15 ธ.ค. 2568 | 16:51 น.

KEY
POINTS
จบลงอย่างงดงามกับคอนเสิร์ต TWICE <THIS IS FOR> WORLD TOUR IN BANGKOK ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13–14 ธันวาคม 2025
ตลอดความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ไอดอลสาวจากเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ได้แก่ นายอน, จองยอน, โมโมะ, ซานะ, จีฮโย, มินะ, ดาฮยอน และจื่อวี (ส่วน แชยอง ไม่ได้มาด้วยเพราะพักรักษาตัว) ทุ่มเทพลังทั้งหมดลงบนเวที ทั้งการร้อง การเต้น และการสร้างอารมณ์ร่วม พวกเธอถ่ายทอดความรู้สึกที่สั่งสมมาตลอดทศวรรษ ส่งตรงถึงแฟนคลับที่เรียกว่า ONCE อย่างสุดหัวใจ
ในวินาทีสุดท้ายของการแสดง สมาชิกทั้งแปดยืนโบกมืออำลาจากใจกลางเวทีที่ถูกโอบล้อมด้วยมหาสมุทรแห่งความรัก ก่อนที่จอขนาดใหญ่ตรงกลางเวทีจะค่อยๆ เลื่อนลง กลายเป็นภาพปิดฉากที่ยากจะลืมเลือน
TWICE <THIS IS FOR> WORLD TOUR IN BANGKOK ไม่ได้เป็นเพียงคอนเสิร์ตสุดท้ายของวงในปี 2025 เท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศอย่างชัดเจนว่า ทศวรรษแรกของ TWICE ผ่านพ้นไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ แม้เส้นทางสายนี้จะไม่เคยเรียบง่าย แถมเต็มไปด้วยอุปสรรคและบททดสอบอันหนักหน่วง แต่ความรู้สึกทั้งหมดในค่ำคืนนี้ถักทอขึ้นจากทั้งรอยยิ้ม น้ำตา และความเจ็บปวด ได้อย่างน่าประทับใจ
เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่า วงที่เคยถูกปรามาส วงที่เริ่มต้นอย่างทุลักทุเล และต้องพิสูจน์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า จะก้าวขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการได้เช่นนี้
บทแรกอย่างไม่เป็นทางการของ TWICE เริ่มต้นขึ้นในปี 2015 จากรายการเรียลลิตี้โชว์ Sixteen ของค่าย JYP Entertainment ซึ่งมีเป้าหมายในการคัดเลือกเด็กฝึกหญิงจำนวน 7 คน จากทั้งหมด 16 คน เพื่อเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ของค่าย
ในช่วงแรก รายการวางคอนเซ็ปต์ไว้ชัดเจนว่าต้องการผู้ผ่านเข้ารอบเพียง 7 คนเท่านั้นที่จะได้เดบิวต์เป็นไอดอลวงใหม่ โดยผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้ายประกอบด้วย นายอน เจ้าของฟันกระต่ายอันเป็นเอกลักษณ์และเสียงร้องสดใส, จองยอน สาวเท่เสียงหวาน, ซานะ ผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าเย้ายวน, จีฮโย เจ้าของพลังเสียงอันแข็งแกร่ง, มินะ แม่หญิงผู้สง่างาม, ดาฮยอน ผู้มีความตลกเป็นธรรมชาติ และแชยอง แร็ปเปอร์สาวมากความสามารถ
อย่างไรก็ตาม เมื่อรายการดำเนินไป เสน่ห์และศักยภาพของเด็กฝึกแต่ละคนก็ยิ่งปรากฏชัด พัคจินยอง (Park Jin-young) ผู้ก่อตั้งค่าย JYP Entertainment มองเห็นว่าหากเพิ่มจำนวนสมาชิกเป็น 9 คน น่าจะช่วยสร้างความสมดุลและความสมบูรณ์ให้กับวงมากกว่าคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ตั้งแต่ต้น
การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ โมโมะ สาวนักเต้นพลังสูงจากโอซาก้า และจื่อวี นางฟ้าตัวน้อย ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของวง แม้ในช่วงแรกจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อกังขาต่อการตัดสินใจของ JYP ไม่น้อย แต่กาลเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นี่คือหนึ่งในการตัดสินใจที่เฉียบคมที่สุด เมื่อเกิร์ลกรุ๊ป 9 สาว 3 สัญชาติ (เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน) ไม่เพียงก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินเบอร์หนึ่งของค่าย JYP เท่านั้น แต่ยังสร้างตำนานและหมุดหมายสำคัญให้กับประวัติศาสตร์ K-POP
สำหรับความหมายของชื่อวง TWICE ไม่ได้แค่แปลตรงตัวว่า ‘2 ครั้ง’ แต่ซ่อนความหมายที่ลึกซึ้งเอาไว้ หมายถึงความตั้งใจจะมอบความประทับใจให้แฟนๆ 2 ครั้ง
ครั้งแรกผ่านเสียงเพลงที่ได้ยิน และอีกครั้งผ่านภาพการแสดงที่ได้เห็นบนเวที
แนวคิดเดียวกันนี้ต่อยอดมาสู่ชื่อแฟนคลับอย่าง ONCE ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึง “1 ครั้ง” เพียงอย่างเดียว แต่สื่อถึงคำสัญญาระหว่างศิลปินและแฟนเพลงว่า หากคุณมอบความรักให้พวกเราเพียงครั้งเดียว TWICE จะตอบแทนกลับด้วยความรักที่มากเป็น 2 เท่า
ไม่กี่เดือนหลังจบรายการ Sixteen เกิร์ลกรุ๊ป 9 สาว TWICE ก็ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ตุลาคม 2015 ด้วยซิงเกิลแรก Like OOH-AHH เพลงเร็วที่เต็มไปด้วยความสดใสและพลังงานเปี่ยมล้น ความสนุกติดหูของเพลงทำให้กระแสตอบรับเป็นไปในทิศทางที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนที่เพลงนี้จะกลายเป็นเพลงแรกของวงที่มียอดรับชมทะลุ 100 ล้านวิวบน YouTube
ในเวลา 3–4 ปีหลังเดบิวต์ TWICE เดินหน้าเติมเต็มคำสัญญาที่ให้ไว้กับ ONCE ด้วยการทำเพลงป็อปสดใสและน่ารักออกมาตีตลาดแทบไม่ขาดสาย เพลงดังๆ ยังประกอบด้วย Cheer Up, TT, Likey, What Is Love?, Heart Shaker, Dance the Night Away และ Yes or Yes ทุกเพลงล้วนมีท่วงทำนองติดหู เนื้อร้องเข้าถึงง่าย และสามารถทำยอดวิวทะลุ 100 ล้านได้ทั้งหมด กลายเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมของวงที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ TWICE น่าสนใจยิ่งกว่าความสำเร็จในช่วงแรก คือการเติบโตทางดนตรีที่ค่อยเป็นค่อยไป จากจุดเริ่มต้นในภาพลักษณ์สดใส สนุก และหวานๆ วงเริ่มขยับภาพลักษณ์สู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์มากขึ้น ผ่านเอ็มวีและบทเพลงอย่าง Fancy, Feel Special, The Feels, และ I CAN’T STOP ME เป็นต้น ที่ผสมผสานความเซ็กซี่ ความมั่นใจ และซาวด์ดนตรีที่ซับซ้อนขึ้นได้อย่างลงตัว
แนวเพลงของ TWICE เปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัยและประสบการณ์ของพวกเธอ ขณะเดียวกัน ONCE เองก็เติบโตไปพร้อมกัน ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนคลับจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่การติดตามผลงาน แต่กลายเป็นการเดินร่วมทาง ผ่านทุกบทเพลงและทุกช่วงเวลาของการเติบโตตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
จากที่เล่ามา เส้นทางของ TWICE อาจดูราบรื่นในสายตาของคนนอก ทว่าความสำเร็จในวงการบันเทิงไม่เคยได้มาโดยง่าย และตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา วงต้องเผชิญกับอุปสรรคหนักหน่วงหลายรูปแบบ บางช่วงรุนแรงจนแทบสั่นคลอนความมั่นคงของวง
