13 มิ.ย. 2568 | 17:00 น.
KEY
POINTS
“ฉันรู้ตัวมาตลอดว่าฉันแตกต่าง แต่ฉันรักคุณตาคุณยายมาก ๆ และไม่อยากทำให้ท่านเสียใจ ฉันเลยเลือกที่จะซ่อนตัวเองไว้ เก็บทุกอย่างไว้ในใจ และพยายามตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด”
Plastique Tiara แดร็กควีนชาวเวียดนาม ในวัย 28 ปี มีผู้ติดตามกว่า 11.9 ล้านคน บน TikTok เผยถึงชีวิตวัยเด็ก
คลิปวิดีโอของเธอสร้างปรากฎการณ์คนรับชมคลิปอึ้งจนตาค้าง หลังจากเห็นเธอแต่งชายก็หล่อปานเทพบุตร แต่งหญิงก็สวยราวกับนางฟ้า หรือจะอยู่ในลุคสบาย ๆ ก็ทำให้คนเผลอยิ้มกับความน่ารักของเธอโดยไม่รู้ตัว แต่กว่าจะเธอคนนี้จะมีผู้ติดตามนับสิบล้านคน เธอเองก็เคยผ่านเหตุการณ์ที่ชาว LGBTQ+ หรือเควียร์ทั่วโลกต่างเคยเผชิญ
นั่นคือ การปฏิเสธตัวเอง เพราะเกรงว่าจะไม่ถูกยอมรับ
“ในฐานะผู้อพยพ เราอยากกลมกลืนให้ได้มากที่สุดในสังคมใหม่ พยายามก้มหน้า เดินเร็ว ๆ ไม่อยากเป็นที่รู้จัก”
เธอย้อนความหลังถึงช่วงที่ย้ายจากเวียดนามไปอยู่สหรัฐอเมริกา ดินแดนโลกเสรีที่เด็กวัย 10 ขวบอย่างเธอไม่เข้าใจนัก
แต่ระหว่างไปเที่ยวกับ สตีเฟน แฟนหนุ่มที่คบหากันนาน 3 ปี ก่อนจะตัดสินใจสวมแหวนหมั้นไปเมื่อเดือนมีนาคม 2025 เธอกลับแปลกใจที่เห็นว่าเวียดนามเปลี่ยนไปมาก และวัฒนธรรมแดร็กกำลังเฟื่องฟู
“ตอนนั้นแหละที่ฉันรู้ว่า ‘ว้าว โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวเพื่อเอาตัวรอดอีกต่อไป ฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ และยังได้รับการเฉลิมฉลองอีกด้วย’ ฉันเข้าใจเลยว่าสิ่งที่ฉันทำ มันใหญ่กว่าตัวฉันมาก และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ คนอื่นกล้าเป็นตัวเองและใช้ชีวิตอย่างแท้จริง การที่ฉันเป็นคนเวียดนาม การที่ฉันเป็นคนเอเชีย คือส่วนสำคัญของตัวฉัน และสิ่งที่ฉันทำมันมีความหมายจริง ๆ”
นับแต่นั้น เธอจึงพยายามใส่ความเป็นวัฒนธรรมเวียดนามลงไปในทุกสิ่งที่เธอทำในแดร็ก “ทุกวันนี้ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ฉันพยายามเป็นตัวแทนของบ้านเกิดให้ได้เสมอ”
Plastique Tiara เคยเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ RuPaul’s Drag Race ซีซัน 11 และเข้าร่วมรายการในซีซัน 9 ของ RuPaul’s Drag Race All Stars เพื่อชิงเงินรางวัล 200,000 ดอลลาร์ เงินรางวัลก้อนใหญ่ที่เธอตั้งเป้าไว้ตั้งแต่แรกว่า หากชนะเธอจะมอบให้กับมูลนิธิเพื่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย (The Asian American Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรในสหรัฐฯ ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียม สร้างความเข้าใจ และสนับสนุนชุมชนชาวเอเชียน-อเมริกันในหลากหลายด้าน ทั้งการศึกษา การเป็นตัวแทนในสื่อ และการต่อสู้กับอคติทางเชื้อชาติ
ปัจจุบันไม่ว่า Plastique Tiara จะลงคลิปอะไร เธอก็กลายเป็นไวรัลนับครั้งไม่ถ้วนจากลุคต่าง ๆ แม้แต่นักร้องสาวระดับโลกอย่าง ‘อารีอานนา กรานเด’ (Ariana Grande) ก็เข้ามารีโพสต์คลิปวิดีโอของเธอ แฟนคลับถึงกับหาตัวว่าใครกันทำให้นักร้องสาวชื่นชอบถึงขั้นกดรีโพสต์ให้ในแอคเคาท์ส่วนตัว
