13 พ.ย. 2568 | 17:43 น.

KEY
POINTS
ถึงฮอลลีวูดจะเป็นภาพอันแสนสวยงามมากขนาดไหน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้กว่า จะไปถึงตรงนั้น เส้นทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
จัสติส สมิธ ผู้รับบทเป็น ‘ชาร์ลี’ ใน Now You See Me : Now You Don’t เองก็ผ่านบททดสอบในชีวิตมามากมายเช่นเดียวกัน
ถึงที่ผ่านมาหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตาเขา แต่ถ้าให้บรีฟสั้น ๆ จัสติส สมิธ คือ เพื่อนพระเอกในหนัง ‘Paper Towns’ หนังที่ทำยอดขายไปมากถึง 85 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นชายที่ฝันอยากเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก และบอกว่าการแสดงคือลมหายใจของเขา
เมื่อคุณอ่านบทความนี้จบ แน่นอนคุณจะได้รู้จัก ‘จัสติส สมิธ’ มากขึ้น แต่เพิ่มเติม คือ คุณจะรู้ว่าเส้นทางการเป็นนักแสดงของเขามันคือความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา
จัสติสเป็นลูกชายของพ่อกับแม่ที่เป็นนักร้อง และเป็นลูกคนกลางของพี่น้อง 9 คน เขาเติบโตในเขต Orange County ของรัฐแคลิฟลอเนียร์ เมืองเล็ก ๆ ในมหานครลอสแอนเจลิส แดนแห่งฮอลลีวูด
ขณะที่เด็กคนอื่นยังคงวิ่งหาความฝันและค้นหาตัวตน แต่จัสติสในวัย 5 ขวบสามารถตอบได้ว่า เขาอยากเป็นนักแสดง แล้วพ่อแม่เขาก็สนับสนุนเต็มที่
“พวกเขาไม่เคยกดดันให้ผมทำอย่างอื่นเลย แม่ของผมทำงานถึงสี่งานพร้อมกัน เพื่อดูแลผมกับพี่สาว เธอหาเงินให้เรามีโอกาสทำตามความฝันของตัวเอง”
ถึงจะชอบงานแสดง แต่จริง ๆ เขาเป็นหนอนหนังสือที่รักวรรณกรรมและชอบแต่งเรื่อง จนเคยเป็นนักเขียนตัวน้อยที่มีนวนิยายสั้น ๆ เป็นของตัวเอง
เหตุผลที่ทำให้นักแสดงเป็นความฝันของจัสติสได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาบอกว่า การแสดงคือพื้นที่ปลอดภัย และได้เป็นตัวเอง
“ผมอยากเป็นนักแสดง เพราะอยากหนีจากสถานการณ์ของตัวเอง ผมเติบโตมาในครอบครัวยากจน เป็นคนผิวดำ และเป็นเกย์ ในสภาพแวดล้อมที่คนส่วนใหญ่เป็นคนขาว ศิลปะช่วยชีวิตผมไว้ การแสดงคืออากาศที่ผมหายใจ”
เมื่อเป้าหมายมีไว้พุ่งชน จัสติสสอบเข้าโรงเรียน Orange County School of the Arts (OCSA) ได้สำเร็จ แต่ชีวิตที่โรงเรียนก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
“ผมมีอาการซึมเศร้าอย่างหนักในมัธยม ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่รอดมาได้ เพราะการแสดง ผมอดใจรอไม่ไหวเลยที่จะได้เรียนหรือลองเล่นบทละคร มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ความรู้สึกอันแสนยุ่งเหยิงของผมหายไปแล้วระบายความเจ็บปวดออกมา”
เพื่อนรุ่นเดียวกันอาจมองว่าศิลปะเป็นเพียงงานอดิเรก แต่สำหรับจัสติสเขาจริงจังเรื่องการแสดงมากกว่าใคร เพราะเขาจะไม่ยอมให้ความฝันหลุดมือไป
