‘นาวาซซุดดิน ซิดดิกี’ ตัวประกอบที่เริ่มจากบทแสดง 61 วินาทีในฉาก กรุยทางเพื่อเป็นนักแสดงฝีมือดีในบอลลีวูด

‘นาวาซซุดดิน ซิดดิกี’ ตัวประกอบที่เริ่มจากบทแสดง 61 วินาทีในฉาก กรุยทางเพื่อเป็นนักแสดงฝีมือดีในบอลลีวูด

‘นาวาซซุดดิน ซิดดิกี’ (Nawazuddin Siddiqui) นักแสดงมากฝีมือ ต้องใช้เวลา 12 ปีในการสร้างชื่อเสียง และสานฝันตัวเองให้เป็นจริง จากตัวประกอบ กลายเป็นนักแสดงหลักที่มีบทบาทเยอะมากในภาพยนตร์บอลลีวูด

KEY

POINTS

  • ‘นาวาซซุดดิน ซิดดิกี’ นักสู้ที่พยายามตามฝัน ใช้เวลา 12 ปีเพื่อให้ได้การยอมรับในบอลลีวูด
  • เคยเป็นยามที่สถานบันเทิง ช่วงที่เรียนการแสดง เพราะอยากเป็นนักแสดง
  • บทแรก ๆ เขาทุ่มเทเต็มที่ แม้ปรากฎในฉากเพียงไม่กี่วินาที เพื่อให้คนดูจดจำเขามากที่สุด

“หากใครอยากเป็นนักแสดงต้องมีกล้ามหน้าท้องด้วยหรือ ผมคิดว่าการแสดงมันต้องมาจากการแสดงอารมณ์ทางสายตา ไม่ใช่กล้ามหน้าท้องนะ”

‘นาวาซซุดดิน ซิดดิกี’ (Nawazuddin Siddiqui) นักแสดงมากอารมณ์จากอุตสาหกรรมภาพยนตร์บอลลีวูด เรียกกันสั้น ๆ ว่า ‘นาวาซ’ เขาให้สัมภาษณ์เป็นภาษาฮินดี เมื่อปี 2013 เมื่อนักข่าวถามเขาว่า นักแสดงที่ดีในมุมมองเขาควรเป็นแบบไหน ซึ่งบทสัมภาษณ์สั้น ๆ นี้เผยแพร่ทาง YouTube ในช่อง Movie Talkies “Acting should come from heart, not the brain”

เขาเล่าซ้ำไปซ้ำมาว่า หลายครั้งในชีวิตที่ตัวเองถูกปฏิเสธเพราะรูปลักษณ์หน้าตา เขาจึงไม่สามารถเป็นนักแสดงได้ แต่ท้ายที่สุดฝีมือการแสดง และการแสดงออกทางอารณ์ของเขา ทำให้วงการภาพยนตร์ใหญ่อย่างบอลลีวูด ‘ยอมรับ’ และยกให้เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ภาพยนตร์ของบอลลีวูดได้ฉายในแพลตฟอร์มสครีมมิ่ง Netflix มากที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน

ไม่มีสายป่านในวงการแสดง

กลายเป็นเรื่องที่เห็นไม่ยากนักสำหรับนักแสดงบอลลีวูดหน้าตาสวยหล่อหลายคน ที่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องทำงานอยู่ในวงการ หรือเป็นนักแสดงเหมือนกัน ซึ่งการเข้าไปโลดแล่นในวงการภาพยนตร์แดนภารตะได้นั้น บางทีสายป่านเหล่านี้ก็เป็น ‘ทางลัด’ ที่ทำให้พวกเขาได้เกิดอยู่บนพื้นที่สปอตไลต์ได้เร็วกว่าคนอื่น

แต่หนทางนี้ ไม่ใช่กับชีวิตของ ‘นาวาซ’ เพราะชีวิตของเขาเหมือนละครหลังข่าวหลาย ๆ เรื่อง ทั้งการสู้ชีวิต การดิ้นรน และพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองได้เป็น ‘นักแสดง’ ตามความฝันให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

เขาเริ่มต้นจากคนที่ไม่มีอะไรเลย ครอบครัวเป็นเพียงครอบครัวชาวนา พ่อแม่มีลูกทั้งหมด 9 คน เกิดและโตในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Budhana ซึ่งแทบไม่เคยมีใครเคยได้ยิน ในรัฐอุตตรประเทศ นอกจากจะเป็นลูกชาวนาแล้ว เขาเป็นชาวมุสลิมอินเดียซึ่งหลายครอบครัวในอินเดียไม่ค่อยสนับสนุนให้ทำอาชีพเกี่ยวกับการแสดง หรือใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงมากนัก

นาวาซ เรียนและทำงานเหมือนคนต่างจังหวัดทั่วไป เขาเริ่มทำงานเป็นนักเคมีในบริษัทปิโตรเคมีแห่งหนึ่ง หลังจากที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัยท้องถิ่น แต่ทำได้ไม่นานก็ลาออกหลังจากนั้น เพราะว่าความฝันที่แท้จริงของเขายังคงเป็น ‘นักแสดง’ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน

