30 มี.ค. 2564 | 14:15 น.

พัทธนันท์ อัศวรางกูร ชายผู้นำชีวิตออกไปผจญโลกกว้าง ด้วยการจัดการงาน ความรัก และความฝัน อย่างลงตัว Make Life A Ride #Stories

“มีคำพูดคำพูดหนึ่งที่ว่า trail running เป็นการพาร่างกายไปในที่ไม่เคยไป แล้วก็พาจิตใจไปในที่ไม่เคยหยั่งถึง หลายคนบอกว่าวิ่งเทรลเหมือนได้ไปคุยกับพระเจ้า แต่จริง ๆ แล้ว คือการได้คุยกับจิตใจตัวเอง” นี่เป็นสิ่งที่ เก้ง-พัทธนันท์ อัศวรางกูร ได้ค้นพบระหว่างที่กำลังวิ่งข้ามวัน ข้ามคืน ลัดเลาะไต่ไปตามเส้นทางป่าทางภาคเหนือ ในรายการวิ่งอัลตราเทรล หนึ่งในกีฬาที่เขาโปรดปราน เพราะโดยพื้นฐานเขาเป็นคนชื่นชอบธรรมชาติ รักการผจญภัย และความท้าทายในการข้ามขีดจำกัดของตัวเอง

นอกจากวิ่งอัลตราเทรล ชายหนุ่มคนนี้ผ่านกีฬาสุดโหดมาแล้วมากมาย ตั้งแต่การวิ่งมาราธอนทางเรียบ การปั่นจักรยานทั้งเสือหมอบเสือภูเขา การดำน้ำ ปีนเขา ไปจนถึงไตรกีฬา ถ้าดูจากรายการกีฬาแล้วหลายคนอาจคิดว่า ผู้ชายคนนี้เป็นนักกีฬามืออาชีพ แต่ความจริง ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังควบตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้า ที่คอยดูแลลูกไปพร้อมกันอีกด้วย “ผมได้ยินคนพูดเสมอว่าไม่มีเวลาหรอก แต่ต้องยอมรับว่าทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด จริง ๆ แล้วผมเป็นพนักงานประจำ เข้างานแปดโมงครึ่งเลิกห้าโมงเหมือนหลายคน กลับบ้านใช้เวลาอยู่กับลูกตอนเย็นถึงเกือบสองทุ่มส่งเขาเข้านอน สำหรับผมคือโฟกัสทั้งเรื่องงาน ทั้งในฐานะหัวหน้าครอบครัว ในฐานะคุณพ่อของลูก และพยายามแบ่งเวลาให้กับความชอบในชีวิต”

วิธีการแบ่งเวลาในแบบของเก้งคือ การปั่นจักรยานบนเทรนเนอร์ที่บ้าน หรือออกไปวิ่งรอบ ๆ บ้านในช่วงเวลาที่ลูกหลับ หรือการเข้ายิมแถวออฟฟิศก่อนเริ่มต้นทำงานในแต่ละวัน ซึ่งการเก็บเล็กผสมน้อยแบบนี้ ช่วยฝึกฝนร่างกายจนทำให้เขาสามารถไป “BMW Berlin Marathon” ได้ในที่สุด “ก่อนไป BMW Berlin Marathon ก็จะซ้อมวิ่งตามสวนสาธารณะช่วง เสาร์ อาทิตย์ แล้ววิ่งสิบกิโลหลังลูกเข้านอน พอเช้าก็ตื่นไปส่งลูกสาวตอนหกโมงครึ่ง แล้วเข้ายิมต่อถึงแปดโมงเช้า เสร็จอาบน้ำทำงานต่อเลย”

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เก้งมีวินัยในการฝึกซ้อมอย่างเคร่ดครัด โดยที่ยังสามารถบริหารแบ่งเวลาให้กับบทบาทต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างสมดุลนั้น อาจมาจากเสียงเรียกร้องภายในจิตใจของเขาที่อยากท้าทายตัวเองแล้วออกไปผจญโลกกว้างอย่างมีอิสระ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปที่หมวกกันน็อคใบหนึ่ง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว “ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ผมซื้อหมวกกันน็อคมาวางไว้ที่บ้านก่อน เพราะอยากจะเริ่มขี่มอเตอร์ไซค์ ผมซื้อหมวกให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นแล้วถามว่าซื้อหมวกกันน็อคมาทำไม เพื่อผมจะได้ตอบว่า อยากขี่มอเตอร์ไซค์แต่ให้เขามั่นใจว่าผมไม่ได้ไปซิ่ง ผมรู้จักดูแลตัวเองไม่ให้เขาเป็นห่วง”

