นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

‘จีจี้ - นาตาชา ราชิวงษ์’ เจ้าของห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique สตูดิโอชุดแต่งงานวินเทจที่อยู่คู่ถนนสุขุมวิทมานานกว่าสิบปี

KEY

POINTS

  • ‘จีจี้ - นาตาชา ราชิวงษ์’ เจ้าของห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique สตูดิโอชุดแต่งงานวินเทจที่อยู่คู่ถนนสุขุมวิทมานานกว่าสิบปี
  • นาตาชาเกิดมาในครอบครัวใหญ่ จากจังหวัดชัยนาท เธอเป็นลูกสาวคนที่ 7 จากพี่น้อง 8 คน นาตาชาไม่เคยมีของสะสมเป็นของตัวเอง กระทั่งตัดสินใจบอกกับแม่ว่าจะขอออกไปทำงานหาเงินด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 15 ปี
  • ชุดแต่งงานวินเทจชุดแรกที่เธอครอบครองในวัย 20 ปี คือชุดในปี 1940 เธอตกหลุมรักในเรื่องราวเบื้องหลังชุดแต่งงาน และพบว่าชุดแต่งงานทุกชุดมีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเอง

“พี่ว่าพี่เป็นนักสะสมความฝันนะ”

‘จีจี้ - นาตาชา ราชิวงษ์’ เจ้าของห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique สตูดิโอชุดแต่งงานวินเทจที่อยู่คู่ถนนสุขุมวิทมานานกว่าสิบปี สถานที่ที่เธอเลือกเปิดร้านเพื่อเติมเต็มความฝันของเธอและเจ้าสาวทั่วฟ้าเมืองไทยให้สัมผัสกับเสน่ห์ลึกลับของชุดแต่งงานโบราณ

ส่วนข้อความข้างต้นที่นาตาชาบอกว่าเป็นนักสะสมความฝัน เธอไม่ได้พูดให้สวยหรู แต่คือเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจมาตั้งแต่เด็ก นาตาชาเป็นคนจังหวัดชัยนาท เกิดมาในครอบครัวใหญ่ มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน เธอเป็นลูกสาวคนที่ 7 ค่อนข้างรักอิสระกว่าพี่น้องคนอื่น พออายุได้ 15 ปี จึงตัดสินใจเดินไปบอกกับแม่ว่าเธออยากขอออกไปทำตามความฝัน อยากจะทำตัวให้มีประโยชน์ อยากเลี้ยงดูตัวเองได้โดยไม่ต้องให้แม่ลำบากไปมากกว่านี้

คำขอของลูกสาวคงทำให้ผู้เป็นแม่ต้องยอมปล่อยให้ลูกออกไปใช้ชีวิต แม่ไม่ได้ห้ามปราม ไม่ได้หลั่งน้ำตาให้การตัดสินใจของเธอ เพราะรู้ดีว่าถึงห้ามไปคงรั้งลูกคนนี้ไว้ไม่ได้ และนั่นจึงทำให้โลกใบน้อยของนาตาชาขยายใหญ่ ใหญ่ขนาดกลืนกินจิตวิญญาณของเด็กสาววัยรุ่นไปเสียหมด หลงเหลือไว้เพียงถ้อยคำที่วิ่งวนไปมาในหัวว่า เธอจะต้องรอด

“ครอบครัวของพี่จี้ไม่มีเงิน เขาไม่มีกำลังพอจะซื้อของอะไรให้เรามาสะสม ฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ดีคือฝัน

“เราไม่มีสิ่งของที่เราสามารถเก็บ พ่อแม่เราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดซื้อของขวัญอะไรให้เราเก็บเป็นคอลเลกชั่น ดังนั้นเราเลยเก็บความฝันไว้ในใจมาโดยตลอด”

นอกจากฝันที่อยากจะมีของสะสมเอาไว้ครอบครองแล้ว อีกหนึ่งฝันที่เด็กหญิงนาตาชาเก็บเอาไว้ และนำมาขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตคือความฝันที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศที่อัดแน่นไปด้วยโอกาส

