‘โซว จื่อ โจว’ นักการเงินระดับโลก สู่ CEO TikTok ใช้เวลาแค่ 3 เดือนหลังจากนั่งเป็น CFO

‘โซว จื่อ โจว’ นักการเงินระดับโลก สู่ CEO TikTok ใช้เวลาแค่ 3 เดือนหลังจากนั่งเป็น CFO

TikTok แพลตฟอร์ตที่กำลังได้รับความนิยมสูง (มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดปี 2022) เพิ่งเปลี่ยนหัวเรือคนใหม่จากเดิม ‘เควิน เมเยอร์’ (Kevin Mayer) มาเป็น ‘โซว จื่อ โจว’ (Shou Zi Chew) CEO วัย 40 ปี เขาใช้เวลาเพียง 3 เดือนในการไต่ตำแหน่งจาก CFO ของ TikTok มาเป็น CEO

เกิดและโตในสิงคโปร์

โซว จื่อ โจว เป็นคนสิงคโปร์ เขาเติบโตในประเทศแห่งนี้ตั้งแต่เกิด ในตอนนั้น โซว จื่อ โจว เติบโตขึ้นมาในครอบครัวระดับปานกลาง-ระดับบน เขาเป็นเด็กที่สนใจเรื่องตัวเลขตั้งแต่เด็ก ๆ และถือว่าเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนคนหนึ่งในชั้น

หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย โซว จื่อ โจว พยายามดิ้นรนไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อเห็นโลกกว้าง และเรียนรู้อะไรอีกมากมายที่ยังไม่เคยเห็นในชีวิต โดยเขาเลือกที่จะเข้าเรียนที่ มหาวิทยาลัย College London (UCL) คณะเศรษฐศาสตร์

ในปี 2008 โซว จื่อ โจว ตัดสินใจไปเรียนต่อระดับปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเหตุผลก็คือ เขาเริ่มสนใจทำธุรกิจมากขึ้นแต่ยังอยากเรียนรู้วิธีคิด และการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพก่อน

นอกจากนี้ โซว จื่อ โจว เคยทำงานให้กับ Facebook สมัยตอนที่ยังเป็นสตาร์ทอัพ ในขณะที่เขาเป็นนักศึกษา ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจขั้นตอนและวิธีคิดต่าง ๆ ที่เป็นมุมเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นตั้งแต่ครั้งนั้น

 

เริ่มต้นอาชีพแรก

หลังจากที่เขาเรียนจบจากรั้วฮาร์วาร์ด เขาเริ่มต้นอาชีพแรกด้วยการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ Goldman Sachs ในสำนักงานที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษก่อน หลังจากนั้นเขาเข้ามาทำงานเป็น CFO เป็นผู้อำนวยการสายการเงิน และเป็นประธานฝ่ายต่างประเทศให้กับ Xiaomi Technology บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังของจีน

ซึ่ง โซว จื่อ โจว มีส่วนอย่างมากในช่วงที่ Xiaomi เข้าตลาดหุ้นฮ่องกงและประสบความสำเร็จ ถือเป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า ‘จาง อีหมิง’ (Zhang Yiming) ผู้ก่อตั้ง ByteDance คิดถูกเกี่ยวกับ โซว จื่อ โจว หลังจากที่พยายามชวนเข้ามาทำงานให้กับ ByteDance อยู่สักพักใหญ่

ในเดือนมีนาคมปี 2021 โซว จื่อ โจว ได้เข้ามาทำงานกับ ByteDance บริษัทแม่ของแพลตฟอร์ม TikTok ในตำแหน่ง CFO ซึ่งทำงานในตำแหน่งนี้ได้เพียง 3 เดือน ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็น CEO ของ TikTok ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน

ทั้งนี้ ผลงานของ โซว จื่อ โจว ถือว่าโดดเด่นจนได้รับการยอมรับและติดอยู่ในลิสต์ Fortune อายุไม่เกิน 40 ปี ที่เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในฐานะ CEO ของ TikTok ในปี 2021

โซว จื่อ โจว เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ The David Rubenstein Show เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาพูดว่า “ไม่ได้มีประสบการณ์ลงทุนอะไรเลยตอนนั้น แต่ผมพยายามเรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ลองให้ตัวเองได้ออกจากคอมฟอร์ตโซนที่เคยมี”

“นอกจากนี้ ผมได้เจอกับผู้ก่อตั้งธุรกิจที่น่าสนใจหลายคนในช่วงเวลานั้น รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้ง ByteDance และ TikTok ซึ่งทำให้ผมได้มุมคิดมากมายจากพวกเขา จนหลายปีต่อมาผมเริ่มสนใจในงานของ TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงมาก ๆ และปัจจุบันผมก็ทำงานกับ TikTok”

มีหลายคนพูดว่า TikTok ภายใต้การบริหารของ โซว จื่อ โจว น่าสนใจเพราะเขามีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเงินอย่างมาก และมองว่าแพลตฟอร์มนี้น่าจะอยู่ในตลาดนี้ได้อีกนาน อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา TikTok ถูกผู้นำของสหรัฐฯ เล่นงานอยู่หลายครั้ง โดยนำมาเป็นเครื่องมือความขัดแย้งในวิกฤตการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ โซว จื่อ โจว กำลังถูกประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ เล่นงานอีกครั้งในสมัยของ ‘โจ ไบเดน’ ซึ่งก่อนหน้านี้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ก็เคยพยายามแบน TikTok ในปี 2020 มาแล้ว แต่โชคดีที่ศาลได้สั่งห้ามเอาไว้

ทั้งนี้ ความสงสัยในตัวแอปฯ TikTok เกิดขึ้นอีกครั้งเพราะประธานาธิบดี โจ ไบเดน มองว่า แอปฯ TikTok เป็นของบริษัท ByteDance ของจีน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ สะท้อนถึงความแตกหักระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มากขึ้นไปอีก

โดยเมื่อไม่นานมานี้ โซว จื่อ โจว ได้เข้าพบกับคณะกรรมาธิการด้านพลังงานและการพาณิชย์ ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และได้ยืนยันว่า บริษัทแม่ของ TikTok ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับพรรคคอมมิวนิสต์อย่างสิ้นเชิง พร้อมย้ำว่า TikTok ได้มีการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าในสหรัฐฯ ไว้ในพื้นที่ที่ปลอดภัยขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ โซว จื่อ โจว ยังได้พูดว่า ข้อมูลของ ByteDance ไม่เคยส่งต่อไปถึงรัฐบาลจีนหรือพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ดังนั้น โดยบุคคลภายนอกจะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลเหล่านั้นอย่างแน่นอน

ประเด็นอ่อนไหวระหว่างบริษัทของจีนในสหรัฐฯ อาจยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายลักษณะนี้ต่อไป จนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศชิงตำแหน่งนี้เรียบร้อยในปีหน้า ถือว่าเป็นความท้าทายต่อเนื่องของบริษัทจีนก็ว่าได้

 

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

CNBC

Thelist

Dexerto

Scmp

Studyinternational