03 มิ.ย. 2568 | 17:00 น.
KEY
POINTS
คุณคิดว่าสายเกินไปไหมหากจะทำตามความฝันวัยเด็กเมื่อ 25 ปีก่อน หรือควรล้มเลิกความปรารถนาเหล่านั้นแล้วเก็บเอาไว้ในใจจนสิ้นลม?
เชื่อว่าหลายคนคงเลือกตัดใจและก้าวต่อไป แต่ไม่ใช่กับ ‘คาร์ล อัลลัมบี้’ (Carl Allamby) ช่างซ่อมรถวัย 47 ปี จากเมืองอีสต์คลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา ที่ไม่เคยล้มเลิกความฝัน แม้เวลาจะล่วงเลยมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วก็ตาม
อัลลัมบี้เกิดและเติบโตในครอบครัวยากจน อยู่ในชุมชนที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม พ่อเป็นพนักงานขายของตามบ้าน ส่วนพี่น้องอีก 5 คน ต้องช่วยกันหาเงินตั้งแต่วัยเด็ก อัลลัมบี้เองก็ไม่เว้น เขาทำงานครั้งแรกในวัย 13 ปี ต่อมาอีก 2 ปี ก็ขยับเข้ามาทำงานล้างจานในร้านอาหารอิตาเลียนท้องถิ่น และได้รับความไว้วางใจจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นพ่อครัวได้ในที่สุด นี่คือกิจวัตรของเด็กหนุ่มที่ทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนไปด้วยจนกลายเป็นเรื่องปกติ
“ผมต้องหาเงินซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน และสิ่งของที่จำเป็นในการเรียนมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นการดิ้นรนที่ผมต้องทำตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่สิ่งของอย่างเดียว แต่ผมต้องหาเงินซื้อข้าวกินเองด้วย”
ในที่สุดอัลลัมบี้ในวัย 19 ปี ก็มีเงินเพียงพอที่จะเปิดอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเอง ก่อนจะขยับขยายจนมีสาขาและธุรกิจต่อเนื่องอย่างรถลากและเต็นท์รถมือสอง การเป็นเจ้าของธุรกิจดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในสายตาคนอื่น แต่เขากลับรู้สึกว่าใจยังว่างเปล่าอยู่ลึก ๆ เพราะนี่คืออาชีพที่เริ่มต้นจากความสิ้นหวัง ไม่ใช่ความฝันของเขาแต่อย่างใด
อันที่จริงก่อนจะเป็นเจ้าของกิจการอย่างเป็นทางการ เขาลงเรียนเพิ่มเติมในวิทยาลัยชุมชน หลักสูตรผู้ประกอบการ เพราะเขารู้ดีว่าการเป็นเจ้าของร้านซ่อมรถยนต์เป็นงานที่ท้าทายไม่น้อย
“ผมเริ่มไปที่วิทยาลัยชุมชนในท้องถิ่น วิทยาลัยชุมชนคูยาโฮกา และเรียนวิชาเกี่ยวกับรถยนต์ตอนกลางคืน”
15 ปีต่อมาเขาอยากจะยกระดับธุรกิจแต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องหาความรู้อย่างหนัก เขาจึงตัดสินใจลงทะเบียนเรียนหลักสูตรภาคค่ำสี่ปี ณ วิทยาลัยอุร์สุลิน (Ursuline College) รัฐโอไฮโออีกครั้งในวัย 34 ปี ช่วงอายุที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่างในชีวิต ทั้งภรรยาและลูก ๆ รวมถึงร้านอีกสองแห่งที่ต้องเติบโตไปให้ไกลกว่านี้
“การกลับไปเรียนเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะผมไม่มีภาระเหมือนสมัยเด็กอีกต่อไป และเมื่อผมอยู่ในห้องเรียนก็สามารถจดจ่อกับบทเรียนได้แบบร้อยเปอร์เซนต์ คำสอนทุกอย่างจึงอยู่ในหัวแบบไม่มีตกหล่น”
และนั่นทำให้ความฝันวัยเด็กของเขาหวนคืนกลับมาในห้วงคำนึงอีกครั้ง ความฝันว่าจะเป็นหมอ อยากอุทิศชีวิตช่วยดูแลคนอื่นให้ได้มากที่สุด และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ หมอ คืออาชีพที่มั่นคง สามารถช่วยดูแลความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาได้ตลอดชีวิต ต่างจากการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ไม่รู้ว่าจะล้มเหลวลงเมื่อใด
