หนังสือวิมานหนาม: บันทึกชีวิตที่ถูกบีบให้สู้ และหัวใจที่ถูกบีบให้สลาย

หนังสือวิมานหนาม: บันทึกชีวิตที่ถูกบีบให้สู้ และหัวใจที่ถูกบีบให้สลาย

หนังสือวิมานหนามที่ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ ‘วิมานหนาม’ ที่พาเราไปดูเบื้องหลังความคิดผ่านตัวอักษรกับเรื่องราววุ่น ๆ ในสวนทุเรียนที่เป็นวิมานของชาวสวนสองคน

KEY

POINTS

ปี 2567 วิมานหนามเป็นชื่อของภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ GDH ที่ว่าด้วยเรื่องความรักของคู่รักชาวสวนทุเรียนก่อนที่ประเทศไทยของเราจะมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม

และปี 2568 ชื่อของวิมานหนามกลับมาอีกครั้งใน ‘รูปแบบหนังสือ’ ที่นำภาพยนตร์มาดัดแปลงเป็นนวนิยาย 

ภาพรวมของเส้นเรื่องยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่น่าประทับใจ คือ วิมานหนามในเวิร์ชันหนังสือกลับพาเราไปสำรวจความคิดทุกอย่าง ทุกเหตุผลที่ถูกซ่อนไว้ และรอยร้าวที่อยู่ในใจผ่านเสียงและบทบันทึกที่เราขอเรียกมันว่า ไดอารี

แล้วในหน้ากระดาษเหล่านั้นเองที่ทำให้เราค้นพบว่า ภายใต้หนามทุเรียนที่แหลมคม มีความเจ็บปวดที่กรีดลึกกว่าที่ตาเห็น

หนังสือวิมานหนาม: บันทึกชีวิตที่ถูกบีบให้สู้ และหัวใจที่ถูกบีบให้สลาย

ไดอารีของ ‘ทองคำ’

ทองคำกับเสก เจอกันครั้งแรกในวันที่พวกเขาทั้งสองคนเป็นลูกจ้างในร้านขายทุเรียน แม้แรก ๆ ทองคำออกจะเหม็นหน้าผู้ชายคนนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสกเป็นคนเก่งและขยัน 

การได้คุยกับเสก ทำให้ทองคำอยากเป็นคนเก่งและขยันเหมือนเขา ทั้งสองคนเลยตัดสินใจลาออกจากงานมาทำสวนทุเรียนของตัวเอง 

เสกเป็นคนลงมือทำ ส่วนทองคำก็เลือกขายบ้านเอาเงินมาลงทุน

“กูอยากมีสวน กูอยากสบาย ไม่สบายวันนี้ ก็ต้องเป็นวันหน้าสักวัน และวันหน้าสำหรับกูมันมีมึงอยู่ด้วยเสมอ กูถึงชวนมึงมาทำสวนทุเรียนด้วยกัน

พอเป็นแบบนั้น ความรักของเสกกับทองคำก็ค่อย ๆ เบ่งบานเช่นเดียวกับดอกทุเรียน ทั้งสองคนอยู่กันแบบไม่มีชื่อเรียก ไม่จดทะเบียนสมรส ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสัญญาใจเท่านั้น

รักที่หอมหวานกำลังไปด้วยดี กระทั่งวันที่เสกจากไป ทองคำเป็นได้แค่คนที่เซ็นรับรองการรักษาให้คนรักไม่ได้ เพราะตามกฎหมาย ทองคำไม่ใช่ภรรยาและไม่มีความเกี่ยวข้องกับเสกทางกฎหมาย

“กูอยากเซ็นจะตายห่า แต่กูเซ็นไม่ได้ แค่จะเขียนเป็นสถานะว่าเป็นภรรยามึง กูยังทำไม่ได้เลย กูพยายามบอกหมอแล้ว… ถกกางเกงให้ดูว่ามึงเพิ่งเอากูก็แล้ว ไม่มีใครฟัง ทุกคนตรงนั้นบอกว่า กูทำได้แค่รอ

“รอให้ครอบครัวมึงมาเซ็น กูไม่โทษแม่มึงหรอกนะที่มาไม่ทัน แล้วกูโทษใครเหรอ”