หนึ่งในบททดสอบที่หลีกเลี่ยงได้ยากที่สุด คือการเผชิญหน้ากับกระแสแอนตี้แฟน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แทบทุกศิลปินระดับแถวหน้าต้องพบเจอ และ TWICE ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อชื่อเสียงและความนิยมพุ่งสูง กระแสด้านลบก็หลั่งไหลตามมา โดยเฉพาะบนสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Twitter ทั้งในระดับสากลและในประเทศไทย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเกิดขึ้นในช่วงปี 2016–2017 เมื่อเริ่มมีกลุ่มผู้ไม่ชื่นชอบใช้แฮชแท็ก #AntiTwice กล่าวโจมตีวงด้วยข้อความเชิงดูหมิ่น ตั้งคำถามต่อความสามารถของสมาชิก ไปจนถึงการตัดต่อภาพจงใจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นกระแสในวงกว้าง และสร้างแรงกดดันอย่างมากให้พวกเธอศิลปินซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น วัยกำลังเติบโต
เหตุผลของการโจมตีมีตั้งแต่ความรู้สึกว่า วงประสบความสำเร็จรวดเร็วเกินไป แนวเพลงสดใสที่ไม่ตรงกับรสนิยมของผู้ฟังบางกลุ่ม ไปจนถึงการหยิบประเด็นเรื่องทักษะการร้องสดหรือการเต้นที่ไม่เพอร์เฟ็คท์มากล่าวหาว่าร้าย แถมหลายครั้งเรื่องเล็กน้อยก็ถูกขยายจนกลายเป็นกระแสลบขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดายในโลกออนไลน์
สถานการณ์ในช่วงนั้นรุนแรงถึงขั้นที่ต้นสังกัดอย่าง JYP Entertainment ต้องออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ประกาศดำเนินคดีทางกฎหมายต่อผู้ที่เผยแพร่ข้อความคุกคามหรือสร้างความเสียหายต่อสมาชิก TWICE เพื่อปกป้องศิลปินของตน
แม้ช่วงหลายปีหลัง กระแสการแอนตี้จะค่อยๆ เบาลง แต่สำหรับศิลปินที่ต้องเติบโตท่ามกลางสายตาสาธารณะตั้งแต่อายุยังน้อย การเผชิญกับแรงกดดันเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ผลกระทบทางจิตใจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และกว่าที่พวกเธอจะยืนหยัดมาถึงจุดนี้ได้ ล้วนต้องอาศัยทั้งความเข้มแข็ง ความอดทน และการสนับสนุนจากคนรอบข้าง
แน่นอนว่า ปรากฏการณ์แอนตี้แฟนไม่ได้เกิดขึ้นกับ TWICE เพียงวงเดียว แต่เป็นด้านมืดที่มักมาพร้อมกับความโด่งดัง ยิ่งศิลปินได้รับความนิยมมากเท่าไร ก็ยิ่งมีทั้งผู้ที่รักและผู้ที่ไม่ชอบมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สิ่งเดียวที่ TWICE ทำได้ คือการโฟกัสกับการพัฒนาตัวเอง และพิสูจน์คุณค่าผ่านผลงานอย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่ TWICE เป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ประกอบด้วยสมาชิกจาก 3 ประเทศ คือเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ความหลากหลายนี้ในเชิงอุดมคติควรเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงและความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ในโลกความเป็นจริง สมาชิกบางคนกลับต้องเผชิญกับแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองระหว่างประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แม้ว่าพวกเธอจะไม่เคยตั้งใจเข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก
กรณีที่รุนแรงและเป็นที่จดจำมากที่สุด คือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ จื่อวี สมาชิกน้องเล็กสุดชาวไต้หวัน ช่วงต้นปี 2016 เธอถูกกระแสโจมตีอย่างหนักจากชาวเน็ตจีน หลังจากปรากฏภาพโบกธงชาติไต้หวันในรายการวาไรตี้ My Little Television ทางสถานีโทรทัศน์ MBC เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลาม นำไปสู่การเรียกร้องให้แบน TWICE และค่าย JYP Entertainment ในประเทศจีน ก่อนที่สถานการณ์จะจบลงด้วยการที่ จื่อวี ถูกกดดันให้ออกมาอัดวิดีโอแสดงคำขอโทษ และกล่าวยืนยันว่ามีแผ่นดินจีน มีเพียงจีนเดียวเท่านั้น (One China)
สำหรับเด็กสาววัยเพียง 16 ปีที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่กี่เดือน การต้องรับมือกับแรงกดดันระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นภาระที่หนักหน่วงเกินกว่าวัยและประสบการณ์จะรับไหว เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับจื่อวี แต่ยังกลายเป็นบทเรียนอันโหดร้ายถึงความเปราะบางของศิลปินในโลกบันเทิงระดับสากล
อ่านเรื่องราวนี้เพิ่มเติมได้ในบทความนี้ https://www.thepeople.co/read/26689
อีกกรณีที่สะท้อนความอ่อนไหวของบริบททางการเมือง คือเหตุการณ์ของ ซานะ สมาชิกชาวญี่ปุ่น ที่เคยโพสต์ข้อความแสดงความรู้สึกต่อการเปลี่ยนผ่านของประเทศญี่ปุ่นจากยุคเฮเซย์สู่ยุคเรวะ ข้อความดังกล่าวไม่ได้แฝงเจตนาทางการเมืองแต่อย่างใด แต่กลับถูกชาวเน็ตเกาหลีบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง และนำไปเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ความบาดหมางระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังภาพลักษณ์สดใสบนเวที TWICE ต้องเติบโตและทำงานภายใต้แรงกดดันที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ศิลปินในวัยเดียวกันจะต้องเผชิญ การยืนหยัดผ่านความขัดแย้งระดับประเทศโดยไม่สูญเสียตัวตน คือหนึ่งในบททดสอบที่ทำให้พวกเธอแข็งแกร่งขึ้น และทำให้ความสำเร็จตลอดทศวรรษแรกของ TWICE มีความหมายมากกว่าตัวเลขหรือรางวัลใดๆ
ตลอดระยะเวลา 10 ปีของการทำงานหนัก (และเผชิญอุปสรรคที่หนักหนา) TWICE ต้องเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากแรงกดดันจากกระแสในโลกออนไลน์ที่กล่าวถึงไปก่อนหน้า ตารางงานที่แน่นขนัดและแทบไม่มีช่วงพักยาว ยังส่งผลให้ร่างกายสะสมความเหนื่อยล้า และค่อยๆ กระทบต่อสภาพจิตใจของสมาชิกแต่ละคน
ในปี 2019 มินะ จำเป็นต้องถอนตัวจากทัวร์คอนเสิร์ต Twicelights รวมถึงกิจกรรมอีกหลายรายการ เนื่องจากมีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นแสดงบนเวที โดยค่าย JYP Entertainment เองก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพของเธอเป็นอันดับแรกด้วย และท่ามกลางกำลังใจมหาศาลจากแฟนๆ ในที่สุด มินะก็สามารถกลับมายืนบนเวทีได้อีกครั้งในเวลาต่อมา
จองยอน เป็นอีกคนที่เผชิญกับปัญหาสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ในปี 2020 เธอต้องหยุดพักงานเพื่อรักษาหมอนรองกระดูกคอ และต้องหยุดพักอีกครั้งในปี 2021 เพื่อรักษาอาการแพนิคและความวิตกกังวลทางจิตใจ และเช่นเคย ด้วยความรักจาก ONCE และการสนับสนุนจากสมาชิกในวง คือแรงประคองสำคัญที่ทำให้เธอสามารถค่อยๆ กลับมาทำกิจกรรมและขึ้นแสดงบนเวทีได้อีกครั้ง