“ตอนที่พี่จี้บอกกับแม่ว่าจะออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ตอนนั้นเรามีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง ก็กำเงินตรงนั้นไปสถานีขนส่ง บอกกับคนขายตั๋วว่าไปเมืองไหนก็ได้ที่เป็นเมืองใหญ่ เขาก็ฉีกตั๋วให้เลย ไปพิษณุโลก” เธอฉีกยิ้มกว้าง

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique ทันทีที่เท้าแตะพิษณุโลก สิ่งแรกที่นาตาชาทำคือตระเวณหางานตามร้านอาหาร โชคดีที่เธอไม่ต้องไปไหนไกล หลังจากลงรถ เธอเดินมุ่งหน้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่งใน บขส. เอ่ยปากถามอย่างใสซื่อว่าที่นี่รับสมัครพนักงานไหม และนั่นทำให้เธอได้งานทำพอต่อลมหายใจได้อีกเฮือกหนึ่ง

“แต่ความฝันของพี่จี้คือการเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ นะ มันเป็นความฝันที่ใหญ่ แล้วเราอยากจะเรียนเอกชนที่ดีที่สุด ถ้าไม่ดีเราจะไม่เรียน แต่เงินจากการทำงานมันไม่พอ พี่จี้ก็เลยเดินทางไปทำงานที่เชียงใหม่ แล้วเก็บเงินกลับมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ

“พี่จี้ไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ มาเหยียบครั้งแรกตอนอายุ 17 เกือบ 18 ปี มันต้องใช้ความกล้าแหละ อย่างว่าเราไม่มีทางเลือกในการใช้ชีวิตเท่าไหร่”

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

โลกของเธอจึงมีแค่เธอและเธอเป็นที่พึ่งให้แก่กัน ไม่มีเพื่อน ห่างเหินจากครอบครัว แต่เธอไม่ได้คิดว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่าจะมีชีวิตรอดด้วยน้ำมือตัวเอง ฉะนั้นเธอจะต้องรอดต่อไปให้ได้

นาตาชาเรียน ปวช. ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับทำงานเก็บเงินไปด้วย เงินที่เธอเก็บค่อย ๆ งอกเงยจนสามารถนำไปเรียนต่อต่างประเทศได้ เธอไม่ลังเลที่จะติดต่อเอเจนซี่ เก็บกระเป๋า เดินทางไปยังออสเตรเลีย ดินแดนแห่งโอกาสที่ใครต่อใครต่างอยากจะคว้าเอาไว้

นาตาชาคว้าโอกาสครั้งใหญ่เอาไว้ได้สำเร็จ เธอเดินทางมาต่างประเทศคนเดียว และเริ่มมองเห็นโอกาสต่าง ๆ มากมาย เริ่มมองเห็นความสวยงามของโลกนี้ เริ่มเห็นแล้วว่าโลกใบนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ เธอลองเดินทางไปอีกหลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเยอรมนี อิตาลี จนสุดุดตาเข้ากับร้านชุดแต่งงานวินเทจร้านหนึ่ง เธอเดินเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของร้านราวกับต้องมนต์สะกด และพบว่าเธอคงโดนความวินเทจตกเข้าเสียแล้ว

“พี่จี้เจอร้านชุดแต่งงานวินเทจร้านนึง แล้วมีชุดนึงสวยมาก ๆ เจ้าของเขาขายเองด้วยนะ แล้วเขาก็เล่าสตอรี่เกี่ยวกับชุดนั้นให้ฟัง เรารู้สึกว่า โอ้โห ชุดนี้มีความหมายมากเลย เพราะกว่าจะได้มาหนึ่งชึด มันต้องผ่านเรื่องราวต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย เราก็เลยสะสมชุดแต่งงานมาเรื่อย ๆ”

