10 มิ.ย. 2568 | 12:00 น.
คุณอ่านหนังสือวันละกี่หน้า?
ถ้าจะบอกว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่ถึงแปดบรรทัดอาจไม่ใช่เรื่องจริงอีกต่อไป โดยเฉพาะในสมัยนี้ เมื่อกิจกรรมที่เราต่างหลายต่างก็ทำกันในเช้ายามลืมตาตื่น และกลางคืนก่อนปิดตาหลับก็คงหนีไม่พ้นการไถหน้าจอโทรศัพท์ อ่านข่าวสารและเรื่องราวบนหน้าฟีดที่เกิดขึ้นมาใหม่ในทุก ๆ วินาที
อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่าคนไทยจะอ่านหนังสือเล่มน้อยลง รถไฟฟ้าใต้ดินที่แน่นเอียดอันเป็นผลจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติก็ยังสะท้อนให้เห็นว่าเสน่ห์และมนตราของ ‘หนังสือ’ ที่สะกดใจคนเรายังคงมิเสื่อมคลายไปไหน จากอดีตถึงปัจจุบัน (แม้ว่าที่ซื้อและหิ้วกลับไปบ้านจะมีทั้งหนังสือที่ซื้อไป ‘อ่าน’ และซื้อไป ‘ดอง’ ก็ตาม)
กลับมาเรื่องเดิม คุณอ่านหนังสือวันละกี่หน้า? คำตอบนี้ก็ย่อมขึ้นอยู่กับว่าคุณทำอาชีพอะไร คลุกคลีกับตัวหนังสือมากน้อยเพียงไหน หรือแม้แต่มีเวลาว่างพอจะจัดสรรมาเปิดหนังสืออ่านมากน้อยเพียงใด แต่หากว่าต้องนึกถึงอาชีพที่ต้องอ่านหนังสืออย่างเข้มข้นแล้ว นอกเสียจากนักวิจัย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักกฎหมาย นักข่าว หรือนักเขียน บุคคลแรก ๆ ที่เราคิดว่าต้องอ่านหนังสือเยอะเป็นแน่ก็คือ ‘เจ้าของร้านหนังสือ’
มีพ่อค้าหนังสือคนหนึ่งในประเทศโมร็อกโก มีร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่เป็นบานประตูขนาด 5x5 ฟุต ภายในปราศจากชั้นวาง มีเพียงกองพะเนินของหนังสือตั้งวางเรียงรายละม้ายคล้ายตลึงกับกองดองที่บ้านของผู้เขียน เพียงแต่ว่า ‘โมฮาเหม็ด อาซิซ’ ผู้เป็นเจ้าของร้าน ‘อ่านจริง’ เพราะเวลาเกือบหนึ่งในสามในทุก ๆ วันของเขาเกลือกกลิ้งอยู่กับหน้าหนังสือตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงเรื่องราวของ โมฮาเหม็ด อาซิซ เจ้าของร้านหนังสือในโมร็อกโกที่นั่งอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 6-8 ชั่วโมง และตลอดชีวิตได้อ่านหนังสือไปกว่า 5,000 เล่ม เพราะในอดีต การจะซื้อหนังสือเรียนสักเล่ม ก็ยังเป็นเรื่องที่เกินเอื้อมถึงสำหรับครอบครัวของเขา ความเคียดแค้นต่อชะตาชีวิตและเสรีภาพในการเรียนรู้ที่ถูกพรากไปของเขานั้น จึงบันดาลให้เกิดความกระหายไร้ที่สิ้นสุดและเส้นทางการแก้แค้นจนออกมาเป็นกองหนังสือที่ท่วมทะลักดังที่เราเห็นกันทุกวันนี้
ชีวิตในโมร็อกโคไม่ใช่เรื่องง่าย ‘โมฮาเหม็ด อาซิซ’ (Mohamed Aziz) กำพร้าพ่อและแม่ไปในวันที่อายุได้เพียงหกขวบ เมื่อเติบโตขึ้นมาอีกหน่อย ความฝันที่อยากจะเรียนจบมัธยมปลายก็ถูกพรากไปอีก เพราะเขาไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อหนังสือเท็กซ์บุ๊กมาประกอบการเรียนได้ ทำให้อาซิซต้องจำใจออกจากระบบการศึกษา
การหลุดออกจากระบบการศึกษาของ โมฮาเหม็ด อาซิซ แทบจะไม่ใช่เรื่องแปลกในโมร็อกโคเสียด้วยซ้ำ และการที่เขาสามารถเรียนต่อได้ อาจจะเป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่าอีก เพราะย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1960 สัดส่วนคนที่ไม่รู้หนังสือ (Illiteracy Rate) สูงถึงร้อยละแปดสิบเจ็ด หากว่าแบ่งคนในสังคมออกเป็นสามเหลี่ยม ปริมาณคนที่รู้หนังสือคงกระจุกกันอยู่แค่ปลายยอดเพียงเท่านั้น