สุดท้าย เขาก็ได้เป็น ‘นักแสดง’ ตามที่ฝัน แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ตอนเรียนมัธยมที่โรงเรียนศิลปะ จัสติสก็เริ่มมีงานถ่ายโฆษณาเข้ามาอยู่บ้าง งานแรกที่เขาบอก คือ โฆษณาของ ‘Apple’ ตอนอายุ 15 ปี เขารับบทนักข่าววัยมัธยมที่มาพูดเรื่องแหล่งพลังงานจากกังหันลม
ก่อนที่เขาจะเข้ามาในวงการด้วยบทตัวประกอบของซีรีส์เรื่อง The Thundermans แต่เล่นได้เพียง 2 ตอนเขาก็ถูกปลดออก ส่วนงานโฆษณาก็เป็นงานประชาสัมพันธ์ภายในบริษัท แฟน ๆ ฮอลลีวูดจึงยังไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไหร่
“ผมได้เล่นในซีรีส์ของ Nickelodeon เรื่อง The Thundermans เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวซูเปอร์ฮีโร่ แต่บอกตรงๆ เลยครับว่าผมไม่มีความสุขเลย มันเป็นแนวซิตคอมที่เล่นเกินจริงมาก และผมก็ไม่เก่งกับการแสดงแบบนั้นเลย ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว แนวทางที่ใช่สำหรับผมคืออะไร”
มันยาก เหมือนความฝันมันค่อย ๆ ร่วงหล่นไป แต่ในที่สุด ช่วงเวลาของเขาก็มาถึง…
ปี 2015 จัสติสตัดสินใจไปออดิชันภาพยนตร์เรื่อง ‘Paper Towns’ ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดี เขาเล่นเป็น ‘มาร์คัส เลดาร์’ เพื่อนพระเอกและถือเป็นตัวละครสำคัญดีจน John Green ผู้สร้างตัวละครนี้ขึ้นมาถึงกับเอ่ยปากชม
“ตั้งแต่ผมเห็นออดิชันของจัสติส ผมก็รู้เลยว่าเราได้เรดาร์ที่สมบูรณ์แบบแล้ว แน่นอนว่าผมยังไม่รู้ว่าเขาฉลาดและมีเสน่ห์ทั้งในชีวิตจริงและในตัวละคร แต่ผมรู้สึกขอบคุณมากที่เขาจะเป็นเรดาร์สำหรับผมตลอดไป”
ภาพยนตร์เรื่องเดียวเปลี่ยนชีวิตของจัสติสไปตลอดกาล อีกทั้งทำให้ใจเขาฟูด้วยความรักและความหลงใหลในศาสตร์การแสดง
“ตอนที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ ผมร้องไห้ด้วยความดีใจ รู้สึกว่าาความพยายามและความตั้งใจทั้งหมดของผมในการทำอาชีพนี้ได้ผล ผมเคยถูกเอเจนซี่ทอดทิ้ง เคยถูกไล่ออก และเคยได้ยินคำว่า ‘ไม่’ แบบไม่รู้จบ Paper Towns ทำให้ผมรู้สึกได้รับการยอมรับ มันเหมือนกับว่าความท้าทายที่ผ่านมาเป็นการทดสอบว่าผมรักการแสดงจริง ๆ หรือเปล่า”
หลังจากนั้น เขาก็มีผลงานต่อเนื่อง ทั้งฝั่งซีรีส์และภาพยนตร์ เช่น Pokémon: Detective Pikachu ในปี 2019 The Get Down ในปี 2020 All the Bright Places ในปี 2021 และ The Quarry ในปี 2023
แม้บทบาทเขาอาจเปลี่ยนไปตามตัวละครที่ได้รับ แต่สิ่งสำคัญตลอดมา คือ จัสติส สมิธ ไม่เคยลืมตัวเอง เขาไม่เคยอาย และพร้อมที่จะประกาศว่า จริง ๆ แล้ว เขาคือ ‘เควียร์’ หรือกลุ่มคนที่ไม่อยากให้คำว่า ‘เพศ’ มากำหนดขอบเขตชีวิตหรือความรักของตัวเอง
ขณะที่การแสดงของเขากำลังไปได้สวย พร้อมกับโลกที่เปลี่ยนไป
โลกไม่ได้หยุดนิ่งเหมือนแต่ก่อน แต่ปี 2020 สังคมสหรัฐอเมริกากำลังเรียกร้องเรื่อง ‘Black Lives Matter’ กลุ่มคนที่ต้องการต่อต้านความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติต่อคนผิวดำ
