ฮิโรยูกิ ซานาดะ : ‘ชิเหน๋!’ นักแสดงญี่ปุ่นขวัญใจยมทูต สู่บทบาทใน John Wick

ฮิโรยูกิ ซานาดะ : ‘ชิเหน๋!’ นักแสดงญี่ปุ่นขวัญใจยมทูต สู่บทบาทใน John Wick

‘ฮิโรยูกิ ซานาดะ’ (Hiroyuki Sanada) นักแสดงญี่ปุ่นขวัญใจยมทูต (เพราะตายแทบทุกเรื่อง) ผู้ให้กำเนิดวลีมีมจาก Avengers: Endgame (2019) กับคำว่า 'ชิเหน๋' กับอดีตที่เคยเป็นนักแสดงเด็กที่ตัดสินใจถอนตัวออกจากวงการ เส้นทางของเขาเริ่มจากจากแดนอาทิตย์อุทัยสู่ฮอลลีวูด

นักแสดงบางคน เมื่อปรากฎตัวบนจอเงินก็จะมาพร้อมความเท่มาดพระเอกเสมอ ๆ นักแสดงบางคน มาเปิดตัวมาในเรื่องก็ครองบทตัวร้ายจนกลายเป็นภาพจำ นักแสดงบางคน เพียงแค่เห็นหน้า ก็เรียกเสียงฮาได้โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่นักแสดงบางคน โผล่มีกี่บท ปรากฎมากี่เรื่อง ก็ (มักจะ) ตายตลอด! 

เป็นเวลาเกือบครบ 10 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เรื่องราวของนักฆ่ามาดเซอร์นามว่า ‘จอห์น วิค’ (John Wick) ดำเนินเรื่องราวบู๊แหลกมาตั้งแต่ภาคแรกที่ออกฉายในปี 2014 มาจนถึงตอนนี้ จากนักฆ่าคนเดิมที่ไล่ล่าอดีตสมาชิกแก๊งค์ในภาคแรกก็กำลังทะลวงทั้งสมาคมนักฆ่าให้มลายหมดสิ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิสัยทัศน์ของอดีตสตันท์แมนอย่าง แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) ผู้กำกับ John Wick ทั้ง 4 ภาคถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ชูรสความเดือดมันในฉากแอคชั่นของภาพยนตร์ John Wick จนสร้างออกมากี่ภาค ผู้คนก็พร้อมจะไปดู (โดยภาคล่าสุดนี้พวกเขาก็จัดมื้อใหญ่ให้ไปเต็ม ๆ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว) 

แน่นอนว่า คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ก็ยังคงเป็นพระเอกชูโรงของภาพยนตร์ดังเดิม แถมได้มาประชันกับ ดอนนี่ เยน (Donnie Yen) แต่อีกตัวละครที่น่าสนใจไม่แพ้คนอื่น ๆ เลย แถมตัวละครตัวนี้อาจจะมีใครหลายคนที่พอจะคุ้นหน้ากันอย่างแน่นอน ซึ่งก็คือ ‘ฮิโรยูกิ ซานาดะ’ (Hiroyuki Sanada)

ชิเหน๋

หากอ้างอิงถึงกระแสในช่วงที่ไม่นานมานี้ หากมองหน้าของซานาดะดี ๆ คงจะมีคนไม่น้อยที่น่าจะร้อง “อ๋อออออออ” กันว่าเขาคือคนเดียวกับที่แสดงเป็นยากูซ่าสวมสูทถือดาบนามว่า ‘อากิฮิโกะ’ (Akihiko) จากภาพยนตร์ Avengers: Endgame (2019) ที่ปรากฎมาดวลดาบก่อนจะจากไปหลังคำว่า ‘ชิเหน๋’ (Shi-ne) นั่นเอง

แต่หากไม่เคยดู Avengers: Endgame มาก่อนแล้วจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาก็ไม่น่าจะแปลกเสียเท่าไรนัก เพราะซานาดะได้วนเวียนอยู่ในฮอลลีวูดมาพักใหญ่แล้ว แสดงภาพยนตร์ชื่อดังมากมายหลายเรื่อง ตั้งแต่ Rush Hour 3 (2007), The Wolverine (2013), และ Mortal Kombat (2021) ด้วย แต่บทบาทที่สร้างชื่อมากที่สุดในวงการนี้ก็คงเป็น The Last Samurai (2003)

แต่ในบรรดาภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เขาได้แสดง ส่วนใหญ่บทที่ได้รับก็จะวนเวียนอยู่ที่ภาพจำคล้ายเดิม เช่นคนญี่ปุ่น ยากูซ่า หรือซามูไร อะไรทำนองนั้น แต่สิ่งที่มีเหมือนกันในแทบจะทุกบทบาทที่เขาได้เล่นก็คือ ‘ขวัญใจยมทูต

