25 ธ.ค. 2568 | 17:30 น.

ในบางครั้ง นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนก็ไม่จำเป็นต้องมาจากเทคโนโลยีล้ำสมัยที่อาศัยการคิดค้นหาสิ่งใหม่มาทดแทนเสมอไป แต่ก้าวหน้าสู่ความยั่งยืนอาจเริ่มต้นจากสิ่งที่พวกเราต่างก็มองข้าม หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนเป็นอย่างมากคือ ‘เปลือกไข่’ จำนวนมหาศาลที่เหลือจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมอาหาร และมักจบลงที่การกำจัดเป็นของเสีย
นี่คือจุดตั้งต้นของความร่วมมือระหว่าง บริษัท สยามแวร์ซานิทารีแวร์ จำกัด หรือ COTTO ผู้นำด้านสุขภัณฑ์และวัสดุตกแต่งพื้นผิวในภูมิภาคอาเซียน กับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อขับเคลื่อนการนำวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมอาหารอย่าง ‘เปลือกไข่’ ไปต่อยอดสู่การผลิตสุขภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด Circular Economy และเป้าหมาย Net Zero ของทั้งสององค์กร
ภาพที่น่าสนใจของ MOU ครั้งนี้ คือการผสานพลังของ ‘สองอุตสาหกรรมหลักของประเทศ’ ซึ่งก็คือ ‘อาหาร’ และ ‘วัสดุก่อสร้าง’ เพื่อยกระดับการใช้ทรัพยากรชีวภาพที่เหลือจากกระบวนการผลิตให้เกิดประโยชน์ในระดับเชิงพาณิชย์ โดย CPF จะจัดส่งเปลือกไข่จาก โรงฟักไข่แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้ COTTO นำไปใช้ในกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์ ถือเป็นอีกก้าวของความพยายามทำให้แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นจริงในระบบอุตสาหกรรมไทย
นายทนงชัย อัศวินชัยโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด (COTTO) อธิบายว่า COTTO มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และหนึ่งในโครงการสำคัญคือการนำ “เปลือกไข่” มาใช้ แทนหินปูนในกระบวนการผลิตสีเคลือบสุขภัณฑ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาย้ำด้วยว่า การที่ CPF เข้ามาเป็นพันธมิตรหลักในการสนับสนุนวัตถุดิบที่เป็น bio/organic waste คือจุดเริ่มต้นของการสร้างคุณค่าจากวัสดุชีวภาพ ให้กลับมามีบทบาทใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน COTTO ยังระบุว่าได้ดำเนินการ ‘ยื่นจดสิทธิบัตร’ สำหรับนวัตกรรมการนำเปลือกไข่มาใช้ในกระบวนการผลิตสีเคลือบสุขภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามขั้นตอน
ด้าน นายภาณุวัตร เนียมเปรม ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่เนื้อเป็ดเนื้อครบวงจร ซีพีเอฟ กล่าวว่า CPF ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Sustainovation’ หรือ ‘นวัตกรรมที่ยั่งยืน’ มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ด้วยการนำแนวทาง Circular Economy และ Waste to Value มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน และความร่วมมือกับ COTTO ครั้งนี้ เป็นการนำเปลือกไข่ที่เหลือจากกระบวนการผลิตจากโรงฟักไข่ ไปใช้ในกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์ของ COTTO เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและหมุนเวียนกลับมาใช้อย่างครบวงจร พร้อมชี้ว่าแนวทางดังกล่าวช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการฝังกลบ และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ด้วย
ท้ายที่สุด ความร่วมมือระหว่าง COTTO และ CPF จึงไม่ใช่แค่การจับมือของสององค์กร แต่คือการทำให้ ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ ไม่ใช่เพียงคำสวยหรูที่ยากจะจับต้อง แต่เป็นการลงมือทำจริงผ่านห่วงโซ่อุปทานและกระบวนการผลิตจริง บนเป้าหมายเดียวกันคือการลดของเสีย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขยับเข้าใกล้สังคมที่ยั่งยืนกว่าเดิม
เพราะในทุก ๆ ก้าวสำคัญเริ่มต้นจากการหันมองรอบตัวเอง และเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่จะเจริญงอกงามเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต