ ‘โครงการท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน’ ด้วยการนำเอาเพลงลูกทุ่งเก่าที่เคยฮิตในอดีตกลับมาปัดฝุ่นทำดนตรีและบันทึกเสียงนักร้องใหม่ แน่นอนว่า สันติ ดวงสว่าง คือนักร้องคนแรกของ บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น ที่ได้รับภารกิจและทำหน้าที่นี้ โดยออกผลงานเพลงในชื่ออัลบั้ม ‘สันติ ดวงสว่าง ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดที่ 1’ หรือที่แฟนเพลงรู้จักกันดีในชื่อชุด ‘จูบไม่หวาน’
“จูบบบ พี่หวานน้อยยย ไปหน่อย”
เพลง ‘จูบไม่หวาน’ ต้นฉบับดั้งเดิมขับร้องโดย ‘ศรชัย เมฆวิเชียร’ ประพันธ์คำร้อง-ทำนองโดย ‘ฉลอง ภู่สว่าง’ เป็นเพลงที่ทีมงานของ มนต์ เมืองเหนือ ตั้งใจเลือกคัดสรรและวางให้เป็นเพลงโปรโมตในอัลบั้ม สันติ ดวงสว่าง ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดที่ 1 ผลปรากฏว่า ด้วยน้ำเสียงโหยหวน โดยเฉพาะในท่อน “หวานน้อยยย ไปหน่อย” ทำให้เพลง จูบไม่หวาน กลายเป็นเพลงหวานที่ทำให้ สันติ ดวงสว่าง โด่งดังเปรี้ยงขึ้นมาทันที!!
ชื่อเสียงความโด่งดังของ สันติ ดวงสว่าง จากเพลง จูบไม่หวาน นั้นเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์เพลงลูกทุ่งแหวกอากาศในยุคที่ตลาดเพลงนักร้องวัยรุ่นกำลังครองเมือง เพราะทั้งบ้านนอกในกรุง บ้านทุ่งแดนไกล ไปที่ไหนก็จูบไม่หวาน กันทั่วบ้านทั่วเมือง และถ้าจะพูดกันตรง ๆ จูบไม่หวาน เวอร์ชั่น สันติ ดวงสว่าง ได้รับความนิยมโด่งดังกว่าต้นฉบับของ ศรชัย เมฆวิเชียร เสียอีก จนต่อมาคนทั่วไปก็มักจะนึกว่าเพลง จูบไม่หวาน เป็นเพลงต้นฉบับของ สันติ ดวงสว่าง จริง ๆ
อัลบั้ม ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดที่ 1 หรือชุด จูบไม่หวาน ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้แก่นักร้องหนุ่ม สันติ ดวงสว่าง ประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น แต่ยังเล่ากันว่า จูบไม่หวาน คืออัลบั้มเพลงลูกทุ่ง ‘ล้านตลับ’ แรกของ บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น หรือจะพูดอีกแบบคือ
สันติ ดวงสว่าง คือนักร้องลูกทุ่งคนแรกของบริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น ที่ขายเทปได้มากถึง ‘ล้านตลับ’!!
คำโบราณว่า น้ำขึ้นให้รับตัก แม่ทัพใหญ่อย่าง มนต์ เมืองเหนือ ไม่รอช้า เดินหน้าผลิตอัลบั้ม ‘สันติ ดวงสว่าง ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดที่ 2, 3 และ 4’ อย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2532 โดยเน้นไปที่เพลงหวานยอดฮิตในอดีตอย่าง บุพเพสันนิวาส น้ำท่วม พอหรือยัง แม่ค้าตาคม หนาวลมที่เรณู อยากรู้ใจเธอ คนสวยใจดำ เล่ากัน (อีกแล้ว) ว่า ในช่วงเวลานี้ สันติ ดวงสว่าง ถึงกับต้องเข้าห้องอัดร้องเพลงวันละ 20 - 30 เพลงต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งผลความสำเร็จจากอัลบั้ม ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน ชุดต่าง ๆ ในช่วงทศวรรษ 2530 ได้ทำให้ สันติ ดวงสว่าง ได้รับฉายาในวงการเพลงลูกทุ่ง ว่าเป็น ‘เจ้าพ่อเพลงหวาน’
ในช่วงทศวรรษ 2530 ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นยุคมืดและยุคซบเซาของวงการเพลงลูกทุ่ง สันติ ดวงสว่าง เจ้าพ่อเพลงหวาน ราวกับแสงสว่างของดวงจันทร์ข้างขึ้นที่ส่องแสงแจ่มจ้าในคืนที่มืดมิด สมดังนามสกุล ดวงสว่าง ที่ มนต์ เมืองเหนือ ตั้งให้หลังแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้าในคืนที่ไปรับ สันติ เข้ากรุงเทพฯ มาเป็นนักร้อง