เรียกได้ว่าเล่นกี่เรื่อง ชะตากรรมของตัวละครที่เขาเล่นก็มักจบลงด้วยการสิ้นลมหายใจ เอาเป็นว่าหากหยิบบทเด่น ๆ ของเขามา 10 เรื่อง ก็ตายไปแล้วประมาณ 8-9 เรื่อง 

ถึงจะตายบ่อยไปเสียหน่อย แต่เรื่องราวตลอดเส้นทางการแสดงของเขาก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา เขาเริ่มเข้าสู่การแสดงตั้งแต่ยังไม่พ้นชั้นอนุบาล แถมยังมีความสามารถหลากด้านอีกด้วย แต่เขาต้องฝ่าฟันอยู่นาน กว่าจะขยับจากแดนอาทิตย์อุทัยมาสู่จอฮอลลีวูด ในบทความนี้จะพาไปย้อนดูเส้นทางของเขาคนนี้ 

ฮิโรยูกิ ซานาดะ อาศัยอยู่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เกิด เขาเกิดในวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1960 ประตูสู่เส้นทางการแสดงของเขาเริ่มตั้งแต่ตอนที่เขามีเพียงอายุแค่ 5 ขวบ โดยบทแรกที่เขาได้เล่นก็คือ ‘ลูกยากูซ่า’ จากภาพยนตร์เรื่อง Game of Chance (1965) หลังจากนั้นเขาก็มื่อในฐานะนักแสดงเด็กและได้มีงานแสดงเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ตลอด 5 ปี ทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์

 

ทั้งผู้จัดการและผู้ปกครองของผมบอกกับผมว่า

ถ้าผมอยากจะเป็นนักแสดงจริง ๆ จัง ๆ ในอนาคต ผมต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดา

 

หรือถ้าหากซานาดะอยากจะเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จในอนาคต สิ่งที่เขาต้องทำคือการถอนตัวออกจากวงการการเป็นนักแสดงเด็กนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องดึงเด็กคนนึงออกจากเส้นทางการแสดงที่เขากำลังเดินอยู่เรื่อย ๆ มากว่า 5 ปี แต่เหตุผลของพวกเขาก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว

พ่อ แม่ และผู้จัดการของเด็กชายซานาดะมองว่าอนาคตของซานาดะในเส้นทางสายการแสดง หากดำเนินไปในแนวทางและความเร็วแบบนี้ อาจจะดูไม่สดใสเสียเท่าไรนัก เพราะแม้จะมีงานการแสดงเข้ามาทุกปี แต่บทบาทเหล่านั้นก็หาใช่บทใหญ่และมีความสำคัญขนาดนั้น และหากดำเนินตามเส้นทางการแสดงไปแบบเดิม เขาอาจจะติดภาพจำในฐานะนักแสดงเด็กที่อาจจะกลืนกินความสามารถที่แท้จริงของเขาไปก็ได้ เพราะมีกรณีคล้ายกันเช่นนี้หลายกรณีที่เคยเกิดขึ้น

“มันก็เป็นเรื่องที่ดีนะที่ผมได้มีโอกาสได้ดูหนังในฐานะผู้ชมแบบจริง ๆ บ้าง เพราะเมื่อก่อนผมก็มักจะได้ดูหนังแต่ในสตูดิโอถ่ายทำเท่านั้น ไม่เคยได้เข้าไปดูในโรงหนังแบบใครอื่นเขาเลย”

ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องละทิ้งฝันของตัวเองและกลับไปใช้ชีวิตดังเด็กธรรมดา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทางเลือกนี้ก็ถือเป็นทางเลือกที่ถูกไม่น้อย ประการแรกก็ดังที่ซานาดะได้กล่าว เขาได้ลองถอยตัวเองออกมาจากนักแสดงและเจ้าของผลงาน มาเป็นคนดูธรรมดาอีกคนหนึ่งที่อาจจะได้มุมมองและประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปจากมุมเดิม ๆ ที่เขาเคยรู้สึก

แต่หากจะสรุปว่ามันเป็นข้อดีที่จะถอยออกมาจากการเป็นนักแสดงเด็ก การได้แค่ดูหนังคงไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอ เพราะนอกจากจะได้มีโอกาสไปดูหนังในโรงภาพยนตร์แล้ว สิ่งที่เด็กชายซานาดะได้เริ่มทำในวัย 10 ขวบคือได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การขี่ม้า การเต้น และรวมไปถึงศิลปะการต่อสู้อีกด้วย 

เราก็น่าจะเคยเห็นกันนะครับ นักแสดงที่สามารถทำทุกอย่างได้ภายในคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง เต้น หรือแม้แต่เล่นสตันท์ด้วยตัวเอง ผมเองคิดว่านั่นคือการบริการในฐานะนักแสดงในอุดมคติของผมมาก ๆ ด้วยเหตุนี้ผมเลยได้ความคิดที่ว่า ถ้าผมยังเป็นนักแสดงไม่ได้ งั้นผมก็ขอทำอย่างอื่นให้ได้หลาย ๆ อย่างไปก่อนเลยแล้วกัน