มอเตอร์ไซค์กับผู้ชายเป็นของที่เข้าคู่กันอย่างลงตัว ไม่แปลกที่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้อยากได้มอเตอร์ไซค์คู่ใจสักคัน ด้วยการแบ่งจากเงินเดือน 3-4 เดือนแรก มาซื้อมอเตอร์ไซค์เอง เพราะนอกจากเรื่องความเท่แล้วสิ่งหนึ่งที่ได้จากการขับขี่มอเตอร์ไซค์นั่นคือ “ความอิสระ” “คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยากที่จะมีอิสระ เราสามารถที่จะไปไหนมาไหนของเราได้อย่างที่มีอิสระ ไม่เหมือนความรู้สึกของรถยนต์ที่มีห้องโดยสารมาล้อมกรอบเราไว้ การที่เราสามารถมองเเห็นท้องฟ้า สัมผัสลมปะทะหน้า ตรงนี้มันเป็นอิสระที่มีคนเคยพูดไว้ว่า ความรู้สึกลมปะทะหน้านอกจากคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์แล้ว มีแต่สุนัขที่ชะโงกออกนอกหน้าต่างเท่านั้นแหละที่เข้าใจอิสระแบบนี้” ชายหนุ่มน้ำเสียงนุ่ม หัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับการเปรียบเทียบที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หลังจากสะสมประสบการณ์ในการขี่มอเตอร์ไซค์มามากกว่าสองทศวรรษ เขาได้มาลงตัวกับ การขี่แบบทัวร์ริ่งโดยมีสองล้อคันโปรดคือ “BMW F 650 GS Dakar” ที่พาเขาออกไปสัมผัสโลกกว้างในทุกเส้นทางได้อย่างมีอิสระ ตั้งแต่ทริปขี่ข้ามประเทศจุดหมายปลายทางไกลถึงเวียดนาม ระยะเวลากว่า 2 อาทิตย์ ไปจนถึงการแบกสองล้อคู่ใจขึ้นรถไฟไปสตาร์ทเครื่องอีกทีที่จังหวัดแพร่ ซึ่งเขาให้เหตุผลที่เลือกมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นคันโปรดเพราะ BMW มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งในเรื่องมอเตอร์ไซค์สายทัวร์ริ่งท่องเที่ยว ที่สามารถออกแบบพัฒนารุ่น GS ให้ตอบโจทย์นักขี่ได้อย่างดีมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องช่วงล่างที่นิ่มนวล การขับขี่ที่คล่องตัว ทั้งในรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยเพลา หรือด้วยโซ่ ก็มีการทำงานที่ราบรื่นไม่แพ้กัน ทำให้ BMW GS เป็นที่หนึ่งในใจของนักขี่สายทัวร์ริ่งทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าเก้งก็เป็นหนึ่งในนั้น

นอกจากมอเตอร์ไซค์จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ชายคนหนึ่งอยากออกไปผจญโลกกว้างอย่างมีอิสระ จนพัฒนาไปสู่การเล่นกีฬาสุดขั้วต่าง ๆ มากมาย เพื่อท้าทายพิสูจน์ตัวเองในการเดินทางไปสู่ขีดจำกัดของร่างกายและจิตใจแล้ว มอเตอร์ไซค์ยังสอนให้เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองอีกด้วย “สำคัญที่สุดสำหรับมอเตอร์ไซค์คือเรื่องความปลอดภัย อย่าให้คนอื่นเป็นห่วง เราต้องให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ มีการเข้าคอร์สฝึกฝนการขับขี่อย่างถูกวิธี รวมไปถึงทัศนคติในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ คนขี่มอเตอร์ไซค์ คนขี่บิ๊กไบท์ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการขับขี่ ไม่เป็นอันธพาลหรือขี่เป็นเจ้าถนน ควรขับขี่เป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะเราแค่ต้องการขี่ไปเที่ยวเท่านั้น”

ถ้าไม่นับเรื่องมอเตอร์ไซค์และการเล่นกีฬา การวิ่งอัลตราเทรล ที่เขาดูมีความกระตือรือร้นตลอดเวลาที่พูดคุยกัน อีกสิ่งที่เราสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ายิ้มมีความสุขนั้นก็คือเด็กตัวเล็ก ๆ ที่คอยเข้ามาวนเวียนอยู่ไม่ห่าง “ผมรู้สึกว่าอยากพาตัวเองออกไปเห็นโลกกว้าง ชีวิตหนึ่งเกิดมาแล้วก็พยายามลองทุกอย่าง แล้วก็อยากส่งต่อความรู้สึกนี้ไปให้ลูกสาวลูกชายด้วย ให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ โลกนี้มันกว้างใหญ่ เขาไม่ควรหยุดอยู่แค่ตรงนี้ อยากให้พวกเขาออกไปเห็นโลกกว้างเหมือนผมบ้าง”

ติดตามเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจของเหล่าผู้คนที่ขับเคลื่อนชีวิตความแรงฝันต่อได้ในซีรีส์ Make Life A Ride #Stories

แท็กที่เกี่ยวข้อง