ที่ดินที่เคยเป็นชื่อพ่อก็กำลังจะตกเป็นของแม่เสก บ้านที่เคยมีกันแค่สองคน กลายเป็นบ้านที่มีสามคน รวมแม่และน้องสาวของคนที่เขารักร่วมด้วย

เราเชื่อว่า ทั้งหมดที่ทองคำทำ ทั้งบวชลูกแก้วให้แม่รักและยอมสู้กับชั้นศาลเพื่อให้ที่ดินเป็นของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ ยอมเป็นคนโง่ให้เสกหลอกเพื่อสร้างตัว เป็นเพราะว่า ทองคำแค่อยากมีชีวิตที่ดี อยากมีความรักที่ดีเหมือนกับคนอื่น

“สิ่งที่วิ่งวนอยู่ในหัวกูก็ยังไม่เคยมีคำว่าพอ กูยังจะไปต่อ ถ้ากฎหมายห่าเหวนี่มันไม่ช่วยอะไรกู กูก็จะเล่นด้วยวิธีของกูเอง”

วิธีนั้น คือ การมอบความรักปลอม ๆ ให้จิ๋งนะ น้องสาวของโหม๋ คนที่ประหยัดคำพูด แต่แสดงความรักผ่านทุกการกระทำ แต่ทองคำกับรักจิ๋งนะจริง ๆ รักจนจินตนาการไปจนถึงวันที่เรื่องราวจบลง และมีแค่เขากับจิ๋งนะมีความสุขในสวนทุเรียนแห่งใหม่ด้วยกัน

แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น ศึกการชิงที่ดินมันไม่จบไม่สิ้น และเขาก็ต้องเสียจิ๋งนะไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงใจของทองคำแตกสลายอีกครั้ง แต่อย่างน้อยเขาก็มีหลักฐานและความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนว่า ครั้งหนึ่ง เขาเคยมีความรักที่งดงาม แม้โลกจะไม่ยอมรับก็ตาม

ไดอารีของ ‘โหม๋’

“คนอย่างฉัน จะมีวาสนาได้สุขสบายกับเขาบ้างไหมนะ”

โหม๋เป็นชาวไทใหญ่ที่ย้ายเข้ามาในประเทศเพื่อชีวิตที่สบายและหลุดพ้นจากความยากจน ก่อนที่ครอบครัวจะยกโหม๋ให้กับ ‘ป๋าแสง’ แม่ของเสก

ที่บ้านหลังนั้น โหม๋เป็นทั้งเพื่อนป้าแสง ผู้ดูแลของแม่ที่ดูแลตัวเองไม่ได้มากนัก และเมียคนแรกของเสก เธอถูกเสกบอกรักด้วยดอกกะหล่ำปลีที่ถูกพับเป็นดอกกุหลาบให้ 

สำหรับโหม๋ในเวอร์ชันหนังสือ เราเห็นความคิดของโหม๋ในทุกการกระทำที่โหม๋เวอร์ชันภาพยนตร์ตัดสินใจทำลงไป เพราะเธอเป็นคนที่ถูกสังคมมองข้าม เป็นเดอะแบกของบ้าน ไม่มีเพื่อน และเป็นเมียเก็บที่ไม่มีใครรู้

เธอเป็นผู้ถูกกระทำ เป็นเหยื่อของบ้านที่ชายเป็นใหญ่ ทั้งตัวเสกเองและแม่ผัวที่มีลูกชายเป็นกล่องดวงใจและรักมากกว่าใคร ๆ 

“พี่รักโหม๋นะ แค่นั้น… แค่รัก แค่คำสั้น ๆ ที่พี่ไม่เคยพูด แต่ก็มาพูดเอาเดี่ยวนั้น และไอ้คำนั้นละที่ผูกขาใส่แอกฉันไว้กับแม่สะเรียง กับดอกกะหล่ำ และกับผัวที่ไม่เคยพูดถึงฉันด้วยสถานะเมีย” โหม๋พูดถึงเสกในวันที่เธอกำลังขอเขาย้ายไปทำงานโรงงานในกรุงเทพฯ 