แต่มันก็อาจเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง อีกบานจะเปิดออก ในช่วงปี 1967 ที่อาซิซหลุดออกจากระบบการศึกษาเพราะไม่สามารถหาเงินมาซื้อหนังสือเรียนได้ ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 15 ปี
อาซิซได้ขนเอาหนังสือจำนวนเก้าเล่ม หาทำเลที่มีต้นไม้คอยกำบังเป็นร่มเงา ปูเสื่อหนึ่งผืน และตัดสินใจที่จะขายหนังสือ ณ ที่แห่งนั้น ก่อนที่เวลาจะล่วงผ่านไปหลายสิบปี มาจนถึงวันนี้ โมฮาเหม็ด อาซิซ ก็ยังคงเดินหน้าชำระแค้นผ่านโชคชะตาและชีวิตด้วยการนั่งอ่านหนังสือทุก ๆ วันเป็นเวลาหลายชั่วโมง
ว่ากันว่าหากคุณเดินทางไปที่ย่านเมืองเก่าของราบัติ (Medina of Rabat) ในประเทศโมร็อกโค ท่ามกลางบรรดาร้านที่มีข้าวของวางขายสองข้างทางคล้าย ๆ กับตลาดนัดจตุจักรหรือถนนพาหุรัด คุณอาจกวาดสายตาไปเห็นกับล็อค ๆ หนึ่งที่เป็นช่องว่างสี่เหลี่ยมกว้างและยาวอย่างละห้าฟุต ภายในมีหนังสือนับร้อย (หรือพัน) วางกองมาจนไม่อาจรู้ได้ว่าล็อคดังกล่าวมีความลึกเท่าใด ถัดออกมา รายล้อมด้วยหนังสือที่ไหลทะลักออกมานอกขอบประตู ชายวัยเจ็ดสิบกว่านั่งอยู่บนพื้นกับหมอนรองนั่ง หลังพิงกำแพง สายตาจดจ่ออยู่กับหนังสือ และไม่ว่าจะไปในช่วงเวลาเช้า สาย บ่าย หรือเย็น คุณก็คงไม่เห็นภาพต่างจากนี้มากนัก เพราะนั่นคือสิ่งที่ ‘โมฮาเหม็ด อาซิซ’ ทำตลอดวัน นอกจากการขายบรรดาหนังสือเหล่านั้นให้กับผู้แวะเวียนผ่านไปมา
นับตั้งแต่อายุ 15 ปี ไม่มีเงินซื้อหนังสือเรียน อาซิซ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาใช้เสื่อ หนังสือเท่าที่มี และร่มเงาบังแดดเพื่อขายหนังสือและยึดมันเป็นอาชีพหลายทศวรรษต่อมาจนกระทั่งวันนี้ที่อีกไม่กี่ปีอายุของเขาก็ขยับเข้าไปปีที่ 75 แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่แปรเปลี่ยนไปเลยคือความรักหลงใหลที่ชายคนนี้มีให้กับหนังสือ — สิ่งที่ครั้งหนึ่งเปรียบเสมือนความปรารถนาที่เขามิอาจคว้ามาครองได้
ร้านของอาซิซเปิดตลอดทั้งวันเป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมง โดยตัวเขาใช้เวลาต่อวันราว 6-8 ชั่วโมงในการ ‘อ่านหนังสือ’ โดยเขาอธิบายกับ Morocco World News ว่า
“นี่คือวิธีที่ผมชำระบัญชีแค้นจากวัยเด็กของผม
สถานการณ์ของผม ความยากจนของผม”
มองภายนอก สำหรับคนที่เดินผ่านไปมาร้านของอาซิซอาจไม่ต่างอะไรจากโกดังรก ๆ ที่มีหนังสือวางกองกันอย่างไร้ระเบียบ ดูไม่น่าอภิรมย์ใจเหมือนร้านหนังสือทั่วไป แต่สำหรับบางคนหรือโดยเฉพาะกับอาซิซ ร้านเล็ก ๆ ของเขาไม่ต่างอะไรจากขุมทรัพย์แห่งปัญญาเลยแม้แต่น้อย เพราะทุก ๆ บรรทัดบนหน้ากระดาษที่ถูกพลิกไปเปรียบเสมือนกับการผจญภัยในโลกอีกใบที่ผู้อ่านอาจไม่เคยเห็นมาก่อน จึงไม่แปลกที่วัน ๆ ตัวของอาซิซจะนั่งอยู่ที่เดิม ทำอะไรเดิม ๆ — เขาทำมันเพื่อส่งจิตใจของเขาไปผจญโลกผ่านตัวอักษรที่ถูกร้อยเรียงออกมา
นอกจากนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมเดิมในทุก ๆ วันแล้ว ช่วงเช้าอาซิซจะเดินตระเวนหาซื้อหนังสือในบริเวณใกล้เคียงเพื่อซื้อมันมาเก็บเอาไว้บนชั้น (หรือกอง) หนังสือของตน แต่ก็อย่างที่เราเห็นว่าหนังสือเยอะจะทะลักขนาดนั้น ยังจะต้องซื้อเพิ่มอีกหรอ? เท่าไหร่ถึงจะพอ?