จุดเปลี่ยนครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจากที่เขาย้ายไปที่ ‘นิวเดลี’ เพื่อหาประสบการณ์ และพาตัวเองให้ใกล้ความฝันมากขึ้นอีกสเต็ป นาวาซตัดสินใจลงเรียนการแสดงเพิ่มเติมที่ National School of Drama โดยไม่บอกที่บ้าน แต่ช่วงเวลากลางคืนเขาต้องทำงานไปด้วยเพราะไม่มีเงินพอที่จะประทังชีวิต

‘ยาม’ หรือ ผู้รักษาความปลอดภัย คืออาชีพ part time ที่นาวาซทำตอนนั้นหลังจากที่เรียนเสร็จในแต่ละวัน โดยเขาทำงานเป็นยามที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ทำแบบนั้นอยู่หลายเดือนจนกว่าเขาเรียนจบหลักสูตรการแสดง

แต่ใช่ว่า เมื่อเขาเรียนจบแล้วจะได้เป็นนักแสดงทันทีตามความฝัน เขาถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนจากการ เหตุผลเพราะว่าหน้าตาที่ดูธรรมดาเกินไป กับรูปลักษณ์ที่ไกลจากคอนเซ็ปต์ของนักแสดงบอลลีวูด

นาวาซเป็นผู้ชายรูปร่างเล็ก ผอม ผิวคล้ำ พูดภาษาอังกฤษได้ไม่มาก และหุ่นที่ดูไม่มาดแมนของเขา ทำให้บางคนมองว่า เขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักแสดงในบอลลีวูด และแย่ที่สุดเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า

“บางคนมองว่าเขาเหมาะที่จะรับบทชาวนา หรือชาวไร่ชาวสวนซึ่งมันก็เป็นรากเหง้าของผมแต่กำเนิด”

และความที่ไม่มีเส้นสาย ไม่มีสายป่านใด ๆ ในวงการบอลลีวูดแม้แต่น้อย ทำให้นาวาซใช้เวลาหางานแสดงอยู่แบบนั้นเป็นปี ๆ เขาเคยกินแต่บิสกิตห่อเล็ก ๆ ประทังชีวิตในแต่ละวัน เพราะมีเงินติดตัวและซื้อของได้เพียงหยิบมือเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็เลือกที่จะไม่บอกให้พ่อแม่รู้ว่าเขากำลังเผชิญอยู่กับอะไร จนกว่าตัวเขาจะประสบความสำเร็จ

 

แค่วินาทีในฉากพลิกชีวิตได้

นาวาซเคยให้สัมภาษณ์ว่า ณ วันที่เขาหางานแสดงทั้งที่นิวเดลีและมุมไบ เขาไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีคนจ้างเขา และมอบโอกาสให้เขาได้เป็นนักแสดงหรือไม่ เขารู้เพียงว่า หากใครที่ยื่นโอกาสให้เขาเพียงฉากเดียว วินาที หรือนาทีเดียวเท่านั้น หรือแม้แต่พูดไม่กี่คำในภาพยนตร์เรื่องนั้น เขาจะทำมันอย่างเต็มที่ และสร้างความประทับใจให้กับคนดูได้ และพยายามทำให้คนดูจดจำเขาได้เร็วที่สุด เพราะการแสดงคือสิ่งเดียวที่เขารักและถนัด

“การเป็นนักแสดงที่ดีสำหรับผม คือการแสดงออกทางสีหน้าที่ส่งอารมณ์ถึงคนดูได้มากที่สุด อาจไม่ใช่หน้าตาอันหล่อเหลา หรือรูปร่างที่สะท้อนให้เห็นว่า คุณยกเวทหนัก ๆ มามากแค่ไหน ผมคิดว่าการเป็นนักแสดงที่คนจดจำได้นั้น เราต้องทำการแสดงที่ดีมากพอที่เขาจะเชื่อ ซึ่งผมไม่ได้มีกล้ามหน้าท้องเหมือนคนอื่นหรอกนะ แต่ผมก็โดดเด่นได้ในภาพยนตร์ที่ผมได้รับโอกาส”

นอกจากนี้ นาวาซได้เคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า บางทีเขาก็นึกเสียดายเงินมากมาย ที่ถูกเอาไปถมกับภาพยนตร์ที่มีนักแสดงรูปร่างหน้าตาดี แต่แสดงไม่เป็น แต่เขาก็ยอมรับมันแต่โดยดีว่า ทุก ๆ อุตสาหกรรมมีวิถีของมัน และทุกคนก็มีหนทางเป็นของตัวเองเพื่ออยู่รอดและให้ได้รับโอกาสในครั้งต่อไป

“สำหรับผมแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ไม่มีรูปร่างหน้าตาที่ดี มาดึงดูดมากพอ ดังนั้นฝีมือและการแสดงของผมคือหนทางที่จะปูทางให้ผมอยู่จุดนี้ได้ แม้ว่าต้องใช้เวลานานมากก็ตาม”