“ชุดแรกจำได้เลยว่า จับมาแล้วเปื่อยเลยนะ เป็นงานปี 1940 ด้วยความที่มีอายุเยอะมาก อีกอย่างผ้าซาตินเป็นผ้าที่มีลักษณะไม่คงทน ปัจจุบันพี่จี้ไม่สามารถแตะต้องอะไรได้เลย เก็บเอาไว้ในกล่อง จับนะ แต่จับเบา ๆ กลัว”

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique ชุดแต่งงานวินเทจส่วนใหญ่ที่นาตาชาเลือกเก็บสะสมมีตั้งแต่ปี 1930 – 1950 แม้จะมีคนสะสมไม่เยอะมาก ประเทศไทยก็ไม่ได้นิยมงานในช่วงเวลานั้น แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเปลี่ยนความชอบตามกระแส เธอแค่สะสมเพราะตกหลุมรักความงามในยุคสมัยเหล่านั้น ก็เท่านั้น

นาตาชาสะสมมาเรื่อย ๆ จนพบว่า เธออยากจะมีพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาพูดคุยถึงความงามของชุดแต่งงานวินเทจ เธออยากถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องหลังชุดเหล่านี้ให้ทุกคนรู้ จึงเป็นที่มาของการเปิดสตูดิโอ Gee Gee Bridal Boutique ขึ้นมาในปี 2010

“พี่จี้ไม่มีคนให้คำปรึกษาเรื่องธุรกิจเลยนะ เราโตมาคนเดียว เก็บเงินคนเดียว อยากได้อะไรก็ต้องทำเองทั้งหมด เราไม่มีสิทธิไปขอใคร แต่ก็ดีนะ มันทำให้เราโตเร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมากเลย แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการไม่มีเพื่อน

“พี่จี้ไม่มีเพื่อนนะ มีเพื่อนมัธยมต้นมากกว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพี่จี้ เพื่อนตอน ม.ต้น เป็นอะไรที่ทรงคุณค่าต่อชีวิตเรามากเลย ปัจจุบันพี่จี้ก็ยังเจอเพื่อนกลุ่มนี้อยู่ พี่จะพูดกับเพื่อนเสมอว่าเพื่อนน่ะ you make me become better person เพื่อนทำให้เราเป็นคนดี เราไม่กล้าเป็นคนไม่ดีเพราะว่าเพื่อนเราเป็นคนดี เราไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ แล้วเพื่อนมัธยมพี่จี้เป็นเพื่อนที่ดีมาก เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเท่าที่พี่จี้ได้สัมผัสมาเลย”

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

ส่วนความยากในการเริ่มธุรกิจของคนที่ไม่เคยศึกษาหรือได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาก่อน นาตาชาบอกว่าสิ่งที่ยากไม่ใช่การเริ่มต้นทำ แต่สิ่งที่ยากคือการเผชิญกับคำพูดของคนมากกว่า

“ใคร ๆ ก็พูดวินเทจคนไทยไม่ใส่อยู่แล้ว เพื่อนบอกไม่มีใครใส่หรอกบ้ามันเป็นงานโบราณ เราบอกว่าไม่จริง มันต้องมี มันต้องมีคนชอบเหมือนเรา แต่มันไม่มีตัวเลือกมากกว่า

“ซึ่งการเปิดวินเทจ พี่ว่าจริง ๆ ไม่ยากนะ ถ้าเกิดลูกค้าเขาชอบงานของเรา ธุรกิจมันก็รันต่อไปได้ ลูกค้าจะเข้ามาที่ร้านพี่จี้ก็ต่อเมื่อเขาชอบงานสไตล์ร้านพี่จี้ เพราะว่าร้านของพี่จี้ยูนิคมากเลย พี่จี้ไม่ทำอย่างอื่น ถ้าเกิดคุณชอบ Conservative อนุรักษ์นิยม คุณชอบงานสุภาพ คุณงานสไตล์เขาโบสถ์ คุณชอบงานที่มันแบบยูนิคไม่เหมือนใคร แล้วคุณชอบงานวินเทจแท้เนี่ย เขาก็จะเข้ามาที่ร้านพี่จี้ แต่ถ้าเกิดคุณชอบงานโมเดิร์นอะไรอย่างนี้ คุณไม่ต้องมาหรอกพี่จี้มีไม่เยอะ แล้วร้านพี่จี้คัดกรองลูกค้าก่อนเข้ามาเลย ฉะนั้นสถิติในการซื้อแพ็กเกจหรืออะไรจะค่อนข้างสูง”

