29 ต.ค. 2568 | 16:31 น.

KEY
POINTS
สำหรับชาว BLINK (ชื่อแฟนคลับของ BLACKPINK) คอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR < DEADLINE >IN BANGKOK คือ คอนเสิร์ตที่พวกเขารอคอย
เพราะนี่คือการกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งของสาว ๆ BLACKPINK ในรอบ 2 ปีนิด ๆ และยังเป็นการกลับมารวมตัวอีกครั้งของ JISOO JENNIE ROSE และ LISA หลังจากแต่ละคนต่างแยกย้ายไปเติบโตบนเส้นทางของตัวเอง
BLACKPINK WORLD TOUR < DEADLINE >IN BANGKOK จึงเป็นเหมือนการออกเดินทางของสาว ๆ อีกครั้งที่ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม พวกเธอก็พร้อมที่จะพ่นพิษสีชมพูเพื่อสร้างพื้นที่ของตัวเองอีกครั้ง
และ ในฐานะคนเขียน นี่คือคอนเสิร์ต BLACKPINK ครั้งแรกในชีวิต และไม่ใช่ BLINK แต่เรารับรู้ได้ว่า เวทีคือสนามเด็กเล่น และแสงไฟสีชมพูรอบสนามราชมังคลากีฬาสถาน คือ กำลังใจของสี่สาวแสดงแบบใส่สุดทุกโชว์
อีกทั้งยังทำให้เห็นว่า BLACKPINK ไม่ได้เป็นเพียงศิลปินที่โลกรักและยอมรับ แต่ทุกวินาทีของการแสดง พวกเธอคือศิลปินที่เป็นตัวเองและเปิดพื้นที่ให้แฟนคลับเป็นตัวเองเช่นกัน
/บทความนี้จะเป็นการพูดถึงคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR < DEADLINE >IN BANGKOK รอบวันที่ 24 ตุลาคม 2568/
บอกได้ว่า การกลับมาประเทศไทยอีกครั้งของ BLACKPINK กลับมาด้วยเพลงและโปรดักชันแบบจัดเต็ม เริ่มจาก ‘Kill This Love’ ‘Pink Venom’ ‘How you like that’ ‘Playing with fire’ และ Shut Down ซึ่งระหว่างโชว์ก็มีพลุเล็ก พลุใหญ่ทำให้เราร้องกรี๊ดอยู่ตลอด
รวมถึงเสน่ห์เฉพาะตัวของสี่สามที่คุยกันแบบสไตล์สาว ๆ เริ่มตั้งแต่การสอนภาษาไทยให้โรเซ่ การกินผัดไท ดีจังฝนไม่ตก การเปรียบเทียบสายไหมของโรตีสายไหมกับผมสีทองของโรเซ่ ไปจนถึงความรักที่โรเซ่มอบให้กุ้งของประเทศไทย
รวมถึงยังมีเพลง ‘I don’t know what to do’, ‘Pretty Savage’, 'BOOMBAYAH', ‘Whistle’, ‘Lovesick Girl’, AS IF IT'S YOUR LAST, DDU-DU DDU-DU และไฮไลท์การเล่นเลเซอร์ตามจังหวะของเพลง ‘JUMP’ พาทุกคนในราชมังสนุกและกระโดดกันสุดตัว
องค์ประกอบทั้งหมดของคอนเสิร์ตเกือบ 3 ชั่วโมง คือ การบอกว่า วันนี้พิษสีชมพูกลับมาอีกครั้ง และเอเนอร์จี้แบบนี้แหละที่ชาวบลิ้งคิดถึง
อย่างที่ทุกคนรู้ ตอนนี้สมาชิก BLACKPINK แต่ละคนต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง แต่สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงพวกเธอไว้ คือ พลังของความฝันที่เป็นหนึ่งเดียวกันมาตั้งแต่วันแรก และพลังที่รักในเสียงดนตรี
บางช่วงของคอนเสิร์ต สมาชิกแต่ละคนก็จะมีโชว์เดี่ยวที่สะท้อนตัวตนของพวกเธอเอาไว้ ตั้งแต่เพลง การแต่งตัว และรูปแบบของโชว์
เริ่มจาก JISOO พี่สาวหน้าสวยที่มาด้วยชุดกระโปรงลายสก๊อตสีแดง เริ่มโชว์ด้วย Hugs and Kisses รวมถึง Earthquake ที่จีซูเดินรอบเวทีแล้วมาหยุดตรงกลางที่ทำให้แผ่นดินของราชมังฯ สั่นสะเทือน
