‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ นักแสดงตลอดกาลผู้เปลี่ยนนิยามคำว่า ‘ฮีโร’ ในฮอลลีวูด  

‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ นักแสดงตลอดกาลผู้เปลี่ยนนิยามคำว่า ‘ฮีโร’ ในฮอลลีวูด  

ในโลกฮอลลีวูดที่เต็มไปด้วยซูเปอร์ฮีโรจาก CGI และเทคโนโลยีล้ำยุค ‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ ยังคงยืนหยัดในฐานะ ‘ฮีโรผู้ไม่สมบูรณ์แบบ’ ที่ใช้ความเป็นมนุษย์และการแสดงอันจริงใจเป็นอาวุธสำคัญ  

KEY

POINTS

ในวัย 83 ย่าง 84 ท่ามกลางบรรยากาศฮอลลีวูดยุค Gen Z ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี CGI และแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร ‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ (Harrison Ford) ยังคงยืนหยัดในฐานะนักแสดงที่ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องที่มีมิติและเนื้อหาการนำเสนอ โดยเฉพาะความหนักแน่นในสถานะ ‘ดาราเจ้าบทบาท’ ที่สามารถกำหนดทิศทางของตัวละคร และมีอิทธิพลต่อการเล่าเรื่องในหนังที่เขาแสดง

การที่เขากลับมารับบทเดิมในแฟรนไชส์ระดับตำนาน เช่น ‘Star Wars’ และ ‘Indiana Jones’ โดยยังคงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้ชม แสดงให้เห็นถึงพลังของการแสดงที่เข้มแข็ง จริงใจ และลึกซึ้ง นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ชายสูงวัยในวงการภาพยนตร์ จากที่มักถูกลดบทบาท ให้กลับมาเป็น ‘พระเอก’ ที่มีอิทธิพลโดยตรงต่อเนื้อเรื่อง

ตัวอย่างเช่น ใน ‘Blade Runner 2049’ (2017) ที่เขากลับมารับบท ‘ริก เดคการ์ด’ (Rick Deckard) อีกครั้งในวัย 75 โดยตัวละครมีบทบาทสำคัญในการตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายของความทรงจำ อัตลักษณ์ของคน และความเป็นมนุษย์แห่งโลกอนาคต

บทความนี้จะพาแฟน The People ไปสำรวจเส้นทางอาชีพของ ‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นอันเรียบง่ายในชิคาโก ไปจนถึงการเป็น Hollywood Timeless Hero ที่ส่งอิทธิพลต่อการนิยามของคำว่า ‘ฮีโร’ ในวัฒนธรรมร่วมสมัย

จาก ‘ช่างไม้ฝีมือดี’ สู่ ‘พระเอกตลอดกาล’

แฮร์ริสัน ฟอร์ด เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1942 ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางเชื้อสายไอริช-ยิว หลังเรียนจบจาก Ripon College ในรัฐวิสคอนซิน เขาเดินทางไปแสวงโชคที่ลอสแอนเจลิส

เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาเริ่มต้นจากการเป็นช่างไม้เพื่อเลี้ยงชีพ ขณะรอคอยโอกาสในการแสดง จนได้รับบทเล็ก ๆ ใน Universal Studios และร่วมงานกับ ‘จอร์จ ลูคัส’ (George Lucas) ในภาพยนตร์เรื่อง ‘American Graffiti’ (1973) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูคัสและ Lucasfilm

บทบาทที่ทำให้ฟอร์ดกลายเป็นดาราระดับโลกคือ ‘ฮาน โซโล’ (Han Solo) ในภาพยนตร์ ‘Star Wars’ (1977) ตัวละครที่มีทั้งความกล้าหาญและความเปราะบางภายในจิตใจ ด้วยฝีปากแบบจอมประชดประชัน ฮาน โซโล ไม่ใช่ฮีโร่ในแบบดั้งเดิม แต่เป็นตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์สูง มีข้อบกพร่อง และมีแรงจูงใจส่วนตัว ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของภาพลักษณ์ฮีโร่ในยุคหลังสงครามเวียดนาม

หลังจากความสำเร็จของ Star Wars เขาได้รับบทนำในภาพยนตร์ชุด ‘Indiana Jones’ ซึ่งเริ่มต้นด้วย ‘Raiders of the Lost Ark’ (1981) กำกับโดย ‘สตีเวน สปีลเบิร์ก’ (Steven Spielberg) และเขียนบทโดยลูคัส บทบาทของ ‘อินดีแอนา โจนส์’ (Indiana Jones) เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีกับนักผจญภัยที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว สะท้อนถึงความหลงใหลในอดีตของอเมริกันชน และความปรารถนาที่จะค้นหาความหมายในโลกสมัยใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ฮีโรที่ไม่สมบูรณ์แบบ

ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ฟอร์ด แสดงในภาพยนตร์หลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น ‘Blade Runner’ (1982) ที่เขารับบทเป็น ‘ริก เดคการ์ด’ นักล่าหุ่นยนต์ในโลกดิสโทเปีย ซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ หรือ ‘Witness’ (1985) ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ที่แนบเนียนและความขัดแย้งภายในจิตใจอย่างลึกซึ้ง

เขายังแสดงในภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ เช่น The Fugitive (1993), Clear and Present Danger (1994) และ Air Force One (1997) ซึ่งเขารับบทเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ต้องต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบิน

สิ่งที่ทำให้ฟอร์ดแตกต่างคือการนำเสนอฮีโรที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางศีลธรรม และความเปราะบางทางอารมณ์ แตกต่างจากฮีโรในยุคก่อนหน้า เช่น ‘จอห์น เวย์น’ (John Wayne) และ ‘คลินต์ อีสต์วูด’ (Clint Eastwood) ที่เน้นความเข้มแข็งและความเด็ดขาดแบบตัวแทน ‘อเมริกันฮีโร’

เขาไม่เคยจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบ รับเล่นภาพยนตร์โรแมนติก เช่น ‘Sabrina’ (1995) และภาพยนตร์ดรามา เช่น ‘Regarding Henry’ (1991) ในขณะที่มีชื่อเสียงจากบทบาทแอ็คชัน สิ่งนี้ทำให้เขายังคงมีที่ยืนในวงการภาพยนตร์แม้จะย่างเข้าสู่วัย 84 ปีแล้ว

ในช่วงหลังของอาชีพ ฟอร์ด ยังคงมีบทบาทในภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ เช่น ‘Star Wars: The Force Awakens’ (2015) และ ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ (2023) แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกลับมารับบทเดิมในบริบทใหม่ และการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของวงการภาพยนตร์ในปัจจุบัน

ฟอร์ด เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award (Oscar) BAFTA Emmy และ Golden Globe (ลูกโลกทองคำ) หลายครั้ง โดยเฉพาะการได้รับรางวัล Cecil B. DeMille Award จาก Golden Globes ในปี ค.ศ. 2002 เพื่อยกย่องผลงานตลอดชีวิตของเขา อีกทั้งยังได้รับรางวัล AFI Life Achievement Award ในปี ค.ศ. 2000 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเกียรติยศสูงสุดของวงการภาพยนตร์อเมริกัน

อุทิศตนเพื่อสังคม

นอกจากบทบาทในภาพยนตร์ ฟอร์ด ยังมีบทบาทสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ธรรมชาติ เขาเป็นรองประธาน Conservation International ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 อุทิศตนเพื่อปกป้องป่าไม้และสัตว์ป่าในหลายประเทศ

เขาเคยกล่าวไว้ว่า “Nature doesn't need people. People need nature” ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองที่ลึกซึ้งและการตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ความสนใจในสิ่งแวดล้อมของเขาแสดงให้เห็นความรับผิดชอบต่อโลกในฐานะดาราระดับโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมิติที่ขยายไปถึงการมีส่วนร่วมในสถานการณ์ปัจจุบัน

ฮีโรที่เปลี่ยนวงการภาพยนตร์

ฟอร์ด เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากยุคฟิล์มไปสู่ยุคดิจิทัล การเลือกรับบทที่ตัวละครต้องเผชิญกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก เช่น ‘Blade Runner’ (1982) และ ‘Blade Runner 2049’ (2017) หรือ ‘Firewall’ (2006) สะท้อนถึงความกังวลของสังคมต่อการสูญเสียความเป็นมนุษย์ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ในเชิงวัฒนธรรม ฟอร์ด เป็นภาพแสดงแทนชาวอเมริกันที่กำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของโลก ตัวละครของเขามักสะท้อนถึงการแสวงหาความหมายในโลกที่ไร้ระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาความจริงในโลกไซไฟของ Blade Runner การปกป้องคุณค่าทางวัฒนธรรมใน Indiana Jones หรือการยืนหยัดต่อความอยุติธรรมใน The Fugitive

แบรนด์ของ ‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพ ความจริงใจ และความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ที่ซับซ้อน เนื่องจากเขาไม่ค่อยมีข่าวฉาว ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้กำกับและผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงรุ่นใหม่และผู้กำกับที่ต้องการสร้างตัวละครที่มีความลึกซึ้งและความเป็นมนุษย์สูง

บทสรุป

ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ‘แฮร์ริสัน ฟอร์ด’ เป็นภาพแสดงแทน ‘ฮีโรที่ไม่สมบูรณ์แบบ’ ที่พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ความเป็นฮีโรของเขาไม่ใช่เพียงบทบาทในภาพยนตร์ แต่เป็นการสะท้อนถึงคุณค่าทางศีลธรรม ความกล้าหาญ และความรับผิดชอบที่คน Gen ใหม่ยังคงโหยหา

ฟอร์ด เป็นตัวอย่างของนักแสดงที่รักษาความเป็นอิสระในการทำงาน เคยปฏิเสธบทภาพยนตร์ที่ไม่สอดคล้องกับหลักการของตนเอง และเลือกบทที่มีความหมายมากกว่าความสำเร็จทางการค้าเพียงอย่างเดียว

ในยุคที่ฮีโรถูกสร้างขึ้นจาก Special Effect เขายังคงยืนหยัดในฐานะนักแสดงที่ใช้ฝีมือเป็นอุปกรณ์หลักในการสื่อสาร ตัวละครของเขาไม่ได้มีพลังวิเศษหรือเครื่องไม้เครื่องมือไฮเทค แต่มีความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผู้ชมสามารถเชื่อมโยงและรับรู้ได้

ด้วยเส้นทางอาชีพนักแสดงที่ยาวนานเกือบ 7 ทศวรรษ ฟอร์ด ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่า ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าใจตัวละคร การเลือกบทที่มีความหมาย และการรักษาความจริงใจที่มีต่อผู้ชม

เขาเป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างความสามารถทางการแสดง ความรับผิดชอบต่อสังคม และความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ ซึ่งทำให้เขาเป็นมากกว่าดาราภาพยนตร์ แต่เป็น Hollywood Timeless Hero ที่เป็น ‘ของแท้’ ในทุก ๆ มิติ

 

เรื่อง: จักรกฤษณ์ สิริริน

ภาพ: Getty Images