“เรารู้สึกว่ามันเป็นฝันของเรา ใครก็ห้ามเราไม่ได้นะ เราอยากทำเราก็ทำเลย ต่อให้มันจะเจ๊งอย่างน้อยเราได้ทำ ไม่ได้รู้สึกว่า เฮ้ย เราทำห้องเสื้อวินเทจเราจะร่ำจะรวย จะต้องได้เงิน เราไม่ได้คิดจำนวนเงิน เราคิดจำนวนว่า เฮ้ย นี่มันเป็นฝันของเรานะ แล้วเราก็มีความสุขที่เราจะได้ทำ

“แต่เผอิญมันประสบความสำเร็จเท่านั้นเอง เผอิญก็มีคนชอบความฝันของเรา แล้วเห็นว่าความฝันของเราสำคัญกับเขาเหมือนกัน มันก็เลยเป็นธุรกิจต่อเนื่องเปิดมา 10 กว่าปี”

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique ส่วนขั้นตอนการเข้ารับบริการร้านพี่จี้ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่นัดตารางมาก่อน เลือกวันที่สะดวก ส่งแบบชุดแต่งงานที่ต้องการ จากนั้นนาตาชาจะให้คำแนะนำด้วยตัวเองต่อทั้งหมด

“พี่จี้จะเป็นไกด์ไลน์ในการเตรียมชุดให้ลูกค้า คุณสูงเท่าไหร่ รูปร่างประมาณไหน อะไรที่ลูกค้าชอบเรารู้เลยว่าอันนี้คุณใส่ไม่ได้หรอก แต่เราจะไม่ดับฝันของเขา เดี๋ยวเราจะมาอธิบายเขาตอนที่เขาลองชุด ฉะนั้นคุณฝันอะไรก็ได้ แต่เวลาคุณใส่จริงมันไม่เหมือนกัน

“ส่วนมากเจ้าสาวเนี่ยก็จะเป็นความฝันของเขาว่าอยากจะใส่ชุดสไตล์ใกล้เคียงคุณแม่ เพราะว่าสมัยก่อนบางคนอาจจะไม่ได้เก็บชุดอย่างดี เพราะว่าจริง ๆ ชุดแต่งงานวินเทจดูแลรักษายาก ดังนั้นคุณจะต้องดูแลรักษาอย่างดี มันถึงจะคงสภาพมาอยู่ถึงปัจจุบัน

“พี่จี้มีสตอรี่เรื่องนึงเกี่ยวกับเจ้าสาวพี่จี้ มีเจ้าสาวเขาเอาชุดของเขามา แล้วก็เป็นชุดของคุณยายเขาตอนที่เขาแต่ง รู้สึกมันจะเป็นปี 1950 เขาก็มาพูดว่าเป็นความฝันของหนูนะ หนูอยากใส่ชุดของคุณยาย แต่มันสามารถซ่อมอะไรได้ไหม พี่จี้จำได้นะพี่จี้มีลูกไม้รุ่นเดียวกับชุดของคุณยาย เราก็ฝันว่าเราน่าจะเจอสักวันเราจะเจอ Body ตัวนี้ แล้วก็จะเอาลูกไม้ของเราใส่เข้าไปมันก็จะสมบูรณ์"

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique “จริง ๆ ก็แอบเสียดายแต่ก็สมบัติผลัดกันชม เพราะว่าถ้าอยู่กับเขามันน่าจะมีความสุขมากกว่าอยู่กับเรา พี่จี้ก็เลยตัดสินใจเลาะลูกไม้ของชุดของพี่จี้ใส่ในชุดของเขา เรารู้สึกว่า ความสุขของเขานี่เราเป็นผู้ให้เราสุขกว่านะ รู้สึกว่าก็เติมเต็มความรู้สึกของเรา ความฝันของเราด้วย เราฝันว่า วันนึงอาจจะมีคนได้ใส่ชุดนี้”