หัวใจของโหม๋ถูกตีให้แตกด้วยวันที่เขารู้ว่า เสกได้ตายไปแล้ว ภาพฝันที่เสกเคยเอามาวางไว้ตรงหน้าก็หายไปกับตา เธอจึงทำอะไรไม่ได้ นอกจาก สู้เพื่อตัวเองและ ‘จิ๋งนะ’ ครอบครัวเพียงคนเดียว 

จิ๋งนะสอนให้โหม๋รู้จักคำว่าครอบครัว เรียนรู้ที่จะรักใครสักคน ขณะที่การต่อสู้แย่งชิงที่ดินทวีความรุนแรง น้องชายไปย้ายไปอยู่ฝั่งศัตรู แต่เธอก็ยังรักจิ๋งนะมาก ๆ เหมือนเดิม

“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวของฉันคือบ้านหลังไหน จนวันที่แม่คลอดไอ้จิ๋งนะนั่นแหละ… การได้เห็นมันนั่งจ๋องรอกลับบ้านด้วยกันนั่นละที่ทำให้ฉันรู้ว่า ฉันมีตัวตนและเป็นที่รักของใครสักคน”

ถึงจะจริงที่เสกมาบอกเลิก และรู้ว่าตัวเองแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แต่โหม๋ก็ยังไม่ยอมรับความจริง ไม่ลดละความพยายาม เพียงเพราะอยากเป็นคนที่ถูกรักบ้าง

โหม๋เลือกไปแต่งงานกับข้าราชการ ปล่อยให้น้องไปอยู่กับทองคำ และเพื่อให้โหม๋ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ แต่เป็นคุณนายโหม๋ตามภาพฝันที่ผู้หญิงคนนี้เคยวาดฝันไว้

“ที่ดิน บ้าน ผัว คนไร้วาสนาอย่างฉันกลายเป็นได้ทั้งหมดนั้นมาโดยไม่ต้องเลือก จากอีโหม๋ที่ไม่มีใครูจักกลายเป็นคุณนายสวนทุเรียนที่มีผัวเป็นข้าราชการ”

โหม๋ใช้ชีวิตด้วยความแค้นและความหวังที่อยากจะมีชีวิตที่ดี อยากจะสบาย ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง และสำหรับผู้หญิงอย่างโหม๋ การมีชีวิตที่ดีไม่ใช่รางวัล แต่มันคือสงครามและเป็นเรื่องที่เธอต้องไม้แพ้ 

หนังสือวิมานหนาม: บันทึกชีวิตที่ถูกบีบให้สู้ และหัวใจที่ถูกบีบให้สลาย

ไดอารีของ ‘เรา’

การเล่าเรื่องผ่านความคิดของโหม๋และทองคำสลับกันไปมาตลอด 257 หน้าของ ‘หนังสือวิมานหนาม’ ทำให้เรารู้ว่า ศึกชิงที่ดินจะไม่เกิดขึ้นเลย หากประเทศนี้โอบรับชีวิตทุกคน

คนที่อยากจะมีชีวิตที่ดี อยากเป็นคนที่ถูกรัก และเฝ้าฝันที่อยากจะมีความรักที่ดีเหมือนคนอื่นเขาอย่างไร้เงื่อนไข

อ่านผ่าน ๆ อาจคิดว่า หนังสือวิมานหนามเป็นเพียงคำพูดจากอดีตคนรักของเสกถึงคนที่จากไป แต่ถ้าจะมองไปให้ลึกกว่านั้น บทบันทึกของโหม๋และทองคำ คือ เสียงของชีวิตที่ถูกกฎหมายและโครงสร้างสังคมบีบให้ต้องเลือกระหว่าง ‘การมีชีวิตอยู่’ กับ ‘การได้รักใครสักคน’ แลกกับชีวิต ความรัก และศักดิ์ศรีเพื่อให้พวกเขามีตัวตน 

เมื่อทางเลือกถูกทำให้แคบลง ความรักจึงกลายเป็นภาระ ความหวังกลายเป็นหนี้  และการเอาตัวรอดกลายเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันหาย

และตราบใดที่ประเทศนี้ ยังไม่โอบรับชีวิตทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม  ไดอารีเล่มนี้จะไม่ใช่เล่มสุดท้ายที่ถูกเขียนขึ้นจากความเจ็บปวดของใครบางคน