ผมว่าเหล่าบรรดานักอ่าน — โดยเฉพาะกับคนที่มีกองดอง (เช่นผม) — ย่อมรู้คำตอบดี
“ยังไม่พอ”
คือคำตอบของ โมฮาเหม็ด อาซิซ
แม้โดยเฉลี่ย ยอดขายต่อวันสำหรับร้านหนังสืออาซิซจะอยู่ที่ ‘สองเล่ม’ เท่านั้น แต่อุดมการณ์ที่ฝังลึกอยู่ในตัวเขาไม่เคยจางหายไปไหน ซึ่งก็คือการให้ผู้คนได้อ่าน โดยเฉพาะชาวโมร็อกโคได้อ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแม้จะวางหนังสือไว้รอบ ๆ ร้านโดยปราศจากสิ่งใดกั้น อาซิซก็ไม่กลัวว่าจะถูกขโมย เพราะคนที่จะขโมยหนังสือก็แปลว่าเขาอ่านหนังสือ และคนที่อ่านหนังสือก็คงไม่ขโมย (และถึงแม้ว่าขโมยหนังสือไปอ่าน ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ขนาดนั้น ถ้ามันทำให้เขาคนนั้นได้อ่านหนังสือ)
สำหรับ โมฮาเหม็ด อาซิซ ถ้าจะต้องนึกไว ๆ เกี่ยวกับสองสิ่งที่ตัวเขาไม่ชอบเป็นที่สุด อย่างแรกคือหนังสือที่มีบางหน้าหายไป และการที่เยาวชนต้องไปบากบั่นทำงาน แทนที่จะได้เรียนหนังสือ — ชะตากรรมแบบเดียวกับเขาในครั้งเยาว์วัย
ทว่าก็มีเรื่องน่ายินดีไม่น้อย ที่ในปัจจุบันนี้ตัวเลขสัดส่วนประชากรที่ไม่รู้หนังสือที่ได้ขยับลงมาจากเมื่อหกสิบปีก่อนที่ร้อยละแปดสิบ ลงมาเหลือแค่ร้อยละสามสิบแล้วในปี 2014 แต่การที่มีคนเดินเรียงแถวมาจำนวนสิบคน แล้วมีสามคนยังไม่สามารถอ่านหนังสือออก ก็ยังคงคาใจเขาอยู่เช่นเดิม
ร้านของโมฮาเหม็ด อาซิซ ก็เป็นเพียงร้านเล็ก ๆ แต่สิ่งที่เขามุ่งหวังของเขาไม่เคยชะงักงันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมห้าฟุตเลยแม้แต่น้อย การเปิดร้านขายหนังสือ นอกจากจะเป็นหนทางหนึ่งในการประทังชีวิตกับสิ่งที่รักแล้ว มันก็เป็นอีกเรี่ยวแรงหนึ่งในสนับสนุนให้เกิดการอ่านมากขึ้นได้ ไม่มากก็น้อย
อาซิซเล่าว่าในบางคราวกลุ่มนักเรียนก็บริจาคหนังสือเรียนหรือเท็กซ์บุ๊กที่ไม่ใช้แล้วของตนมาให้กับร้านของอาซิซ ทั้งวิชาศาสนา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือภาษาต่าง ๆ ซึ่งอาซิซก็นำมาขายต่อในราคาที่ทุกคนสามารถเอื้อมถึง หรือแม้แต่ส่งต่อให้ฟรี เพื่อไม่ให้หนังสือเพียงไม่กี่เล่ม หยุดใครสักคนจากการมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม…
แม้จะไม่ได้อยู่ในห้องเรียนแล้ว แต่ตัวเขาก็ยังพลิกหน้าหนังสืออ่านในทุก ๆ วัน และยังมุ่งหวังที่จะเติมเต็มบางสิ่งที่ขาดหาย มอบเสรีภาพในการศึกษาผ่านการอ่านของเขาในทุก ๆ วันที่ผ่านไป และสนับสนุนให้ผู้คนทุกคนรักการอ่าน เพราะการอ่านอาจพาเราไปสู่โลกใบใหม่ ได้สัมผัสกับมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม และอาจทำให้เราเห็นโลกใบนี้ในเฉดสีและแง่มุมที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน
“ผมจะอยู่ตรงนี้ไปจนกว่าทุกคนจะสามารถอ่านหนังสือได้ ผมอ่านหนังสือมากว่าสี่พันเล่ม นั่นหมายถึงผมได้ใช้ชีวิตมากว่าสี่พันชีวิตแล้ว ผมว่าทุกคนสมควรได้รับโอกาสนั้น”
ไปหยิบหนังสือจากร้าน ชั้นวาง หรือกองดอง มาอ่านกันครับ…
อ้างอิง
Curly Tales. (n.d.). This 70-YO man in Morocco sits and reads for hours every day at his bookstore in Rabat. Curly Tales.
Morocco World News. (2019, April). Morocco books: Reading and booksellers. Morocco World News.
Natura Selection. (n.d.). Mohamed Aziz: Rabat’s bookseller. Natura Selection.
The Vale Magazine. (2023, November 13). This bookseller has read 4000 books—and he’s not done. The Vale Magazine.