แต่ใช่ว่าเจ้าสาวทุกคนจะสวนใส่ชุดจากร้านเธอได้ เพราะนาตาชาเชื่อว่าแต่ละชุดย่อมมีเจ้าของที่เหมาะสมรออยู่ก่อนแล้ว

“พี่จี้มีงานตั้งแต่ปี 1930 จนถึงปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับเจ้าสาวอยากได้ปีไหน แต่ก็บุญมีแต่กรรมบังมีตังค์ก็เช่าไม่ได้นะ คุณจะต้องได้ไซซ์ด้วย ส่วนเรื่องการปรับไซซ์พี่จี้ปรับไซซ์ให้เล็กน้อย แต่ถ้าเกิดปรับมากอย่างนี้พี่จี้ไม่ได้ทำให้ เพราะว่าถ้าเกิดจะต้องแบบเลาะชุดให้มันชุดมันเสียหายพี่จี้ก็ไม่ทำ ก็จะให้เจ้าสาวเลือกชุดอื่นมากกว่า”

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าคงมีหลายคนอยากรู้ราคาชุดแต่งงาน นาตาชาบอกว่าร้านของเธอมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5,500 บาท สูงสุดจะอยู่ที่ 18,500 บาท

“พี่จี้ขายแค่ 2 แพ็กเอง แล้วก็ไม่ขายเยอะกว่านี้ด้วย แล้วพี่จี้ก็ไม่รับถ่ายรูปไม่ทำอะไรด้วย พี่จี้ก็เป็นแพ็กแรกก็ 22,500 ชุดแต่งงาน 1 ชุด เจ้าสาวสามารถเลือกได้ทุกชุดในร้าน แล้วก็สูทตัดรับกลับพร้อมการันตี 1 ปีจบ แล้วก็แพ็กที่ 2 ก็ 25,500 บาท ชุดเจ้าสาว 2 ชุดคุณสามารถเลือกชุดไหนก็ได้ในร้าน แล้วก็สูทเจ้าบ่าวตัดรับกลับพร้อมการันตี 1 ปี แค่นี้เอง ขายแค่นี้ เอาแค่นี้พอแล้ว”

คำว่าแค่นี้ที่เธอบอกกับเรา ราวกับย้ำว่าเธอไม่ได้ทำธุรกิจนี้ขึ้นมาเพราะหวังมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ในทางกลับกันเธอทำเพราะอยากจะเติมเต็มความฝันของคู่บ่าวสาวทุกคนให้มีความสุขที่สุดในวันพิเศษของพวกเขา

“พี่จี้ให้ความสำคัญกับความเป็นเจ้าบ่าวด้วยนะ พี่จี้ถึงตัดสูทแล้วก็ให้กลับ พี่จี้จะไม่มีสูทเช่าเพราะว่าพี่จี้สังเกตเวลาไปงานแต่ง ทุกคนจะให้ความสำคัญกับความเป็นเจ้าสาว ชุดสวยอลังการงานสร้าง คุณลืมเจ้าบ่าวหรือเปล่า บางคนใส่เสื้อสูทอีกแค่นิดเดียว ทำไมเลือกแบบนี้ให้เขา ทำไมมันไม่พอดี

“พี่จี้ก็เลย โอเค ตัดสูทให้ดีกว่ามีฟิตติงด้วยเวลาคุณเลือกพี่จี้ก็จะมีเฉดสี คุณก็จะมาลองสีก่อนลองแบบลองสไตล์ พี่จี้ก็จะไกด์ไลน์งานให้เขา

