read
social
22 ส.ค. 2562 | 16:34 น.
"หวง หย่ง ฟู่" ทหารผ่านศึกเฒ่า ผู้ใช้สีและพู่กันปกป้องหมู่บ้านที่กำลังจะถูกทำลาย
Play
Loading...
สมมติว่าวันหนึ่งบ้านเรือนที่เราใช้อยู่อาศัยหลับนอนมาตลอดหลายสิบปีกำลังจะถูกรื้อถอนทุบทำลาย เราจะเลือกทางไหน ระหว่างแบมือรอรับเงินชดเชยอันน้อยนิด เลือกย้ายไปอยู่บ้านใหม่ที่จัดไว้ให้ หรือลุกขึ้นมาหยิบพู่กันใช้เป็นอาวุธต่อสู้ และเตรียมจากไปพร้อมกับบ้านหลังสุดท้ายนี้
สำหรับ
“หวง หย่ง ฟู่” (黃永阜)
ชายชราอายุเกือบ 100 ปี อดีตทหารอาสาที่เคยผ่านสงครามมาแล้วหลายสมรภูมิ เขาตัดสินใจตื่นตั้งแต่ตีสามเกือบทุกเช้า อาศัยเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟถนน บรรจงจรดปลายพู่กันแต้มสีสดบนผนังปูนของหมู่บ้านที่กำลังจะถูกทิ้งร้าง เพื่อปกป้องไม่ให้ที่นี่ถูกทำลายจนเลือนหายไปตลอดกาล
เดิมหมู่บ้านแห่งนี้เป็นบ้านพักชั่วคราวของเหล่าทหารผ่านศึกที่พ่ายแพ้สงครามจากแผ่นดินใหญ่มาตั้งรกรากในเกาะไต้หวัน ตามจอมทัพ เจียง ไคเชก ประธานาธิบดี และผู้ก่อตั้งไต้หวัน ในช่วงรุ่งเรืองหมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 1,200 ครอบครัว ทำให้จากบ้านพักชั่วคราวแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่พำนักถาวรของใครหลายคน หนึ่งในนั้นคือคุณปู่ หวง หย่ง ฟู่ ที่ยึดเอาบ้านชั่วคราวหลังนี้เป็นบ้านหลังสุดท้ายของชีวิต
คุณปู่ หวง หย่ง ฟู่ เกิดเมื่อปี 1924 ในเมืองไทซาน มณฑลกวางตุ้ง เริ่มหัดจับปืนยาวตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายอายุไม่ถึง 15 ปี ในปี 1937 เขาออกเดินทางจากบ้านเกิดเข้าร่วมเป็นทหารอาสาในสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ภายหลังด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้เขาซึ่งสังกัดฝ่ายพรรคก๊กมินตั๋ง ต้องหันกระบอกปืนมาสู้รบกับคนจีนด้วยกันเอง
โชคร้ายที่ฝ่ายชนะคือพรรคคอมมิวนิสต์ของ เหมา เจ๋อตุง ในปี 1949 หลังการพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋ง เขากับเหล่าทหารและครอบครัวอีกกว่า 2 ล้านคน จำเป็นต้องหนีข้ามทะเลไปยังเกาะไต้หวัน ซึ่งในปี 1958 ช่วงวิกฤตการณ์ช่องแคบฟอร์โมซา ครั้งที่สอง หวง หย่ง ฟู่ ที่ประจำกองทัพอากาศ ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ และเข้ารับการรักษาตัว จนหายแล้วออกมาทำงานด้านเอกสาร จนกระทั่งปลดประจำการในปี 1979
ปีเดียวกันพี่น้องของเขาที่อาศัยอยู่ที่เกาะฮ่องกงได้ส่งเงินมาให้ 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งเขานำเงินนี้ไปรวมกับเงินที่เก็บหอมรอมริบมานาน เพื่อไปซื้อบ้านพักยามเกษียณในหมู่บ้านทหารผ่านศึก ชานเมืองไถจง
ในปี 2010 หมู่บ้านนี้เกือบร้างไร้ผู้คน เพราะคนรุ่นเก่าที่เริ่มล้มหาย อีกทั้งคนรุ่นใหม่ที่ทยอยย้ายออก เหลือเพียงแค่ 11 หลังที่ยังคงมีลมหายใจของผู้คนอาศัย อย่างเช่นบ้านขนาดสองห้องนอน ที่คุณปู่ หวง หย่ง ฟู่ ใช้เป็นที่พำนักมานานกว่า 30 ปี ซึ่งเพิ่งได้รับจดหมายแจ้งจากทางการเพื่อขอคืนพื้นที่
“พวกเราได้จดหมายจากทางการว่าจะทำการรื้อถอนหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อพัฒนาพื้นที่ พวกเขาให้เราเลือกว่าจะเอาเป็นเงินชดเชย หรือรับสิทธิ์ย้ายไปบ้านหลังใหม่ แต่ผมไม่อยากย้าย ที่นี่คือบ้านจริง ๆ เพียงแห่งเดียวที่ผมรู้จักในไต้หวัน”
เงินชดเชยจำนวน 2 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือเทียบเป็นเงินไทยไม่ถึง 2 ล้านบาทนั้น ไม่สามารถทดแทนสถานที่ที่เขาใช้นอนหลับอย่างสบายใจมาตลอดช่วงหลังของชีวิตได้แม้แต่น้อย เขาเลยตัดสินใจลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือที่เคยถือปืนเล็กยาว กลับเปลี่ยนมาจับพู่กัน ใช้สีสันหลากหลายแทนกระสุนลูกปืน เพื่อต่อสู้กับรถไถที่คืบคลานอย่างช้า ๆ เข้ามาทำลายหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายในชีวิตของทหารเฒ่า นักรบโบราณที่ผ่านสมรภูมิสงครามมาแล้วนับไม่ถ้วน