ส่วน LISA ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ชาวไทยผิดหวัง เพราะวันนี้เธอใส่ชุดสีทองฝีมือคนไทย เปิดด้วยเพลง ‘Thunder’ ต่อด้วย ‘When I’m with you’ ที่ทุบสะโพกแบบยั่ว ๆ สมมงสะโพกของประเทศไทย แล้วเดินด้วยจริตเหมือนเดิน Victoria Secret มาปิดจบสเตจรองด้วย ‘ROCKSTAR’ เพลงที่เคยทำให้ทั่วโลกรู้จักเยาวราช แต่ครั้งนี้เธอมาแสดงที่สนามราชมังฯ ด้วยพลังแบบเกินร้อย
ต่อด้วยโซโล่ของ JENNIE ที่ขอแนะนำตัวด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘Like Jennie’ และเต้นแบบไม่หยุดกระทั่ง ‘Starlight’ ดังขึ้น โชว์เสียงร้องเต็มพลัง แต่ก็ยังไม่พ้นจังหวะที่พอได้เต้นอยู่นิดหน่อยตามสไตล์ของ ‘รูบี้’
ปิดท้ายด้วย ‘ROSE’ เธอเลือกเปิดการแสดงด้วยม่านหลังเวที กินผัดไทจิบชาตรามือ มีความขี้เล่น ๆ เหมือนเดิม ก่อนจะสวมบทเมนโวคอล เริ่มด้วยเพลง ‘3AM’ กับกีตาร์สดกลางเวที และโชว์เสียงต่อเนื่องกับ ‘toxic till the end’ หลังจากนั้น เธอก็สวมแจ็กเก็ตหนังพาทุกคนสนุกกับเพลงที่ดังไปทั่วโลกอย่าง ‘APT’ พร้อมเปิดตัวผู้โชคดีที่ได้มาขึ้นเวทีกับเธอและปิดด้วยพลุฉลองความสนุกอีกครั้ง
โชว์เดี่ยวของทุกคนเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า ทั้งสี่สาวเติบโตมาอย่างดี พวกเธอเฉิดฉายและมีเสน่ห์ที่สุดตอนอยู่บนเวที
และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน พวกเธอก็ยังคงเป็นแค่เด็กสาวที่นักในเสียงเพลง และยังคงเป็นคิมจีซู คิมเจนนี่ ลลิษา มโนบาล และ พัคแชยอง อยู่เสมอ
คอนเสิร์ตของชาวบลิ้งครั้งนี้ แฟนคลับบางคนเตรียมชุดกันเป็นเดือน เพราะวันคอนเสิร์ตเราต้องสวยที่สุด สวยแบบศิลปินต้องภูมิใจ
ช่วงท้าย ๆ คอนเสิร์ต BLACKPINK ประกาศหาแฟนคลับที่แต่งตัวเหมือนพวกเธอ เราเจอโรเซ่คนที่ 2 และลิซ่าคนที่ 2 หรือบางคนที่เริ่มแต่งตัวตั้งแต่ 6.00 น. เพื่อมาคอนเสิร์ตที่เริ่มแสดงตอน 19.00 น.
ต่อให้ก่อนหน้านี้จะพยายามหาชุดมาเหนื่อยแค่ไหน แต่เมื่อศิลปินเห็น ราคาบัตรก็เท่ากับศูนย์
ดูเหมือนชุดของบลิ้งไทยจะไปปักกลางใจโรเซ่จนเธอพูดว่า “กรุงเทพนี่แตกต่างจริง ๆ”
ยังไม่นับรวมกับช่วง ‘dance challenge’ ที่เปิดพื้นที่ให้แฟนคลับมาเต้นโคเวอร์เพลงของ BLACKPINK ได้เป๊ะสุด ๆ มีนักเต้นอายุน้อยไปจนถึงรุ่นใหม่ ครอบคลุมทุกเพศและทุกสัญชาติ (เพราะจริง ๆ มีชาวต่างชาติมาดูด้วย)
พื้นที่คอนเสิร์ตจึงกลายเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่ทำให้คนคนหนึ่งกล้าแสดงออก กล้าที่จะเป็นตัวเอง โดยไม่มีใครตัดสิน
เพราะมันคือพลังของ ‘พิษสีชมพู’ ที่ไม่ได้แค่สะกดผู้ชม แต่ปลดปล่อยให้ทุกคนได้เฉิดฉายไปพร้อมกับพวกเธอ
แม้ BLACKPINK WORLD TOUR < DEADLINE >IN BANGKOKจะจบลงไปแล้ว แต่หลังจากนี้ BLACKPINK ก็ยังมีทัวร์ต่อเนื่องไปพร้อมกับการเตรียมอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยในปลายปี 2025
ต่อให้การรวมตัวของ BLACKPINK จะยากแค่ไหน แต่เราเชื่อว่า ชาวบลิ้งมันจะรอคอยจนกว่าวันที่พิษสีชมพูจะกลับมาในประเทศไทยอีกครั้ง
เพราะ BLACKPINK always in your area! พิษสีชมพูนี้จะไม่จางหายไป
ภาพ : YG Entertainment