ซูมิโกะ อิวามุโระ : คุณยายขายเกี๊ยวซ่า ผู้ค้นพบความสุขจากการเป็นดีเจในช่วงบั้นปลายชีวิต

ซูมิโกะ อิวามุโระ : คุณยายขายเกี๊ยวซ่า ผู้ค้นพบความสุขจากการเป็นดีเจในช่วงบั้นปลายชีวิต

คุณยาย ‘ซูมิโกะ อิวามุโระ’ (Sumiko Iwamuro) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ดีเจ ‘ซูมิร็อก’ หญิงสูงวัยที่เข้าเรียนในโรงเรียนดีเจตอนอายุ 77 ปี ผู้เป็นต้นแบบของคำว่า ความฝันกับอายุนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

  • ‘ซูมิโกะ อิวามุโระ’ คุณยายที่ผ่านภาวะสงคราม การสูญเสียคนรัก จนค้นพบอาชีพใหม่ในวัยชราอย่างการเป็นดีเจ
  • เพราะพจนานุกรมของคุณยายไม่มีคำว่า ‘แก่เกินเรียน’ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเข้าเรียนในโรงเรียนสอนดีเจตอนอายุ 77 ปี
  • แม้ว่าการเรียนรู้สิ่งใหม่ในวัยชราของซูมิโกะอาจจะขรุขระไปบ้าง แต่เธอบอกว่าชีวิตสั้นเกินกว่าจะมาคอยกังวล เมื่อเจอสิ่งที่อยากทำแล้ว จงเดินหน้าต่อไปตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

ความฝันของแต่ละคนคืออะไร? เราเชื่อว่าทุกคนต่างมีความฝันที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย บางคนอาจประสบความสำเร็จเมื่ออายุล่วงเลยเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยชราแล้ว

ขณะที่บางคนอาจล้มเลิกความฝันไปกลางคัน บางคนอาจค้นพบความฝันใหม่ในวันที่อายุกำลังมากขึ้นทุกที จนเกิดความรู้สึกลังเลว่า จะเอาอย่างไรดี อายุมากแล้ว ทุกคนอาจลืมคิดไปว่า ความฝัน นิยามความสำเร็จหรือเงื่อนไขในชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป

อย่าได้รีบหมดหวังหากเห็นคนที่อายุยังน้อยเข้าเส้นชัยไปก่อน แล้วพอมองย้อนกลับมาพบว่า ตัวเองยังคงเดินอยู่บนเส้นทางที่ดูยาวไกล หรือกำลังสับสนอยู่ว่ากำลังจะไปเส้นทางไหนดี

ยังมีคุณยายวัย 89 ปี จากแดนอาทิตย์อุทัยคนหนึ่ง ที่ค้นพบอาชีพดีเจตอนบั้นปลายชีวิต เธอไม่ได้เป็นดีเจตั้งแต่ยังสาวแล้วไม่ยอมเกษียณแต่อย่างใด แต่เธอเพิ่งเริ่มฝึกปรือวิชาตอนอายุ 77 ปี และต่อไปนี้คือเรื่องราวของคุณยายที่ไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่อยากทำร่วงโรยไปตามอายุ

ซูมิโกะ อิวามุโระ : คุณยายขายเกี๊ยวซ่า ผู้ค้นพบความสุขจากการเป็นดีเจในช่วงบั้นปลายชีวิต สงครามสร้างตัวตนหญิงสาว

‘ซูมิโกะ อิวามุโระ’ (Sumiko Iwamuro) หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ ดีเจ ‘ซูมิร็อก’ (Sumirock) เธอเกิดเมื่อปี 1935 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในฐานะลูกสาวของ ‘ทาโนชิ อิวามุโระ’ (Tanoshi Iwamuro) อดีตมือกลองของวงดนตรีเพลงแจ๊ส

เด็กน้อยซูมิโกะโชคไม่ดีนักที่เกิดมาเพียงไม่กี่ปีก็ต้องเผชิญกับภาวะสงคราม เธอเล่าว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นก่อนเธอจะเข้าเรียนชั้นประถมฯ เสียด้วยซ้ำ

“ก่อนหน้านั้นคุณยายมักจะซื้อเสื้อผ้าให้ฉัน แต่เมื่อสงครามเกิดขึ้น เสื้อผ้าทั้งหมดก็คุณภาพต่ำลง เนื้อสัมผัสแข็งกระด้าง แถมยังมีดีไซน์ที่ดูไม่จืดอีกต่างหาก จากกระเป๋าหนังเกรดดี ก็กลายเป็นกระเป๋าลังแข็ง ๆ มันจึงขาดรุ่งริ่งภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนในที่สุดบ้านของฉันก็ถูกระเบิดจากการโจมตีทางอากาศ”