มีเรื่องเล่าที่รอการพิสูจน์อีกว่า แผ่นเสียงค่าย อาร์.เอส. ในยุคแรก ๆ มนต์ เมืองเหนือ จะชอบแอบเอาไปปลุกเสกที่วัดพระแก้ว และวัดที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ โดยจะยัดแผ่นเข้าไปใต้ฐานพระพุทธรูปในโบสถ์ ซึ่งหากเป็นความจริง ก็หมายความว่า ‘สันติ ดวงสว่าง ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน’ คือหนึ่งในอัลบั้มผลงานเพลงที่ผ่านพิธีการปลุกเสกมาเรียบร้อยแล้ว
ไม่เกินจริงที่จะบอกว่าในยุคหนึ่ง เพลงหวานของ สันติ ดวงสว่าง ทั้งลูกเด็กเล็กแดง คนเฒ่าคนแก่ล้วนต้องเคยได้ยินได้ฟัง เพราะสำหรับไอ้หนุ่มเครื่องไฟบ้านนาไม่ว่าจะเป็นงานวิก งานวัด งานจัด งานหา อัลบั้ม ‘ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน’ ของ สันติ ดวงสว่าง เปรียบเสมือน ‘ยาสามัญประจำเครื่องไฟ’ เป็นตลับเทปเพลงลูกทุ่งแบบ ‘ของมันต้องมี’ สำหรับติดเครื่องไฟไว้เปิดบำเรอใจให้แม่ครัวได้ฟังเช้าเย็น
กล่าวได้ว่า สันติ ดวงสว่าง คือนักร้องเพลงลูกทุ่งเบอร์ 1 ตลอดกาล ของ บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงที่ บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น กำลังรุ่งเรืองทั้งในตลาดเพลงสตริงวัยรุ่นและตลาดเพลงลูกทุ่ง จนทำให้ราวปี พ.ศ. 2535 บริษัทต้องขยับขยายพื้นที่และกิจการ จากเดิมที่เป็นเพียงบริษัทตึกแถวหลังโรงหนัง
โคลิเซี่ยม ขยายบริษัทจนใหญ่โตทั้งพนักงาน ศิลปิน และเกิดการย้ายตึกออฟฟิศครั้งแรกไปที่ลาดพร้าวซอย 15 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อาร์เอส โปรโมชัน 1992 จำกัด
จนมีการพูดกันเล่น ๆ ในตอนนั้นว่า อาคารเชษฐโชติ ของอาร์เอส
“อริสมันต์สร้างลิฟท์ สันติ (ดวงสว่าง) สร้างตึก”
นอกจากนี้ สันติ ดวงสว่าง ยังได้รับโอกาสให้เป็นหนึ่งในชุดนักแสดงละครโทรทัศน์ ‘มนต์รักลูกทุ่ง’ เวอร์ชั่น ศรัณยู - ณัฐริกา ทางช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณในปี พ.ศ.2538 ซึ่งได้รับความนิยมแบบยอดเขาเอเวอเรสต์ถล่มถลายด้วยการทำเรตติ้งสูงสุดถึง 36 และติดอันดับ 3 ละครที่มีเรตติ้งสูงสุดตลอดกาลของเมืองไทย โดย สันติ รับบทเป็น เชน เมืองอุบล ประกบคู่กับดาราสาว รุ่งรัตน์ ดวงขวัญ พร้อมฝากเสียงหวานไว้ในผลงานเพลง ‘ลูกทุ่งคนยาก’ และ ‘รักแล้วไม่ลืม’ (เพลงประกอบละคร “มนต์รักลูกทุ่ง” ปี พ.ศ.2538 กำกับดูแลโดยทีมงานบริษัท อาร์เอส โปรโมชัน 1992)
ไม่เพียงเพลงหวานจากอัลบั้ม ‘สันติ ดวงสว่าง ท็อปฮิตลูกทุ่งมาตรฐาน’ ที่มีจำนวนทั้งหมดมากถึง 24 ชุด 306 ผลงานเพลง สันติ ดวงสว่าง ยังมีผลงานเพลงหวานจากอัลบั้มนอกโครงการภายใต้สังกัดอาร์เอส ที่เขาเป็นต้นฉบับขับร้องไว้เองและได้รับความนิยมอย่างเพลง ฝากใจใส่กระทง มาลัยเปื้อนน้ำตา รักนี้มีกรรม เพ็ญจ๋าลาก่อน มนต์รักดอนหอยหลอด ลูกชาวบ้าน แม่หงษ์ทอง และอีกมากมายก่ายกอง โดยผลงานเพลงในช่วงท้าย ๆ ที่ได้รับความนิยมคือ เพลง ‘นางลอยนางลืม’ ผลงานการแต่งโดย ‘หนู มิเตอร์’
หลังกล่อมโลกด้วยเพลงหวานได้ราว 28 ปี สันติ ดวงสว่าง ก็จากไปด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 รวมอายุ 48 ปี เป็นหนึ่งในนักร้องเพลงลูกทุ่งเสียงดีที่จากวงการเพลงไปก่อนวัยอันควร โดยสมดังความตั้งใจของเขาที่คิดมาตลอดว่าชีวิตนี้คงจะร้องเพลงและยึดถืออาชีพ ‘นักร้อง’ ไปจนตาย ฝากไว้ซึ่งพรสวรรค์และความสามารถผ่านลูกคอและน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์
ที่แม้จะ ‘จูบไม่หวาน’ แต่แฟนเพลงก็ไม่เคยลืม.