ตอนแรกเราอาจจะคิดว่าการที่ซานาดะถอยออกจากเส้นทางการแสดงเมื่อตอนที่เขาอายุ 10 ขวบคือการถอยออกจากบทบาทนักแสดงเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง แต่เมื่อได้เห็นว่าช่วงเวลาระหว่างนั้นเขาได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอด ดังนั้นหากจะเรียกการถอนตัวออกจากการแสดงนี้ว่าเป็นการ ‘เข้าป่าฝึกวิชา’ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเสียทีเดียว

เพราะเขาไม่ได้หายไปนานขนาดนั้น ไม่ถึง 10 ปีเสียด้วยซ้ำ เพราะเขาได้กลับเข้ามาเดินเส้นทางสายการแสดงต่อในวัย 17 ปี กับภาพยนตร์เรื่อง Shogun's Samurai (1978) โดยผลงานการกำกับของ คินจิ ฟุคาซากุ (Kinji Fukasaku) ซึ่งถือว่าเป็นผู้กำกับคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเอามาก ๆ ในประเทศญี่ปุ่น

จากนั้นเขาก็ได้ดำเนินเส้นทางในสายการแสดงอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่ได้ถอนตัวกลับออกไปเหมือนครั้งก่อน จนเขาได้มีโอกาสไปสวมบทบาทในภาพยนตร์คุณภาพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมาถึงปัจจุบันหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น หนังผีจากจอเวอร์ชั่นต้นฉบับอย่าง Ring (1998) และหนังซามูไรที่จะส่งต่อเขาในขั้นต่อไปในสายอาชีพการแสดงอย่าง The Twilight Samurai (2002) ที่จะส่งเขาพุ่งทะยานไปสวมบทบาทคู่กับพระเอกฮอลลีวูดอย่าง ทอม ครูซ (Tom Cruise) ในภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai (2003) ในปีถัดมา 

แต่นับเป็นเรื่องที่ดีก่อนจะได้รับโอกาสไปแสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ฮอลลีวูดเรื่องแรก เขาได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การพูดภาษาอังกฤษ ณ ประเทศอังกฤษมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยเขาได้ไปเป็นนักแสดงละครเวทีกับ The Royal Shakespeare Company ที่ได้แสดงทั้งบทละครคลาสสิคอย่าง Romeo & Juliet และ Hamlet นั่นจึงทำให้เขาได้วิชาภาษาอังกฤษมาครอง

แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กของนักแสดงในการที่จะพูดภาษาอังกฤษ แต่สำหรับซานาดะ มันถือเป็นอีกอุปสรรคก้อนใหญ่ที่เขาภูมิใจอย่างมากที่สามารถโค่นมันลงได้ ในคราวแรกเขากังวลและหวั่นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อโปรดิวเซอร์ได้เดินมาบอกกับเขาว่า 

ผมมองคุณเป็นนักแสดงเป็นสิ่งแรก เรื่องว่าเป็นเอเชียหรือมีสัญชาติญี่ปุ่นนั้นตามมาทีหลัง

มันจึงกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาลุยฝึกภาษาอังกฤษและสามารถทำมันได้สำเร็จ จนมันกลายเป็นใบเบิกทางที่สำคัญจนทำให้เขาสามารถมาทำงาน ณ ฮอลลีวูดได้

หลังจากที่ได้สวมบทบาทคู่กับ ทอม ครูซ ในภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai แม้ว่าในเรื่องจะมีนักแสดงญี่ปุ่นมากมายหลายคน แต่ฐานะตัวละครหลักที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้คนก็สามารถที่จะจดจำเขาได้ และเปิดโอกาสในเส้นทางอุตสาหกรรมภาพยนตร์เขาอีกมากมายหลายเรื่อง 

แม้จะตายบ่อยหน่อยจนเราอยากจะขนานนามเขาว่าเป็น ‘ขวัญใจยมทูต’ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครหลายคนก็น่าจะจำหน้าของ ฮิโรยูกิ ซานาดะ ได้ และหลังจากที่ผ่านภาพยนตร์มามากมายหลายเรื่อง จะกล่าวว่าเขาก็เป็นขวัญใจของใครหลาย ๆ คนนอกจากยมทูตอย่างเดียวก็ดูจะไม่ผิดเสียเท่าไรนัก

แต่ภาพจำที่ค่อนข้างจะชัดเจนสำหรับผู้หลงรักในมีมหลายคนก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากฉาก

ชิเหน๋!!!!

 

ภาพ:
Getty Images
IMDb
ภาพยนตร์เรื่อง John Wick 4

อ้างอิง:
NBC News
CBR