“ปาป๊าสอนผมวาดรูปตั้งแต่ตอนที่ผมอายุแค่ 5 ขวบ แล้วผมก็ไม่ได้วาดอีกเลยตั้งแต่นั้น จนกระทั่งต้องกลับมาเริ่มวาดอีกครั้ง สิ่งแรกที่ผมวาดคือเจ้านกน้อยที่ชอบบินเข้ามาในบ้านของผม”
จากนกตัวเล็กสีสดบนผนังห้องนอน คุณปู่หวงทยอยผลิตกองหนุนสีสดทั้งหมา แมว กระต่าย เครื่องบิน ถ่ายทอดผ่านปลายพู่กัน ตามแต่จินตนาการจะพาเขาไป แต้มเต็มผนังบ้าน ล้นออกไปยังตึกร้าง ลามไปที่ถนนข้างนอก ก่อนจะเลื่อนเลอะไปทั่วทั้งหมู่บ้านรกร้างแห่งนี้
สีสันที่ฉูดฉาดสดใส ได้สะดุดตากลุ่มนักศึกษาด้านศิลปะเข้าอย่างจัง พวกเขาตัดสินใจช่วยเหลือปู่หวงในการรณรงค์ไม่ให้ทางการรื้อถอนหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อให้ใหม่ว่า
“หมู่บ้านสายรุ้ง”
(Rainbow Village) หรือ
“彩虹眷村”
พร้อมกับเรียกปู่หวงใหม่ให้พ้องกันว่า
“คุณปู่สายรุ้ง”
ทันทีที่เรื่องของคุณปู่สายรุ้ง เริ่มที่เป็นรู้จักของคนทั่วไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้โดยลำพังเพียงคนเดียวอีกต่อไป จากแนวร่วมที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งสื่อมวลชน นักท่องเที่ยวไต้หวัน และจากต่างประเทศ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่ไม่อยากเห็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไต้หวันถูกรื้อถอนทำลายกลายเป็นสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ที่ไร้จิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ความเป็นมา หรือแม้แต่เป็นสินค้าเก็งกำไรให้กับนายทุน
ยิ่งเขาละเลงสีลูกกวาดแทนการหลั่งเลือดชะโลมพื้นดินมากขึ้นเท่าไหร่ ช้ยชนะของนักรบชราก็อยู่เพียงแค่เอื้อมมือ ในที่สุดทางการก็ตัดสินใจยกเลิกการรื้อถอนหมู่บ้านสายรุ้ง และทำการซ่อมแซมปรับปรุงใหม่ เพื่อให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นของเมืองไถจง
“ทางการได้ให้สัญญากับผมว่า พวกเขาจะเก็บบ้านหลังนี้ รวมถึงหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ ผมได้ยินแล้วก็มีความสุข และอยากขอบคุณผู้คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ผมชอบพูดคุยกับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนหมู่บ้านแห่งนี้ ส่วนใหญ่พวกเขาบอกว่าภาพวาดสวย ผมเลยไม่รู้สึกเปลี่ยวเหงาเลย เพราะมีคนแวะมาอยู่ตลอดเวลา”
เบื้องหลังชัยชนะของนักรบชราที่เริ่มต้นหยิบพู่กันขึ้นมาปกป้องหมู่บ้านเพียงลำพังนี้ สำเร็จได้เพราะแรงสนับสนุนของผู้คนมากมาย ตั้งแต่การสนับสนุนของเด็กนักศึกษา สื่อสารมวลชน โลกโซเชียล เจ้าหน้าที่รัฐ ไปจนถึงนักท่องเที่ยวทุกคนที่ช่วยปลุกชีวิตของหมู่บ้านเก่าใกล้ผุพังสีครึ้มทะมึน ให้กลับมามีชีวิตชีวาสดใสขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
อาจมีคำพูดที่ว่า “Old soldiers never die, they simply fade away.” ทหารแก่ไม่มีวันตาย พวกเขาเพียงแต่ค่อยเลือนหายไป แต่สำหรับนักรบเฒ่าอย่าง หวง หย่ง ฟู่ แล้ว แม้ตอนนี้ชีวิตในวัยที่ผ่านโลกมานานเกือบหนึ่งร้อยปี แต่ภาพเขียนของเขายังคงสดใสไม่ลบเลือนไปตามกาลเวลา และติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปอีกตราบนานเท่านาน
ภาพ :
彩虹村-彩虹爺爺
ที่มา :
http://www.1949rainbow.com.tw
https://www.firstpost.com
https://random-times.com
https://baike.baidu.com
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตำแหน่งใหญ่ขณะอายุน้อย บารมีมาก เส้นทางสีกากีติดไฮสปีด
15 ก.ย. 2566
3516
ถอดรหัส ‘Naatu Naatu’ เพลงประกอบหนังอินเดียฉากร้อง-เต้นใน RRR ได้ออสการ์-Golden Globes
13 มี.ค. 2566
6952
‘เอมิลิโอ เฟอร์นันเดส’ ชายผู้เป็นต้นแบบของตุ๊กตารางวัล ‘ออสการ์’
12 มี.ค. 2566
829
แท็กที่เกี่ยวข้อง
ThePeople
Social
Taiwan
HuangYungFu
RainbowVillage