ซึ่งศิลปะที่ Plastique Tiara เลือกนำมาเสนอ ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากบ้านเกิดของเธอที่เวียดนาม แม้ว่าช่วงแรกเธอจะมองว่าแดร็กควีนเป็นเพียง ‘โล่กำบัง’ แต่เมื่อได้ลองเข้ามาสู่โลกใบนี้ กลับค้นพบว่านี่ไม่ใช่โล่ แต่คือตัวตนของเธอที่อยากให้คนทั้งโลกเห็น
"เมื่อคุณเป็นแดร็กควีน คุณจะไม่มีอคติใด ๆ คุณไม่เป็นที่รู้จักในชื่อของคุณ หน้าตาของคุณในชีวิตจริงเป็นอย่างไร หรืออาชีพของคุณ คุณเป็นตัวละครที่ไม่มีใครแตะต้องได้"
และแน่นอนว่าบุคลิกนี้ทำให้เธอมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แม้จะไม่แต่งแดร็กควีน เธอเสริมว่า "รูพอล (RuPaul) มักพูดเสมอว่า ‘พลังที่ฉันมีตอนเป็นแดร็กก็คือพลังเดียวกันที่ฉันมีเวลาที่ไม่ได้เป็น’ และคำนี้มีพลังมากสำหรับฉัน พอฉันตระหนักว่าฉันเองก็มีพลังนั้นเหมือนกันไม่ว่าจะอยู่ในแดร็กหรือไม่ มันเหมือนโลกทั้งใบพลิกไปเลย”
แต่ก่อนที่เธอจะกลายเป็น Plastique Tiara ชื่อก้องโลกอย่างในทุกวันนี้ เมื่อก่อนเธอเป็นเพียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าเกย์ หรือเควียร์คืออะไร
เธอใช้ชีวิตในชื่อ ‘ดุก เจิ่น เหงียน’ (Duc Tran Nguyen) มาโดยตลอด หากถามว่าตอนเด็ก ๆ เธอเป็นยังไง เธอมักจะเล่าให้ฟังติดตลกว่า อันที่จริงเธอเป็นแค่เด็กเรียนนั่งอยู่ในห้องเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา เติบโตในครอบครัวเคร่งศาสนา โดยมีคุณตาคุณยายคอยให้ความรักอยู่ไม่ห่าง และเพราะความรักนี้เองทำให้เธอรู้สึกว่า ไม่อยากทำให้พวกท่านเสียใจ การเรียนให้เก่งจึงเป็นหนทางเดียวในการตอบแทนความรักพวกท่าน เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้
“ฉันรักคุณตาคุณยายมาก ๆ และไม่อยากทำให้ท่านเสียใจ ฉันเลยเลือกที่จะซ่อนทุกอย่างเอาไว้ เก็บทุกอย่างไว้ในใจ และจมอยู่กับการเรียน”
เพราะในเวลานั้น แทบไม่มีอิทธิพลจากชุมชน LGBTQ+ ให้เห็นในเวียดนามเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘การเป็นเกย์’ หมายถึงอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีชุมชนเควียร์หรือแดร็กเลย เธอไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าการชอบผู้ชาย ชอบแต่งตัวไม่ตรงอัตลักษณ์ทางเพศจะสร้างความเจ็บปวดให้ครอบครัวถึงเพียงนี้ จนกระทั่งเธอย้ายมาอยู่สหรัฐฯ ตอนอายุ 10 ขวบ
“พอฉันรู้ว่าฉันมีพลังแบบเดียวกันทั้งตอนแต่งแดร็กและไม่ได้แต่ง มันเหมือนโลกทั้งใบสั่นสะเทือนเลย”
นั่นคือช่วงที่เธอค้นพบรายการ RuPaul’s Drag Race และจากนั้น Plastique Tiara ก็ถือกำเนิดขึ้น
“ฉันดูรายการทางช่อง Logo ทุกสัปดาห์ตอน 5 ทุ่ม ตอนที่แม่หลับแล้ว มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่า ‘เฮ้ย การที่ฉันเป็นแบบนี้มันก็โอเคนะ’ แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเลย”