เขาซึ่งไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ต้องใช้ ‘ฝีมือ’ แผ้วถางทางเดินของตัวเอง ... แม้ว่ามันจะใช้เวลานานมากก็ตาม

นาวาซเข้าตาผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก ที่มอบบทเล็ก ๆ ให้เขาได้ชิมลาง นั่นคือเรื่อง Shool (ปี 1999) ที่รับบทเป็นพนักงานเสิร์ฟในภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา

และต่อมาเขาได้แสดงร่วมกับ ‘อาเมียร์ ข่าน’ นักแสดงนำในบอลลีวูดพระเอกตลอดกาล ในเรื่อง Sarfarosh (ปี 1999) ซึ่งเรื่องที่ 2 นี้ นาวาซปรากฏในซีนเพียง 61 วินาทีเท่านั้น ในบทบาทอาชญากรในมุมไบ

เรื่องที่ 3 ของนาวาซ Munnabhai MBBS (ปี 2003) ก็ยังคงเป็นบทบาทของโจรล้วงกระเป๋าที่มีบทพูดเล็ก ๆ และเรื่องที่ 4 ของเขา The Bypass (ปี 2003) แสดงในบท ‘ตัวร้าย/โจร’ โดยมีนักวิจารณ์ภาพยนตร์ของอินเดียเคยพูดไว้ว่า กว่าที่นาวาซจะเติบโตและเป็นนักแสดงที่มีบทบาทหลัก ๆ ได้ขนาดนี้ เขารับบทในตัวละครที่ต่ำต้อยมาตลอด เพราะโจรหรือตัวร้ายที่บทพูดแทบไม่มีในเรื่อง สำหรับวงการบอลลีวูด ถือว่าเป็นบทเสริมที่แย่ยิ่งกว่า ‘ตัวประกอบ’ คือ จะมีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร สามารถตัดออกได้

เรื่องราวของนาวาซ กว่าจะเป็นนักแสดงสมใจตัวเอง ต้องใช้เวลากว่า 5 ปี เพื่อให้ตัวเองได้ปรากฏอยู่ในสักฉากหนึ่งในภาพยนตร์ เป็นใครสักคนที่มีบทบาทน้อยที่สุดในเรื่อง หรือไม่จำเป็นต้องมี

ขณะเดียวกัน นาวาซต้องใช้เวลารวม ๆ ถึง 12 ปี ในการสร้างชื่อเสียงตัวเองขึ้นมาในอุตสาหกรรมนี้ พร้อมคำนำหน้าว่าเป็น ‘นักแสดงมากฝีมือ’ ซึ่งในบอลลีวูดนั้นค่อนข้างหินอยู่เหมือนกัน

ปัจจุบันหากนับย้อนไปดูภาพยนตร์ที่มี ‘นาวาซ’ ร่วมแสดงอยู่ด้วยน่าจะมากกว่า 50 เรื่อง โดยภาพยนตร์ที่คนไทยหลายคนน่าจะเคยรู้จักกันบ้าง เช่น Paan Singh Tomar, Lunchbox, Kahaani, Kick, Bajrangi Bhaijaan และ Sacred Games, Serious Men, Raat Akeli Hei, Haraamkhor, Dev.D, Talaash, Raees, Mom,  Manto, Thackeray และ Motichoor Chaknachoor ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ใน Netflix ด้วย

ต้องพูดว่า นาวาซเป็นนักแสดงตัวประกอบที่ใช้เวลาเป็นนักแสดงเด่นในภาพยนตร์นานมาก แต่ก็เป็นตัวประกอบที่มีรายได้สูงมากเช่นกัน

ส่วนหนึ่งเพราะว่าความพยายามของเขา ทำให้สามารถรับเล่นบทบาทได้ทุกแบบ ทั้งยังเล่นได้โดยไม่แคร์หน้าตาหรือรูปร่างของตัวเอง นาวาซเคยบอกว่า หลังจากที่เขาผ่านบทบาทมาเกือบทุกแบบ ปัจจุบันจะรับเล่นเฉพาะบทที่น่าสนใจจริง ๆ และทำให้เขาได้พัฒนาความสามารถด้านการแสดงของตัวเองเท่านั้น เพราะเป็นคนค่อนข้างทุ่มเทกับการแสดง และใช้เวลากับการสร้างคาแรกเตอร์ให้มีความน่าเชื่อถือต่อคนดูมากที่สุด

 

ภาพ : Getty Images

อ้างอิง :

https://www.forbesindia.com/article/play/nawazuddin-siddiqui-the-drama-king/41179/1

https://www.imdb.com/name/nm1596350/bio/?ref_=nm_ov_bio_sm

https://timesofindia.indiatimes.com/topic/Nawazuddin-Siddiqui#google_vignette

https://caravanmagazine.in/reviews-and-essays/showtime

https://www.linkedin.com/pulse/from-rags-riches-nawazuddin-siddiqui-manish-upadhyay/

https://www.indiaforums.com/forum/topic/4282258

https://www.youtube.com/watch?v=SPHbsBlaVF0