“แล้วก็ให้เจ้าบ่าวกลับไปทำการบ้าน ทำการบ้านเสร็จแล้วกลับมาเขาจะพี่จี้ผมชอบประมาณนี้ แล้วพี่จี้ก็ไกด์ไลน์งานมา แล้วก็เลือกแบบเลือกสีแล้วก็วัดตัวฟิตติง ของที่ร้านพี่จี้ฟิตติงแค่ 2 ครั้งนะ มากกว่านั้นน่ะพี่จี้จะตัดใหม่ให้เจ้าบ่าวเลย เพราะว่าแพทเทิร์นเพี้ยนตัดใหม่เลยดีกว่า ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเรา อันนี้คือในส่วนความรับผิดชอบ ถือว่าเราทำแพทเทิร์นได้ไม่ดีพอ ฉะนั้นตัดใหม่ง่ายกว่าไม่รื้อไม่ทำอะไร แล้วก็เป็นอนุสรณ์แขวนไว้ว่าเนี่ยทำงานพลาด (หัวเราะ)”

ขณะกำลังพูดคุย ‘ประภาศรี’ เจ้าของร้านคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างนาตาชามาโดยตลอดก็เข้ามาคลอเคลียเธอไม่ห่าง บทสนทนาของเราและเธอจึงเปลี่ยนเล็กน้อย หญิงตรงหน้าบอกกับเราอย่างอ่อนใจว่า เธอกลัวว่าวันหนึ่ง เธอจะจากแมวที่เธอรักมากที่สุดไปก่อน หากถึงวันนั้น เธอคงเสียใจไม่น้อย นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

“สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในชีวิตเลยหากเราจะตาย มันอาจจะเป็นเรื่องตลกหน่อยนะ น่าจะเป็นห่วงแมว เพราะว่าพี่จี้อยากเป็นคนทำศพให้เขาเองมากกว่า เพราะว่าเป็นห่วงเขาเป็นห่วง ถ้าเกิดตู้มต้ามเราเสียชีวิตแล้วเราเป็นห่วงเขา สู้ว่าให้เราทำเขาเป็นในวันสุดท้ายของเขา แล้วมั่นใจว่า เออ อย่างน้อยเขาไปโดยที่เรายังอยู่ แล้วเกิดพี่จี้จะจากไปจากโลกนี้ ก็จะไม่เสียดายเลย ถ้าเกิดจะเสียดายคือเราไม่ได้ทำให้เขามากกว่า”

“ยอมให้เขาตายก่อนเราดีกว่า แต่นี่ก็ 6 ขวบแล้วนะ ตายยากอยู่นะ ประภาศรีตายยากอยู่แล้วเนอะ” เธอพูดทีเล่นทีจริงกับประภาศรี ก่อนจะหันกลับมาพูดอย่างจริงจังอีกครั้งว่า เธอไม่ได้นับถือศาสนาอะไร ถ้าวันหนึ่งเสียชีวิตขึ้นมา ร่างกายของเธอได้บริจาคให้กับโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย

“ถ้าพี่จี้เสียชีวิต พี่จี้ได้บริจาคร่างกายไปแล้ว ไม่ต้องสวดนะ พี่จี้ไม่ได้ชอบเสียงสวดมนต์ ฉะนั้นใส่เตาเผาไปเลย ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องร้องไห้ เพราะว่าพี่จี้รู้สึกว่าชีวิตพี่จี้ พี่จี้มีความสุขทุกช่วงชีวิต ถ้าพี่จี้ไป ถ้าคิดถึงกันก็มองไปที่ดวงดาวจบ ฉันมีความสุขแน่นอน ชีวิตฉันฉันมองหันหลังกลับไป ไม่รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้อยากทำอะไร เพราะพี่จี้อยากทำอะไรพี่จี้ทำเลย ชีวิตคนเรามันสั้น สั้นมากจริง ๆ”

นาตาชา ราชิวงษ์ : นักสะสมผู้ใช้เวลากว่าทศวรรษ ชุบชีวิตชุดแต่งงานวินเทจในไทย ผ่านห้องเสื้อ Gee Gee Bridal Boutique

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : กัลยารัตน์ วิชาชัย