ล่าสุดก่อนปิดปี 2025 แชยอง ต้องพักงานชั่วคราวเนื่องจากมีภาวะหมดสติแบบวาโซวากัล (Vasovagal Syncope) ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมทัวร์ในไต้หวัน ฮ่องกง และกรุงเทพฯ ได้ ส่งผลให้คอนเสิร์ตที่ประเทศไทยจะมีสมาชิกขึ้นแสดงเพียง 8 คน
อย่างไรก็ตาม เหล่า ONCE ต่างเข้าใจดี และถึงแม้เธอจะไม่มา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ภาพของเธอปรากฏบนหน้าจอ ทุกคนก็จะส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มให้เสมอ
หลังผ่านบททดสอบมากมายตลอดเส้นทางการทำงาน ความทุ่มเทและการไม่ยอมแพ้ของ TWICE ก็เริ่มออกดอกผลอย่างงดงาม เมื่อชื่อเสียงของพวกเธอไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในเกาหลีใต้ หากแต่ขยายออกไปสู่เวทีระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากตลาดในประเทศ ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา TWICE เริ่มเดินหน้าบุกตลาดญี่ปุ่นอย่างจริงจัง และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากหนึ่งในตลาดดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของโลก ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อวงมีสมาชิกชาวญี่ปุ่นถึง 3 คน ได้แก่ มินะ ซานะ และโมโมะ อัลบั้มและซิงเกิลเดบิวต์ในญี่ปุ่นสามารถทำยอดขายระดับแพลทินัมได้พร้อมกันภายในปีเดียว อีกทั้งหลายเพลงฮิตของวงยังถูกนำมาปรับเป็นเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น เพื่อการแสดงและสื่อสารกับแฟนเพลงในประเทศโดยเฉพาะ
ความนิยมที่พุ่งสูงนำไปสู่การจัด TWICE Dome Tour 2019 “#Dreamday” ที่โอซาก้า โตเกียว และนาโกย่า ซึ่งบัตรจำหน่ายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที มีผู้ชมรวมกว่า 220,000 คน นอกจากนี้ TWICE ยังได้รับเชิญขึ้นแสดงบนเวทีรายการเพลงส่งท้ายปีอันทรงเกียรติของญี่ปุ่นอย่าง NHK Kouhaku Uta Gassen หลายครั้ง ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เฉพาะศิลปินที่ได้รับความนิยมสูงสุดของปีเท่านั้น และแทบไม่เคยต้อนรับศิลปินต่างชาติมาก่อน
ด้วยรากฐานความนิยมในญี่ปุ่น สมาชิกชาวญี่ปุ่นทั้งสามยังรวมตัวกันเป็นยูนิต MiSaMo พร้อมปล่อยผลงานอย่าง Do Not Touch, Marshmallow และ NEW LOOK ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่ต่อยอดออกไปได้นอกเหนือจากกรอบของวงหลัก
ความสำเร็จในญี่ปุ่นยังเดินหน้าต่อเนื่อง เมื่อในปี 2026 TWICE เตรียมจัดคอนเสิร์ตที่ Japan National Stadium (Kokuritsu Kyōgijō) จำนวน 3 รอบ ในวันที่ 25, 26 และ 28 เมษายน ซึ่งแต่ละรอบรองรับผู้ชมได้ราว 80,000 คน หากเป็นไปตามแผน วงจะกลายเป็นศิลปินต่างชาติกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นแสดงบนเวทีระดับประวัติศาสตร์แห่งนี้ ยิ่งตอกย้ำสถานะของ TWICE ในฐานะศิลปินระดับแถวหน้าของวงการ
ขณะเดียวกัน ตลาดสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ TWICE สร้างปรากฏการณ์เกินความคาดหมาย ไม่เพียงอัลบั้มของวงจะติดชาร์ต Billboard 200 อย่างต่อเนื่อง แต่อัลบั้ม YOU-th ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ตอัลบั้มหลักของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกของวง
ทัวร์คอนเสิร์ต Ready To Be World Tour ในปี 2023 ยังทำรายได้รวมสูงถึง 170.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผู้ชมกว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก นับเป็นสถิติสูงสุดสำหรับทัวร์ของเกิร์ลกรุ๊ป K-pop ในช่วงเวลานั้น และเป็นอีกหมุดหมายสำคัญของการยืนระยะในระดับนานาชาติ
ยิ่งไปกว่านั้น TWICE ยังทัวร์คอนเสิร์ต ตระเวนเล่นในสนามกีฬาอเมริกันฟุตบอลตามเมืองใหญ่ๆ แล้วมียอดขายตั๋วหมดทุกที่นั่ง (ความจุแต่ละสนามอยู่ที่อย่างต่ำ 50,000–60,000 ที่นั่ง) กลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ป K-pop วงแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นศิลปิน K-pop วงที่สองต่อจาก BTS ที่สามารถจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งแบบนี้แล้วทำยอดขายถล่มทลายแบบนี้
ความสำเร็จนี้ยิ่งน่าทึ่ง เมื่อพิจารณาว่า TWICE เองไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารเป็นหลัก และไม่ได้ถูกวางภาพลักษณ์ให้มุ่งมั่นการโกอินเตอร์ไกลขนาดนี้ตั้งแต่ต้น แต่เพราะดนตรีคือภาษาสากลที่ไร้พรมแดน ไม่ว่าผู้ฟังจะมาจากที่ใด หรือพูดภาษาอะไร เสียงเพลงของพวกเธอก็สามารถส่งต่อความสุข ความรัก และพลังบวกไปถึงหัวใจของผู้คนทั่วโลกได้ โดยไม่จำเป็นต้องแปลความหมาย
ในบรรดาประเทศมากมายที่ TWICE เดินทางไปแสดงทั่วโลก มีไม่กี่แห่งที่พวกเธอได้กลับไปเยือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยนั่นเอง ประเทศที่อาจไม่ใช่ตลาดดนตรีขนาดใหญ่ที่สุด แต่กลับมอบการต้อนรับที่อบอุ่นให้กับเกิร์ลกรุ๊ประดับโลกวงนี้มาโดยตลอด
การมาเยือนประเทศไทยครั้งแรกของ TWICE เกิดขึ้นในปี 2017 กับคอนเสิร์ต TWICE 1st TOUR ‘TWICELAND – THE OPENING – IN BANGKOK’ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งรองรับผู้ชมได้ราว 4,000 คน ในเวลานั้น TWICE ยังเป็นเพียงเกิร์ลกรุ๊ปหน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่นาน ทว่า ONCE ไทยก็แสดงพลังสนับสนุนด้วยการจับจองบัตรจนเต็มฮอลล์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน
ปีถัดมาในปี 2018 พวกเธอกลับมาอีกครั้งกับคอนเสิร์ต Twice 2nd Tour: Twiceland Zone 2 – Fantasy Park และยังคงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนที่ในปี 2019 TWICE จะยกระดับคอนเสิร์ต TWICE WORLD TOUR 2019 'TWICELIGHTS' IN BANGKOK ด้วยการขึ้นอิมแพ็ค อารีน่า ซึ่งมีความจุราว 10,000 ที่นั่ง
และทั้ง 9 สาวพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้สเกลของคอนเสิร์ตจะใหญ่ขึ้นหลายเท่า พวกเธอก็สามารถรับมือและถ่ายทอดการแสดงได้อย่างมั่นใจและเป็นมืออาชีพ
เดิมที TWICE มีแผนจะกลับมาแสดงในประเทศไทยอีกครั้งในปีถัดมา แต่ด้วยการระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง กลายเป็นว่า ONCE ไทยต้องรอเวลานานกว่า 4 ปีที่แฟนๆ ชาวไทยต้องรอคอย ก่อนที่พวกเธอจะได้กลับมาอีกครั้งกับ TWICE 5TH WORLD TOUR READY TO BE IN BANGKOK ซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพ็ค อารีน่าเช่นเดิม และด้วยความต้องการบัตรที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนต้องเพิ่มรอบการแสดงในวันถัดไป