เมื่ออายุ 18 เธอเริ่มประกวดแดร็กในบาร์เล็ก ๆ ที่ดัลลัส และตอนอายุ 21 เธอก็ออดิชันจนได้เข้าร่วมการแข่งขันในซีซัน 11 ของ RuPaul’s Drag Race แม้จะตกรอบค่อนข้างเร็ว แต่ชื่อเสียงของเธอบนโซเชียลก็พุ่งทะยาน
เมื่อได้กลับไปเวียดนามเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี หลังโควิดผ่านพ้นไป หลายคนในชุมชนชาวเอเชียน-อเมริกันเคยเล่าถึงประสบการณ์ ‘ตื่นรู้’ ว่าตนเองมีรากเหง้าและมีคุณค่า หลังจากเคยหลีกหนีสิ่งเหล่านั้นมานาน สำหรับ Plastique Tiara มันเหมือนกับฉากแปลงร่างใน Sailor Moon เลยทีเดียว
Plastique Tiara รู้ดีถึงพลังของแดร็กที่สามารถท้าทายกรอบเพศแบบเดิม ๆ และทำให้ชุมชน LGBTQ+ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่มีพื้นที่และตัวแทนที่มองเห็นได้ชัดเจน แต่ในชีวิตของเธอเอง แดร็กยังช่วยเชื่อมโยงกับครอบครัวด้วย
“ตอนฉันพยายามจะออกมาเปิดเผยตัวตน มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังเลย
“พอฉันอายุ 18–19 ฉันก็ออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ติดต่อครอบครัวอีก จนกว่าฉันจะสร้างชื่อให้ตัวเองได้ ตอนนั้นแหละที่พวกเขาเริ่มเข้าใจว่า สิ่งที่ฉันเป็น ไม่ใช่เพราะฉันเลือก แต่เพราะฉันถูกสร้างมาแบบนี้”
วันนี้ ครอบครัวของเธอเริ่มเข้าใจในตัวเธอ และเห็นคุณค่าความสำเร็จที่เธอสร้าง
“ความสัมพันธ์ของฉันกับครอบครัวเกือบจะดีขึ้นเต็มที่แล้วก็เพราะแดร็กนี่แหละ มีรอบนึงฉันชนะการแข่ง ยายก็ส่งข้อความมาหาเลยว่า ‘เห็นหนูชนะในรายการด้วย ยินดีด้วยนะ!’ การที่ครอบครัวภูมิใจในตัวฉันที่ทำแดร็ก เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ”
นั่นแหละคือความงดงามของความหลากหลาย มันสามารถทำให้ผู้คนทั่วโลก แม้แต่คนในครอบครัวของคุณเอง เข้าใจตัวคุณและตัวตนของคุณได้ดียิ่งขึ้น สำหรับ Plastique Tiara แล้วการที่เธอสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ มันคือโลกทั้งใบ โลกที่พร้อมทลายอคติทางเพศและโอมรับตัวตนของเธอ ไม่ว่าจะแต่งเป็นชายหรือหญิงก็ตาม
ส่วนในชีวิตรักของเธอก็มีความสุขไม่แพ้กัน เพราะหลังจากเจอกับแฟนหนุ่มเมื่อ 3 ปีก่อน ผ่านแอปพลิเคชัน Tinder วันเวลานับจากนั้นก็กลายเป็นของขวัญสุดพิเศษที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกเลย “คืนแรกที่เราเจอกัน ฉันจำได้ว่าเราคุยกันจนพระอาทิตย์ขึ้น ฉันคิดในใจ นี่แหละคือบ้าน และฉันเจอคนของฉันแล้ว
“ฉันรู้สึกว่าเขามีพลังบางอย่างที่ทำให้ฉันสบายใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันมักจะทำให้คนอื่นรู้สึก แต่เขาทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นกลับมา เราค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่แค่ในฐานะคู่รัก แต่เป็นคนสองคนที่เติบโตเคียงข้างกัน และที่สำคัญตายายก็รักสตีเฟน”
เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง
ภาพ : PlastiqueTiara /TikTok
อ้างอิง
How Drag Helped Plastique Tiara Reconnect With Her Vietnamese Family
Our Love Story | Plastique’s Engaged, Vietnam Trip, Pitstop & The Proposal 🤍