สงครามเปลี่ยนโลกทั้งใบของซูมิโกะภายในพริบตา เธอและครอบครัวต้องระหกระเหินหนีสงคราม แต่โชคยังดีที่ครอบครัวเธอได้พบกับหญิงสาวใจดีที่ให้ที่พักแก่ครอบครัวเธอ ซูมิโกะเล่าว่า เธอต้องเก็บอาหารเช้าไว้ภายใต้หลุมหลบภัย จากนั้นก็โกยเอาดินแถวนั้นมาปกคลุมไว้ บางทีก็เก็บผักที่คนเหยียบย่ำแล้วมาล้างให้สะอาดเพื่อต้มซุปประทังชีวิต

นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเธอแล้ว อาชีพนักดนตรีของพ่อซูมิโกะเรียกได้ว่าจากรุ่งก็กลายเป็นร่วง เนื่องจากในช่วงสงคราม พ่อของซูมิโกะไม่สามารถเดินทางไปเล่นดนตรีในต่างประเทศได้ ทำให้ช่วงเวลาที่พ่อเงียบหายไป มีนักดนตรีรุ่นใหม่ไฟแรงเกิดขึ้นมากมาย พ่อของซูมิโกะจึงตัดสินใจหลีกทางให้กับนักดนตรีหน้าใหม่เหล่านั้น

เมื่อถึงคราวที่สงครามสิ้นสุดลง ในปี 1954 พ่อของซูมิโกะก็ตัดสินใจหันมาเอาดีด้านอาหาร โดยเปิดร้านเกี๊ยวซ่าชื่อว่า ‘โซมูโระ’ ซูมิโกะเล่าว่า

“ก่อนสงครามพ่อฉันเดินทางไปแสดงดนตรีที่ต่างประเทศ และกินอาหารอร่อยจากทั่วทุกมุมโลก เกี๊ยวซ่าเราเลยมีเครื่องเทศ 5 ชนิด (พริกไทยเสฉวน, อบเชย, โป๊ยกั๊ก, กานพลู และเทียนข้าวเปลือก) ที่ยังคงเป็นส่วนผสมดั้งเดิม ซอสก็ยังเสิร์ฟพร้อมน้ำส้มสายชูและซีอิ๊ว ผสมกับมัสตาร์ดและน้ำมันพริก” 

ทำให้เกี๊ยวซ่าร้านโซมูโระ กลายเป็นรสชาติที่ไม่สามารถหาชิมได้จากที่อื่น จนสามารถเรียกลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ ๆ ให้แวะเวียนมาได้เสมอตั้งแต่รุ่นพ่อจวบจนรุ่นลูก

ซูมิโกะ อิวามุโระ : คุณยายขายเกี๊ยวซ่า ผู้ค้นพบความสุขจากการเป็นดีเจในช่วงบั้นปลายชีวิต ปลายทางของความรักอาจไม่ใช่การแต่งงาน

ซูมิโกะถูกเลี้ยงดูมาด้วยความคิดหัวโบราณที่ว่า ‘สิ่งดีที่สุดของผู้หญิงไม่ใช่การทำงาน แต่คือการแต่งงาน’ แต่ซูมิโกะไม่คิดเช่นนั้น เธอเคยอ่านนวนิยายเรื่อง ‘Forty-Eight-Year-Old Resistance’ ของ ‘ทัตสึโซ อิชิกาวะ’ (Tatsuzo Ishikawa) ว่า ‘การแต่งงานคือการกลายเป็นสาวใช้ที่มีชีวิตวนเวียนอยู่กับเซ็กซ์’ เธอจึงตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ว่า ตัวเองจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด

แต่ไม่ได้แปลว่า ซูมิโกะรังเกียจความรักแต่อย่างใด เพราะเธอคิดว่า ความรักเป็นสิ่งสำคัญ และคงน่าเสียดายแย่ ที่จะแก่ตัวไปโดยไม่ตกหลุมรัก

จนซูมิโกะก้าวเข้าสู่วัย 22 ปี ความรักของเธอก็เดินทางมาถึง คู่ชีวิตของซูมิโกะเป็นชายชาวจีนที่แก่กว่าเธอถึง 25 ปี ซูมิโกะประทับใจในตัวชายคนนี้มาก เนื่องจากสามีในอนาคตมีค่านิยมเดียวกับเธอว่า ไม่ต้องการงานแต่งงาน แม้ว่าท้ายที่สุดปัญหาขั้นตอนเกี่ยวกับเอกสาร จะทำให้พวกเขาตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกันก็ตาม ซูมิโกะลั่นระฆังวิวาห์ตอนที่เธออายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเธอเล่าว่าจำตัวเลขได้ไม่แม่นนัก เพราะสำหรับเธอแล้วการแต่งงานและอายุไม่สำคัญเลย

ชีวิตคือการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ

ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่น ซูมิโกะวาดฝันอยากเป็นสาวออฟฟิศในบริษัทต่างชาติ เหตุนี้เธอจึงเรียนรู้การสนทนาภาษาอังกฤษและพิมพ์ดีด สุดท้ายการเรียนรู้ของเธอก็ไม่สูญเปล่า

ซูมิโกะได้ทำงานที่บริษัทการค้า ผ่านการแนะนำของคนรู้จัก ซึ่งตอนนั้นร้านเกี๊ยวซ่าซามูโระของพ่อก็กำลังประสบปัญหาคนงานไม่เพียงพอ ซูมิโกะจึงต้องทำงานบริษัทในตอนกลางวัน และช่วยงานร้านเกี๊ยวซ่าในตอนกลางคืน 

จากนั้นเธอก็ลาออกจากงานออฟฟิศ มาทำงานร้านเกี๊ยวซ่ากับน้องชายอย่างเต็มตัว เธอใช้เวลาอยู่ในร้านตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน ดังนั้นซูมิโกะจึงไม่มีเวลาออกไปข้างนอกหลังจากตะวันลับขอบฟ้าเลย

เรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นก่อนที่ซูมิโกะจะอายุ 60 ปี เธอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เพราะการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสามี สิ่งแรกที่เธอตัดสินใจทำหลังจากนั้นคือ ใบขับขี่ และจัดทริปเที่ยว การเดินทางครั้งแรกคนเดียวของซูมิโกะมีปลายทางอยู่ที่นิวยอร์ก เธอใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ไปกับการท่องเที่ยวเพื่อเยียวยาตัวเอง

จนเวลาพาให้ซูมิโกะรู้จักเพื่อนชาวฝรั่งเศสอย่าง ‘อาเดรียน’ (Adrien) ผู้ที่จุดประกายความฝันครั้งใหม่ให้กับเธอ เริ่มต้นจากอาเดรียนบอกซูมิโกะว่า เขาอยากจัดปาร์ตี้ จึงไหว้วานให้เธอช่วยเช่าร้านให้ ได้ยินดังนั้นซูมิโกะก็จัดปาร์ตี้ขึ้นในร้าน และเมื่อมีปาร์ตี้ครั้งแรก ครั้งต่อ ๆ ไปย่อมตามมา ซูมิโกะเริ่มถูกชักชวนให้ไปเที่ยวคลับย่านชิบูย่าและฮาราจูกุ 

กลายเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพใหม่ในวัยชรา เมื่อดีเจถามเธอว่า ‘ทําไมไม่ลองสแครชแผ่นดูล่ะซูมิโกะ’ เธอเล่าอย่างติดตลกว่า นั่นคือครั้งแรกที่เธอได้สแครชแผ่น และเธอรู้สึกเหมือนลิงที่กำลังหมุนจานอยู่เลย ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนตัดสินใจเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนดีเจอย่างจริงจัง ในวัย 77 ปี

รื้อฟื้นดนตรีที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ

ความจริงซูมิโกะไม่ได้เพิ่งหลงรักดนตรีในตอนที่เธอล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา ดนตรีอยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิด แต่ด้วยโชคชะตา และจังหวะชีวิตที่เธอเห็นพ่อเผชิญความยากลำบากเรื่องดนตรี ทำให้อาชีพในวงการเพลงไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลย

ส่วนผู้เป็นพ่อเองก็ไม่คิดที่จะสนับสนุนให้ลูก ๆ เล่นดนตรี เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาทำเขาให้รู้สึกว่า อาชีพนักดนตรีไม่มีความมั่นคงเอาเสียเลย

รวมถึงเหตุการณ์วัยเด็กขณะที่เธอเล่นเปียโน ซูมิโกะเล่าว่าตอนที่เล่นเปียโนอยู่มีเพียงสายตาที่ว่างเปล่าจากคนรอบข้าง ไม่มีใครรู้เลยว่า เป็นเพราะฝีมือที่ยังไม่ถึงขั้น หรือยุคสงครามที่ทุกคนมองว่าดนตรีแจ๊สนั้นเป็นของชาติศัตรู 