ไฮไลต์สำคัญของคอนเสิร์ตครั้งนี้ คือการนำวงดนตรีสดมาร่วมบรรเลงบนเวที มีการเรียบเรียงเพลงใหม่ให้มีความร็อกและทรงพลังมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงความสนุกและเอกลักษณ์ของ TWICE เอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่เพียงเพิ่มอรรถรสให้กับผู้ชม แต่ยังเผยให้เห็นศักยภาพของสมาชิกทั้ง 9 คนบนเวที ว่าเพลงของพวกเธอสามารถสนุก มัน และท้าทายความสามารถได้มากกว่าที่หลายคนเคยคาดคิด
ในช่วงท้ายของคอนเสิร์ต Ready To Be World Tour เมมเบอร์ TWICE เคยให้คำมั่นสัญญากับ ONCE ชาวไทยว่า พวกเธอจะกลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้งอย่างแน่นอน แม้การกลับมาจะไม่ได้เกิดขึ้นทันทีในปีถัดมา แต่เมื่อมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า TWICE จะกลับมาขึ้นเวทีที่อิมแพ็ค อารีน่า ในวันที่ 13–14 ธันวาคม 2025 ก็ยังได้เสียงตอบรับจากแฟนๆ ที่ดี และบัตรก็จำหน่ายอย่างรวดเร็ว
ความพิเศษของคอนเสิร์ต TWICE <THIS IS FOR> WORLD TOUR IN BANGKOK อยู่ที่การออกแบบเลย์เอาท์เวทีแบบ 360 องศา โดยจัดเวทีให้อยู่ตรงกลางฮอลล์ ท่ามกลางผู้ชม ทำให้แฟนๆ สามารถมองเห็นความสามารถ เสน่ห์ และรายละเอียดของสมาชิกได้จากทุกทิศทาง เสริมด้วยจอภาพ LED 4K ขนาดยักษ์ที่ติดตั้งรอบฮอลล์ รวมถึงจอขนาดใหญ่บริเวณเวทีกลาง พร้อมแสง สี เสียง ที่จัดเต็มไม่แพ้การแสดงในประเทศเกาหลี
ตลอดคอนเสิร์ตทั้ง 2 คืน บ่งชี้ว่ามันเป็นมากกว่าโชว์การแสดงทั่วไป แต่เป็นจดหมายรักที่ TWICE ตั้งใจส่งถึง ONCE ทุกคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และยิ่งมีความหมายมากขึ้น เมื่อกรุงเทพฯ คือเมืองสุดท้ายที่ใช้ปิดทัวร์ของ TWICE ในปี 2025 ซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับแฟนๆ ชาวไทย
แม้คอนเสิร์ตจะใช้ชื่อเดียวกับอัลบั้ม THIS IS FOR แต่เซ็ตลิสต์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเพลงจากอัลบั้มนี้เท่านั้น เพลงอย่าง Four, THIS IS FOR, Options และ Mars วางควบคู่ไปกับเพลงดังตลอดเส้นทาง 10 ปีของวง ไม่ว่าจะเป็น Set Me Free, I CAN’T STOP ME, Strategy, Moonlight Sunrise, Cry For Me, Fancy, What Is Love?, Yes or Yes, Dance The Night Away รวมถึง Feel Special ทุกเพลงล้วนเป็นชิ้นส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นตัวตนของ TWICE และเป็นความทรงจำร่วมของ ONCE เวทีทั้งฮอลล์จึงอัดแน่นไปด้วยพลังงาน ความสุข และไฟในหัวใจที่ส่งถึงกันอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ช่วง Solo Stage ของสมาชิกแต่ละคนยังกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ ที่เผยให้เห็นเสน่ห์และศักยภาพเฉพาะตัวของแต่ละคนอย่างเต็มที่ เป็นการรวมตัวของดาวแต่ละดวงที่ต่างเปล่งประกายในแบบของตัวเอง และงดงามเมื่ออยู่ร่วมกันบนเวทีเดียวกัน
เวลาของความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงช่วงอำลา TWICE ย้ำคำสัญญาว่าจะกลับมาพบกับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งแน่นอน แม้ในคืนวันที่ 14 ธันวาคม หลังจบการแสดงหลักและช่วงอังกอร์แล้ว แฟนๆ กว่าร้อยละ 90 ยังไม่ยอมลุกจากที่นั่ง คอยตะโกนเรียกชื่อวงด้วยความหวังว่า พวกเธอจะกลับออกมาอีกสักครั้ง แม้เพียงชั่วครู่ก็ยังดี
อย่างไรก็ตาม TWICE ไม่ได้ปรากฏตัวบนเวทีอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่เชื่ออย่างสุดใจว่าพวกเธอเองก็อยากจะออกมาส่งท้าย ONCE ทุกคนอีกครั้ง จนถึงวินาทีสุดท้ายเช่นเดียวกัน
หากนับจากวันแรกที่เดบิวต์ วันนี้ TWICE เดินทางมาครบ 10 ปีแล้ว
เมื่อย้อนกลับไปดูมิวสิกวิดีโอแรก หรือการแสดงสดในช่วงเริ่มต้น เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างชัดเจน สมาชิกแต่ละคนเติบโตขึ้น สวยขึ้น เสียงร้องมั่นคงขึ้น การเต้นแข็งแรงและพร้อมเพรียงยิ่งกว่าเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยลดลงเลยคือความสามารถ จากวันที่เคยถูกตั้งคำถามว่าจะร้องได้ดีแค่ไหน เต้นได้แข็งแรงพอหรือไม่ จนถึงวันนี้ ไม่มีใครกังขาในศักยภาพของ TWICE อีกต่อไป
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา วงเผชิญทั้งคำชื่นชมและแรงกดดัน ผ่านทั้งช่วงเวลาที่สดใสและวันที่หนักหน่วง แต่ทุกบททดสอบได้หล่อหลอมให้ TWICE กลายเป็นศิลปินที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะไอดอลบนเวที แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เรียนรู้จะยืนหยัด เติบโต และดูแลกันและกัน
2+1 อาจมีความหมายเท่ากับ 10 ในวันนี้ แต่มันจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะสมการนี้ยังคงขยายต่อไป อาจเป็น 11, 12, 13 หรือมากกว่านั้น ตราบใดที่ TWICE ยังมีลมหายใจ ยังมีแรงยืนบนเวที และยังมี ONCE คอยยืนอยู่ข้างๆ
อีกหลักฐานที่ชัดเจนที่สื่อถึงความผูกพัน เกิดขึ้นในปี 2022 เมื่อสัญญาเดิมของ TWICE กับค่าย JYP หมดลง แต่สมาชิกทุกคนก็ตัดสินใจต่อสัญญา ไม่มีใครเลือกเดินจากไป การก้าวข้ามคำสาป 7 ปีที่เคยทำลายวงไอดอลมานับไม่ถ้วน บ่งบอกอย่างดีว่าพวกเธอไม่ได้มองกันและกันเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงาน แต่ TWICE คือครอบครัว
และครอบครัวของ TWICE ไม่ได้มีเพียง 9 คน แต่ยังมี ONCE นับล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก ที่ไม่เคยปล่อยมือ ไม่ว่าพวกเธอจะต้องเผชิญกับพายุที่รุนแรงเพียงใด
ภาพ : อินสตาแกรม @twicetagram, @momo, เฟสบุ๊ก 411
อ้างอิง
Everything to Know About K-Pop Group Twice / Time
Mina of K-Pop Group Twice Will Sit Out of World Tour to Address "Sudden Extreme Anxiety" / allure
Girl group Twice's Jeongyeon on second hiatus due to mental health issues / THE STRAITS TIMES
All nine members of Twice renew their contracts with JYP Entertainment / korea JoongAnd Daily
【韓流】TWICE大盛況!K-POPガールズグループ初の香港カイタックスタジアム単独公演 / nikkansport
オリコン「TWICE、2作連続で初週20万枚突破…海外歌手初」/ JoongAng Ilbo
TWICE、日本で10作品連続プラチナ達成 / Chosun Online
TWICE 1st Tour ‘TWICE LAND’ -The Opening- In Bangkok / DACO
"Twiceland Zone 2 in Bangkok" 9 สาวคนเดิม เพิ่มเติมคือพัฒนาการที่น่าอัศจรรย์! / Sanook