แชด สตาเฮลสกี : ผู้กำกับ John Wick เจ้าพ่อสตันท์ที่เคยถูก ‘ฝังทั้งเป็น’

แชด สตาเฮลสกี : ผู้กำกับ John Wick เจ้าพ่อสตันท์ที่เคยถูก ‘ฝังทั้งเป็น’

‘แชด สตาเฮลสกี’ (Chad Stahelski) ผู้กำกับ John Wick สุดยอดภาพยนตร์แอคชั่นแห่งยุคที่มี คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) และคิวบู๊สุดโหดเป็นตัวชูโรง กับอดีตและผลงานในฐานะสตันท์ยอดฝีมือที่ครั้งหนึ่ง ‘เคยถูกฝังทั้งเป็น’

ทุกครั้งที่ได้เห็นใบปิดภาพยนตร์ของชายที่สวมสูทสีดำ ผมยาว มีหนวดเครา พร้อมปืนพกหนึ่งกระบอก (หรือสิ่งของใดก็ตามที่พอจะเป็นอาวุธได้) ใครหลายคนน่าจะสัมผัสได้ทันทีว่านั่นคือภาพยนตร์อันเป็นเรื่องราวของ ‘John Wick’ ยอดนักฆ่าที่ไล่ทะลวงยาวมาถึงภาคที่ 4 และยังคงแรงแบบฉุดไม่อยู่

ย้อนกลับไปในสมัยก่อน เมื่อได้เห็นหน้าของ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ภาพยนตร์ที่คงลอยออกมาจากความทรงจำก็คงต้องเป็น Speed (1994) หรือ The Matrix (1999) อย่างแน่นอน แต่หากนำภาพของรีฟส์ในยุคปัจจุบันไปชูถามเหล่าผู้คนในยุคสมัยนี้ คำตอบที่จะได้รับอย่างแน่นอนก็คงเป็น 

นั่นมัน จอห์น วิค!

ต้องยอมรับกันจริง ๆ ว่าในตอนนี้ หากจะกล่าวถึงเจ้าพ่อแห่งวงการแอคชั่น จอห์น วิค (John Wick) คือผู้ที่ครองตำแหน่งนั้นอย่างชัดเจน ซึ่งพิสูจน์ผ่านฉากแอคชั่นที่แม้จะดำเนินมากว่า 4 ภาคแล้วก็ยังคงสดใหม่ไม่เปลี่ยนแปลง และหากจะให้เครดิตกับผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คีอานู รีฟส์ ถือเป็นหนึ่งชื่อสำคัญที่ทำให้มันเกิดขึ้น แต่มันสมองผู้อยู่เบื้องหลังของทุกอย่าง ก็ต้องยกให้กับ แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) จากผู้กำกับร่วมในภาคแรก สู่ผู้กำกับเดี่ยวตลอดสามภาคที่เหลือ

การที่สร้างสรรค์ฉากบู๊ของ John Wick ออกมาให้ได้ฉูดฉาดตื่นเต้นขนาดนี้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเสียเท่าไหร่นักเมื่อสตาเฮลสกีคือเจ้าของวิสัยทัศน์เหล่านั้น เพราะก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้กำกับดังทุกวันนี้ ในอดีต แชด สตาเฮลสกี ถือว่าเป็นตัวท็อปแห่งวงการในสายทีมแสดงสตันท์เลยทีเดียว 

ภาพยนตร์หลายเรื่องที่น่าจะเคยผ่านหูผ่านตาใครหลายคน ไม่ส่าจะเป็น Spider-Man 2 (2004), Mr. & Mrs. Smith (2005), 300 (2006), Deadpool 2 (2018) หรือแม้แต่มิสเตอร์บีนฉบับภาพยนตร์อย่าง Bean (1997) ก็มี แชด สตาเฮลสกี ทำหน้าที่สตันท์หรือดูแลฉากที่ต้องมีสตันท์อยู่ในนั้นทั้งสิ้น 

แต่ภาพยนตร์เรื่องสำคัญที่พาให้เขาได้มาเจอกับนักแสดงคู่บุญ ณ ปัจจุบันของเขาอย่าง คีอานู รีฟส์ ก็คงจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกเสียจาก The Matrix ไม่เพียงแต่มันทำให้เขาได้ทำงานกับรีฟส์จนผูกมิตรเป็นเพื่อนสนิทจนได้มาสร้างภาพยนตร์ด้วยกันในเวลาต่อมา แต่เขายังได้เห็นสองพี่น้องวาโชว์สกี้ (The Wachowskis) กำกับไตรภาค The Matrix อย่างละเมียดละไมอีกด้วย

ในบทความนี้เราจะพาไปย้อนรอยเรื่องรางเส้นทางสตันท์สู่กำกับในวงการภาพยตร์ฮอลลีวูดของ แชด สตาเฮลสกี ผู้กำกับหนังแอคชั่นพิสูจน์ฝีมือความสุดจากบรรดาภาพยนตร์ John Wick จนกวาดรายได้ไปมหาศาล ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

อุบัติเหตุในกองถ่าย The Crow ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต

บรูซ ลี’ (Bruce Lee) ตำนานสายบู๊แห่งโลกฮอลลีวูด คือประตูที่เปิดโลกของ แชด สตาเฮลสกี เข้าหาศาสตร์แห่งศิลปะการต่อสู้ สตาเฮลสกีเล่าว่าย้อนกลับไปในสมัยเด็ก ๆ เท่าที่ยังจะพอจำความได้ พ่อของมักจะพาเขาไปดูภาพยนตร์ของบรูซ ลี และมันได้จุดประกายความสนใจให้เขาอยากมีศิลปะเหล่านั้นเก็บไว้ในตัวบ้าง