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นส่งผลให้ซูมิโกะเก็บดนตรีไว้ใต้ส่วนลึกของหัวใจ แต่เสียงเพลงก็ไม่เคยจางหายไปจากเธอ และมือที่เอื้อมไปแตะแผ่นเสียงในวันนั้นเรียกเอาความรัก ความฝันในดนตรีที่ซูมิโกะเก็บซ่อนไว้กลับคืนมา

แม้ว่าจะชอบเพียงใด แต่การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่นั้นยากเสมอ ซูมิโกะเล่าว่า เธอใช้เวลาเล่าเรียนถึง 3 ปีกว่าจะเข้าที่เข้าทาง ตั้งแต่นั้นมาซูมิโกะก็ทำงานเป็นดีเจไปพร้อมกับทำงานร้านเกี๊ยวซ่า เธอแสดงประจำอยู่ที่คลับ Decabar Z ย่านชินจูกุ รวมถึงเคยมีโอกาสไปคลับในปารีสและนิวซีแลนด์อีกด้วย 

ซูมิโกะ อิวามุโระ : คุณยายขายเกี๊ยวซ่า ผู้ค้นพบความสุขจากการเป็นดีเจในช่วงบั้นปลายชีวิต ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวพอจะมานั่งกังวล

ซูมิโกะเล่าว่า งานดีเจของเธอพบเจอกับอุปสรรคบ้างบางครั้ง อย่างเหตุการณ์ที่อยู่ดี ๆ เพลงก็หยุดลงเสียดื้อ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอผ่านมาได้คือการช่วยเหลือจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาช่วยแก้ไขที่ตัวเครื่อง หรือเสียงเชียร์ที่ตะโกนว่า ซูมิโกะ! ดีเจซูมิร็อก! ทำให้เธอผ่านเหตุการณ์ติดขัดมาได้

และอีกหนึ่งสิ่งที่เธอยึดมั่นคือ อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดบั่นทอนกำลังใจ ดังนั้นเวลาที่ความผิดพลาดเกิดขึ้น เธอเพียงยอมรับและบอกตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร’

นอกจากนี้ยังมีบางคนถามเธอว่า การทำอาหารกับการเป็นดีเจ สิ่งไหนคือตัวตนของเธอมากกว่ากัน ซูมิโกะบอกว่า

“ทั้งสองอย่างเป็นตัวฉัน เมื่อฉันทำอาหารฉันมีความสุขเมื่อลูกค้าบอกว่ามันอร่อย และเมื่อฉันทำหน้าที่ดีเจ ฉันมีความสุขที่ได้เห็นทุกคนเต้นอย่างมีความสุข”

เธอยังบอกอีกว่า ชีวิตสั้นเกินกว่าที่จะต้องมากังวลเรื่องอายุ ดังนั้นหากคุณต้องการทำอะไรก็ลงมือทำมันเลย ถ้าสิ่งนั้นไม่ผิดกฎหมายและสร้างความเดือดร้อนให้กับใครก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ทำ

สุดท้ายเรื่องราวของซูมิโกะทำให้เราเห็นว่า ความฝันไม่จำเป็นต้องมีเพียงหนึ่งเดียว เราสามารถค้นพบความฝันได้ตลอดเวลาที่หายใจอยู่ หากช่วงเวลาที่ไล่ตามความฝันมีเหตุการณ์ไม่ราบรื่น อยากให้ทุกคนบอกกับตัวเองแบบคุณยายซูมิโกะว่า ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง ก็ไม่เป็นไร 

ขอให้ทุกคนค้นพบความฝัน หรือสิ่งที่อยากทำได้ตลอดช่วงชีวิต โดยไม่ถูกตีกรอบด้วยอายุ และค่านิยมทางสังคม 

 

เรื่อง : นิภาภรณ์ แพงจำปา (The People Junior)

ภาพ : ซูมิโกะ อิวามุโระ/ Instagram

 

อ้างอิง :

アジア最高齢の女性DJがすごい! 「結婚はしない。子どももいらない。やりたいことをやる」我が道を生きた81年/餃子壮ムロ店主・DJ SUMIROCK - Woman type[ウーマンタイプ] | 女の転職type (woman-type.jp)

最高齢DJおばあちゃん(87歳)が語る幸福論「軽い幸せが日常の中にたくさんある」 | 日刊SPA! (nikkan-spa.jp)

Rocking the floor at 83: This Japanese woman is now the world's oldest professional club DJ | Guinness World Records

What DJ SumiRock shares on authentic communication (mattainsley.com)