วิลล์ สมิธ: 30 ปีฮอลลีวูด ปรัชญาความสำเร็จและล้มเหลวผ่านการถูกพ่อใช้สร้าง ‘กำแพง’ ในวัยเด็ก

วิลล์ สมิธ: 30 ปีฮอลลีวูด ปรัชญาความสำเร็จและล้มเหลวผ่านการถูกพ่อใช้สร้าง ‘กำแพง’ ในวัยเด็ก

ปรัชญาความสำเร็จและล้มเหลวผ่านการถูกพ่อใช้สร้าง ‘กำแพง’ ในวัยเด็ก

“เราเรียงอิฐทีละก้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่การก่อกำแพง” นับตั้งแต่ปี 1992 ที่วิลล์ สมิธได้รับบทบาทในภาพยนตร์ Where the Day Takes You นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 30 ปีพอดีที่เขาเดินบนเส้นทางสายฮอลลีวูด หากจะเรียงรายชื่อหนังที่น่าจดจำของเขา คงจะมีลิสต์ยาวเป็นหางว่าว เรียกได้ว่าในทุกทศวรรษที่เขาเดินบนทางสายนี้ ตั้งแต่ 1990s, 2000s, 2010s จนมาถึงปัจจุบัน ต้องมีลิสต์หนังของเขาเป็น ‘แลนด์มาร์ก’ ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงไม่มากก็น้อย จนมาถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง King Richard (2021) ก็ได้เข้าชิง ‘ออสการ์’ สาขาภาพยนตร์และนักแสดงนำยอดเยี่ยม ในปลายปี 2021 วิลล์ได้ออกหนังสืออัตชีวประวัติตัวเองในชื่อ Will ซึ่งเนื้อหาในหนังสือบอกเล่าถึงเรื่องราวของเขาตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงานการแสดงที่น่าสนใจมาก ๆ แต่มีเรื่องราวหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อเขาจนถึงทุกวันนี้ คือเหตุการณ์ที่พ่อของวิลล์ใช้ให้เขาก่ออิฐ ตอนนั้นวิลล์อายุ 11 ปี กำแพงหน้าร้านของพ่อมันเก่ามาก พ่อเลยคิดโปรเจกต์ให้เขากับน้องชายช่วยกันสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ พ่อทุบกำแพงนั้นทิ้ง แล้วใช้ให้เด็กสองคนช่วยกันผสมปูนก่ออิฐเพื่อสร้างกำแพงขึ้นมา ในสายตาของเด็กน้อย นี่คืองานใหญ่มาก เป็นงานที่จินตนาการไม่ออกว่าจะแล้วเสร็จได้อย่างไร พวกเขาใช้เวลาเกือบปีหลังเลิกเรียนในการผสมปูน เรียงอิฐวันแล้ววันเล่า จนวิลล์อดเปรียบเปรยแบบสิ้นหวังไม่ได้ว่า เขาและน้องคงจะแก่ตายขณะที่สร้างกำแพงไม่แล้วเสร็จนี่แหละ “ไม่ว่าจะฝนตก จะร้อน จะบ้าคลั่ง จะเศร้า จะไม่สบาย หรือจะเตรียมสอบในวันถัดไป ฤดูกาลเปลี่ยน เพื่อนจะมาหรือไป ครูจะเกษียณไปหรือเปล่า กำแพงนั้นก็ยังคงอยู่” นั่นคือความรู้สึกของวิลล์ในขณะที่สร้างกำแพงทุกวัน ทำไมเราต้องสร้างกำแพง? ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางเสร็จ สองพี่น้องเริ่มออกอารมณ์จากกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตเขาวนเวียนอยู่ตรงนี้ ในตอนนั้น พ่อของเขาจึงเดินออกจากร้านมาบอกเด็กทั้งสองว่า “หยุดคิดเรื่องกำแพงห่านอะไร! มันไม่มีกำแพง มันมีแต่อิฐ งานของพวกเอ็งคือก่อเรียงอิฐให้สมบูรณ์ วางอิฐก้อนต่อก้อนให้สมบูรณ์ไปเรื่อย ๆ อย่ากังวลว่าไม่มีกำแพง