เขาจึงได้ไปฝึกฝนด้าน คิกบ็อกซิ่ง (Kickboxing) กับ Inosanto Martial Arts Academy ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จนได้กลายเป็นนักคิกบ็อกซิ่งมืออาชีพที่ได้ลงสนามแข่งจริง ๆ มาแล้ว ก่อนที่จะได้มาลองเดินเส้นทางสายสตันท์จริง ๆ จัง ๆ จากภาพยนตร์ไซไฟทุนต่ำนามว่า Knights ในปี 1993

แต่แล้วหนึ่งปีต่อมา ในปี 1994 เขาก็ได้มาอยู่ในโปรเจกต์การสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Crow (1994) ที่มีอุบัติเหตุและการสูญเสียอันลือลั่น ไม่เพียงแค่สตาเฮลสกีได้มีโอกาสร่วมงานกับลูกชายของผู้จุดประกายให้เขาสนใจศิลปะการต่อสู้นามว่า แบรนดอน ลี (Brandon Lee) แต่สตาเฮลสกีได้เป็นตัวแสดงแทนและคู่ซ้อมเฉพาะตัวของลีเลยทีเดียว \

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออุปกรณ์ในฉากซึ่งเป็น ‘ปืน’ จริง ๆ มีปัญหาเรื่องกระสุนปลอมที่ทำขึ้นมาเอง จนทำให้ลีที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตกลางกองถ่ายจริง ๆ ถือเป็นโศนากฏกรรมและอุทาหรน์ครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้ใส่ใจความปลอดภัยของนักแสดงให้มากกว่าเดิม

ส่วน แชด สตาเฮลสกี เองผู้เป็นสตันท์ประจำตัวบองแบรนดอน ลี อยู่แล้วก็ต้องแสดงและถ่ายทำบทบาทที่เหลือให้หมดเพื่อที่จะจบภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ได้ 

 

เอาชีวิตรอดจากการถูก ‘ฝังทั้งเป็น’

มีคนมาถามผมบ่อยนะว่าอะไรคือฉากสตันท์ที่อันตรายที่สุดที่ผมเคยแสดงมา ซึ่งผมขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่ฉากสู้อลังการ เกาะเฮลิคอปเตอร์ ตกจากที่สูง ระเบิด หรือแม้แต่โดนรถชนเลยนะ แต่มันคือตอนที่ผมถูกฝังทั้งเป็น โดยมีเพียงแต่ท่อพิเศษต่อไปให้คุณหายใจในขณะที่คุณถูกฝังลึกลงไป 6 ฟุต

หน้าที่ของตัวแสดงแทนหรือสตันท์คือการที่ต้องแสดงในการกระทำหรืออยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงแทนนักแสดงตัวจริงด้วยทักษะทางศิลปะการต่อสู้ เอาชีวิตรอด หรือทางกายภาพที่มีมากกว่า ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่สตันท์ต้องเผชิญจนเป็นเรื่องปกติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ฉากบู๊ การถูกยานพาหนะชน ระเบิด หรือแม้แต่ ‘การถูกฝังทั้งเป็น’ (Buried Alive)

แม้อย่างหลังจะดูค่อนข้างฮาร์ดคอร์ไปเสียหน่อย แต่ถ้าภาพยนตร์เรื่องนั้นมีบทอย่างนั้น และหากผู้สร้างต้องการความสมจริง ก็เป็นโจทย์ที่ทีมสตันท์ต้องหาทางออกมาให้ได้ ในกรณีนี้ ทางออกคงจะมีหลากหลายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสามารถและความสมจริง แต่คำตอบที่ แชด สตาเฮลสกี หามาแก้โจทย์ให้กับทีมสร้างคือ

ฝังข้าทั้งเป็นไปเลย!

ในซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง Angel (1999) ถือเป็นหนึ่งในงานที่มีความท้าทายสูงที่สุดในเส้นทางสายสตันท์สุดวิบากของสตาเฮลสกี เพราะ แน่นอน การถูกฝังทั้งเป็นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เพียงแค่มันสร้างความทรมานและความอึดอัดทางกายภาพจากผืนดินที่ท่วมทับตัวเท่านั้น แต่มันยังท้าทายต่อสภาพจิตใจที่ต้องพยายามตั้งสติให้ได้อีกด้วย

ในด้านของจิตใจมันถือว่าเป็นงานหินที่สุดที่ผมเคยทำเลยนะ เพราะคุณต้องตั้งสติให้อยู่ คุมตัวเองให้ได้ ต้องใจเย็นเข้าไว้ ซึ่งมันฟังดูเหมือนง่ายนะ จนกระทั่งผมได้ไปทำจริง ๆ…

สตาเฮลสกีเล่าต่อถึงสิ่งที่เขาต้องเผชิญ นั่นก็คือชั้นดิน หิน มอสต่าง ๆ นา ๆ ที่ผสมกันจนมีความลึกกว่า 5 ฟุต อยู่บนตัวของเขา และสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่พยายามหายใจผ่านท่อเล็ก ๆ ที่สอดผ่านชั้นดินเข้าไปหาเขา สตาเฮลสกีเล่าว่าเขารู้สึกถึงแรงอัดและกดทับอยู่รอบตัว เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย สิ่งที่ทำได้มีเพียงรอนักแสดงมาขุดออกไปตามบท จะที่จะสื่อสารกับภายนอกได้ก็มีเพียงวิทยุหนึ่งเครื่องเท่านั้น

 

ภาพ
Jamie McCarthy/THR / Contributor - Getty Images
IMDb

อ้างอิง
How Keanu Reeves's Stunt Double Became His Director - Esquire
‘John Wick’ Filmmaker Chad Stahelski Talks Sequels, Oscar Stunt Snubs and Why Guns Still Show Up on Sets - The Hollywood Reporters