ในฐานะนักแสดงและคนผิวดำคนหนึ่ง จัสติสก็เลือกที่จะสนับสนุนโครงการ เป็นกระบอกเสียงให้คนเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นผ่านอินสตาแกรม พร้อมประกาศว่า เขาเป็นเควียร์และกำลังคบหากับ ‘นิโคลัส แอช’ ในช่วงเวลานั้น
“นิโคลัสกับผมไปประท้วงวันนี้ที่นิวออร์ลีนส์ เราตะโกน ‘Black Trans Lives Matter,’ ‘Black Queer Lives Matter,’ ‘All Black Lives Matter’ ในฐานะเควียร์ผิวดำผมรู้สึกผิดหวังที่เห็นบางคนพร้อมพูดว่า Black Lives Matter แต่กลับเงียบเมื่อเพิ่มคำว่า Trans หรือ Queer เข้าไป”
สำหรับเขาการออกมาประกาศว่าเป็นเควียร์ เขาไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เป็นการยอมรับตัวเอง ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นว่า เขาไม่ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เขาเก่งถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเขาแค่เป็นตัวเอง
“ผมแค่รู้สึกว่าผมต้องบอกว่า ผมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ ผมใช้เวลาแค่ 0.05 วินาที ก่อนที่ผมจะคิดว่า ถ้ามันกระทบอาชีพของผมล่ะ แต่ผมก็คิดได้ว่า ผมไม่อยากมีอาชีพที่ผมไม่สามารถเป็นตัวเองได้”
“ผมไม่เคยยอมรับอาชีพที่ใครมาบอกว่า คุณสามารถเป็นนักแสดงได้ แต่คุณห้ามเป็นคนผิวดำ นั่นคงบ้าไปแล้ว ถ้าเรื่องนี้มันทำให้ผมไม่ได้โอกาส ผมก็ไม่อยากได้โอกาสนั้น โอกาสแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตัวผมเป็นตัวเอง”
วันนี้จัสติสยังเป็นกระบอกเสียงให้ชุมชน LGBTQ+ และความแตกต่างเรื่องผิวสีในอุตสาหกรรมบันเทิง เพราะเขาบอกว่า ความเท่าเทียมที่แท้จริง คือ วันที่คนทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความสามารถของตัวเอง
ปี 2025 จัสติสกลับมาจอภาพยนตร์อีกครั้งด้วยบทบาทของ ‘ชาร์ลี’ ในภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอยอย่าง Now You See Me : Now You Don’t
เรียกได้ว่า เขาคือตัวละครที่พูดน้อยสุด ขี้อายหน่อย ๆ เหมือนพวกเนิร์ดการเล่นมายากล แต่จริง ๆ แล้ว เขาเป็นคนที่เท่าทันกลลวงไว้ทั้งหมดและมีปมเรื่องครอบครัวซ่อนไว้ในใจ
และต้องบอกว่าในภาคนี้คุณจะต้องจับตาดูเขาคนนี้ไว้ให้ดี ๆ เพราะเขาคือไพ่ลับ ผู้อยู่เบื้องหลังกลลวงมากมายจนทำให้พลพรรคอาชาถึงกับอึ้งและยอมรับในความสามารถ
แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า คือ บทพูดช่วงท้ายเรื่องที่ชาร์ลีพูดกับเหล่าผู้ชมที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับชีวิตของ ‘จัสติส สมิธ’
“ไม่ว่าชีวิตจะมอบไพ่อะไรให้คุณ จงสร้างเล่ห์กลของคุณเอง”
ชีวิตของจัสติส เล่ห์กลของเขา คือ คือ การใช้ความจริงใจ การไม่ยอมแพ้ การไม่ปล่อยให้ความฝันหลุดมือ สร้างพลังให้โลกหันมามองเขา
ทั้งหมดไม่ใช่เพราะเวทมนตร์ แต่เพราะ ‘เขาเชื่อในตัวเอง’
ภาพ : อินสตาแกรม standup4justice, Getty Images, Mongkol Major