คิดแต่เรื่องอิฐก็พอ” นี่คือคำพูดที่กระทบใจของวิลล์มาก ๆ จนถึงทุกวันนี้ ถ้าโฟกัสที่กำแพง จะทำให้รู้สึกว่างานนี้เป็นไปไม่ได้ ไม่จบไม่สิ้น แต่ถ้าโฟกัสที่อิฐเพียงก้อนเดียว ทุกอย่างจะดูง่าย… ก่ออิฐไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะมองเห็นกำแพงเอง… วิลล์เปรียบเปรยการก่ออิฐสร้างกำแพงมันแทบจะอยู่ในทุกส่วนของชีวิต เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย พยายามที่จะเป็นหนึ่งในศิลปินฮิปฮอปแถวหน้าของโลก ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด  สิ่งที่เกิดขึ้นหากมันดูเป็นเป้าหมายที่ใหญ่มากจนดูยากนั้นสามารถทำให้ง่ายขึ้นได้หากเรามองว่ามันคืองานที่สามารถจัดการได้  เปรียบเหมือนกำแพงที่ก่อด้วยอิฐ… “เกิดอะไรแย่ ๆ ทำได้เพียงแค่ตื่นขึ้นมาแล้วเรียงอิฐไปเรื่อย ๆ” วิลล์เล่าว่า ความลับในความสำเร็จของเขาเป็นอะไรที่ธรรมดามาก หนังเปิดตัวแย่...ก็แค่มานั่งเรียงอิฐ ยอดขายเพลงตก...ก็แค่มานั่งเรียงอิฐ แม้แต่ชีวิตแต่งงานล้มเหลว...ชีวิตก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อมาเรียงอิฐต่อไปเช่นกัน มากกว่า 30 ปีที่ในชีวิตการทำงาน ผ่านมาจนถึงวันนี้ เขาเองก็เคยเจอทั้งความล้มเหลว ความพ่ายแพ้ ความอัปยศ การหย่าร้างและความตาย ชีวิตของเขาเคยถูกคุกคาม เงินสูญหาย ชีวิตส่วนตัวถูกรุกล้ำ ไปจนถึงครอบครัวมีปัญหา  สิ่งที่ทำได้ในแต่ละวัน เพียงตื่นมาผสมปูน แล้วเรียงอิฐ ไม่ว่าชีวิตจะขยับไปทางไหน ก็ยังมีอิฐก้อนอื่น ๆ ที่วางต่อหน้าที่รอให้เราเรียงมันขึ้นไป คำถามสำหรับเขามีเพียงอย่างเดียวคือ คุณได้ตื่นขึ้นมาแล้วเรียงอิฐหรือยัง? สำหรับเขาแล้ว กระบวนการเติบโตเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ มันคือการก่ออิฐเพื่อให้เห็นภาพใหญ่ของชีวิตที่เป็นเหมือนกำแพง อิฐบางก้อนอาจจะทำให้เกิดความเจ็บปวด แต่ก็ให้กำแพงที่แข็งแกร่งได้ในที่สุด ไม่มีงานที่เป็นไปไม่ได้ มีแต่งานที่ค่อย ๆ ตั้งใจทำแล้วมันจะเป็นไปได้เอง สองพี่น้องใช้เวลาเกือบปี ในวันที่อากาศเย็น ท้องฟ้ามืดครึ้ม ในเช้าวันหนึ่งของเดือนกันยายน สองพี่น้องได้วางอิฐก้อนสุดท้ายของกำแพงที่พวกเขาสร้างขึ้นได้สำเร็จในที่สุด เราควรกระโดด? ควรดีใจ? ควรจะฉลองกับงานนี้ไหม? เด็กน้อยคิดขณะยืนอยู่ข้างพ่อ เวลานั้น สามพ่อลูกได้สำรวจกำแพง พ่อของวิลล์มองกำแพงที่แล้วเสร็จด้วยความนับถือในงานของลูก หลังจากตรวจงานเสร็จ พ่อสูบบุหรี่ปุ๋ยเฮือกสุดท้ายจนบุหรี่หมดมวน เขาโยนบุหรี่ที่หมดประโยชน์ลงพื้น ใช้เท้าขยี้ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ อย่าบอกพ่ออีกต่อไปว่า มีอะไรที่พวกเอ็งทำไม่ได้” จบประโยคนั้น พ่อเดินกลับเข้าไปในร้านเพื่อไปทำงานต่อ… ที่มา: หนังสือ Will โดย Will Smith กับ Mark Manson