“ผมอยากเรียนหมอตั้งแต่เด็ก แต่ที่ที่ผมเกิดและโตมานั้น มีปัจจัยหลายอย่างเหลือเกินที่ทำให้การเป็นหมอของผมดูห่างไกลออกไป
“ตอนที่ผมเรียนอยู่ในห้อง วิชาชีววิทยาเป็นอะไรที่สนุกมาก ผมชอบมัน ไม่ใช่แค่ชอบแต่รักมันตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มเรียนเลยล่ะ”
หลังเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เขาเริ่มเชื่อว่า ‘อาชีพแพทย์’ อาจไม่ใช่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เขากลับไปเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เบื้องต้นอีกครั้งที่วิทยาลัยชุมชน เพื่อทดสอบตัวเอง และเมื่อได้เกรด A ทุกวิชา เขาจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปเรียนหมอ
ในวัย 44 ปี เขาได้เข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัยการแพทย์นอร์ทอีสต์โอไฮโอ (Northeast Ohio Medical University หรือ NEOMED) เป็นโรงเรียนแพทย์ของรัฐในเมืองรูทส์ทาวน์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกาด้วยความสนับสนุนจากภรรยา เพื่อนฝูง และเงินเก็บที่เขาสะสมมาตลอดชีวิต
“ภรรยาผมคือแรงสนับสนุนหลักตั้งแต่วันแรก เธอไม่เคยสงสัยในตัวผมเลยแม้แต่นิดเดียว”
ในชั้นเรียนเขาคือนักเรียนที่อายุมากที่สุดในห้อง เวลาเดินเข้าไปในห้องบางครั้งเพื่อน ๆ ก็มักจะนั่งหลังตรงทันทีที่เห็นเขา ก่อนจะเริ่มทักทายเขาอย่างเป็นทางการ “พวกเขาถามผมว่า ผมเป็นอาจารย์หรือเปล่า และพวกเขาก็จะประหลาดใจทุกครั้งที่บอกว่าผมเป็นนักเรียนแพทย์เหมือนอย่างพวกเขานี่แหละ”
อัลลัมบี้ยอมรับว่าแอบรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปได้ “นักเรียนที่อายุน้อยกว่าผมต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับผมแล้ว ผมกลับมีสมาธิกับบทเรียนมาก เพราะผมรู้วิธีจดจ่อกับบทเรียนที่อยู่ตรงหน้า มันไม่ต่างจากงานที่ผมทำมาตลอด 25 ปี”
ระหว่างเรียนหมอเขายังคงเปิดร้านซ่อมรถทั้งสองแห่ง แต่เมื่อใกล้จะเรียนจบ เขาได้ขายกิจการเหล่านั้นทิ้งเสีย เพราะอยากจะเป็นหมอเต็มเวลา
“ผมรู้ว่าเมื่อผมอยู่ในโรงพยาบาล ผู้คนมักคาดหวังว่าผมจะสามารถดูแลพวกเขาให้กลับมามีสุขภาพดี แต่ผมเจอเรื่องแบบนี้มาเกือบตลอดชีวิต ในอุตสาหกรรมยานยนต์ มันก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่ คนพึ่งพาเราเหมือนตอนที่ผมอยู่ในโรงพยาบาล เพียงแค่เปลี่ยนจากซ่อมรถเป็นซ่อมคน”
แม้ตารางงานจะแน่นขนัดในห้องฉุกเฉิน แต่อัลลัมบี้ก็ยังหาเวลาว่างให้ภรรยาและครอบครัว รวมถึงไปเรียนเต้นด้วยกันกับลูก ๆ อยู่เสมอ
เขาเชื่อว่า ทุกคนสามารถสร้างอนาคตใหม่ได้ หากวางแผนดีพอ และมีคนรอบตัวที่พร้อมเชื่อมั่นในเรา “คุณต้องจัดการชีวิตปัจจุบันให้ได้ ในขณะเดียวกันก็เดินหน้าไปหาความฝัน และถ้าคุณมีความหวัง วางแผนดี และล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่ดี อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง
ภาพ : allamby911/ Instagram
.
#ThePeople #Social #หมอ #ช่างซ่อมรถ #แรงบันดาลใจ
อ้างอิง