26 ส.ค. 2565 | 17:30 น.
“สวัสดีครับ ผมนพ พงศธร วันนี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งนอกห้องเรียนธุรกิจ”
คนที่สนใจเรื่องธุรกิจการตลาดน่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนี้จากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เขาได้มาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรู้ธุรกิจแบบเข้าใจง่าย ที่ได้จากประสบการณ์ที่เขาเป็นที่ปรึกษา และวิทยากรใหักับสถาบันการศึกษา รวมถึงองค์กรชั้นนำต่าง ๆ มาแล้วมากมาย
ส่วนบางคนอาจรู้จักเขาจากการเป็นผู้ก่อตั้งและนักพัฒนา Refinn (รีฟินน์) บริษัท startup ด้าน fintech สำหรับรีไฟแนนซ์ภาระหนี้สิน ที่สามารถระดมทุนได้กว่า 100 ล้านบาท
จนเขาได้ชื่อว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเร็ว เป็นอายุน้อยร้อยล้านตั้งแต่อายุไม่เข้าเบญจเพส !!
นอกจากเป็น creator ในชื่อ NopPongsatorn และนัก startup รุ่นใหม่ที่น่าสนใจแล้ว อีกหมวกหนึ่งของ นพ-พงศธร ธนบดีภัทร นั่นคือการนั่งเก้าอี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิต้าไลฟ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DLC) ในเครือ DTGO ที่นำเสนอบริการเพื่อตอบสนองความต้องการยุค digital disruption
“ผมเรียนวิศวะคอม แต่ไม่ได้อยากทำงานสายไอทีอย่างเดียว เพราะตอนนี้ไอทีมันอยู่ทุกวงการ เลยต้องการอยู่ในวงการไหนก็ได้ที่มีไอทีเข้าไปเกี่ยวข้อง”
วงการการเงินเป็นเส้นทางที่นพเลือก จากเหตุผลที่เขามีความชอบเป็นการส่วนตัว และสนใจว่าการถ้านำเอาเทคโนโลยีมารวมกับ finance จะช่วยตอบโจทย์และช่วยให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นอย่างไรได้บ้าง
จากแนวคิดตั้งต้นนี้เป็นจุดเริ่มทำให้เขาลองนำไอเดียนี้ไปเสนอบนเวทีเฟ้นหา startup ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ แล้วได้พัฒนามาเป็นแอปพลิเคชัน Wealth Advisor เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ผู้คนที่ต้องการวางแผนการเงิน ไปจนถึงการวางแผนเกษียณอายุ
ก่อนจะนำฟีดแบคที่ได้มาพัฒนาต่อเป็น Refinn ที่เข้ามาช่วยในเรื่องการ refinance ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน ซึ่ง Refinn ของเขาได้การตอบรับที่ดีทั้งจากผู้ใช้งานและนักลงทุนจำนวนมาก เห็นได้จากหลังจากเปิดตัวมาได้ 7 ปี Refinn ก็สามารถ refinance ให้กับผู้ไปแล้วมากกว่า 300,000 ราย
Future of finance
“ผมว่า future of finance เรื่องการเงินยังคงเป็นพื้นฐานชีวิตอยู่ดี เพราะโลกคือทุนนิยม แต่ที่เปลี่ยนไปคือคนจะฉลาดคิด ฉลาดใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ”
เขายกตัวอย่างเปรียบเทียบกับการทำประกัน ที่หลายคนมักจะปฏิเสธเวลาที่มีคนมาชวนให้ใช้บริการว่า ที่จริงแล้วคนไม่ได้ไม่ต้องการบริการประกัน เพียงแต่ไม่ต้องการประกันที่ไม่คุ้มค่า สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือการนำเสนอบริการประกันที่ตอบโจทย์และให้ผู้ใช้บริการรู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่สุดให้ได้
เขาเลยเปิดตัว INFINYX (อินฟินิกซ์) แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการสะสมคะแนนที่เขาตั้งใจว่าจะมาเป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อโลกการเงินแบบเก่า สู่การเงินยุคใหม่ที่เปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ พร้อมกับการได้รับสิทธิประโยชน์มากมายไปพร้อมกัน
โดย INFINYX เกิดจากการนำ xCash เป็นแพลตฟอร์มให้บริการรวบรวม loyalty program มาพัฒนาต่อ ซึ่ง xCash ใช้แนวคิดการรวบรวมคะแนนจากบัตรเครดิตต่าง ๆ มาไว้ในระบบ แล้วเปลี่ยนให้คะแนนนั้นเป็นส่วนลดสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานมีตัวเลือกที่หลากหลายกว่า
“xCash ช่วยให้แทนที่ผู้บัตรเครดิตจะปล่อยให้คะแนนในบัตรหมดอายุ หรือเอาคะแนนที่สะสมไปแลกเป็นกาต้มน้ำไฟฟ้า เรานำเสนอตัวเลือกที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของเขามากขึ้น เช่น เอาคะแนนไปซื้อกาแฟ หรือแม้แต่เอาไปซื้อทองคำ”
แม้ว่าแนวคิดของ xCash เป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ยังไม่รองรับในตอนที่ xCash เริ่มเปิดตัว ที่สำคัญคือความพร้อมของผู้บริโภคในเวลานั้นที่ยังไม่เข้าใจรูปแบบการให้บริการของ xCash
ทำให้เมื่อนำ xCash มาพัฒนาต่อเป็น INFINYX เขาได้ใช้วิธีการ design thinking เพื่อ rethink และ redesign การให้บริการแบบใหม่ พร้อมทั้งดึงทีมงานเก่ง ๆ และพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งหลายรายเข้ามาร่วม
“ในโลกธุรกิจผู้ที่ชนะอาจไม่ใช่ first comer แต่ต้องมาถูกที่ถูกเวลาด้วย ซึ่งถ้าเรายังเชื่อในสมมุติฐานของ xCash ที่ว่าคนเราฉลาดคิด ฉลาดเลือก ฉลาดใช้ แต่ตอนนั้นอาจเป็นโมเดลที่มาก่อนเวลาไปหน่อย เป็นที่มาของการที่ xCash เปลี่ยนเป็น INFINYX แล้วเพิ่มบริการที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น”
ถูกที่ถูกเวลา ถูกใจผู้ใช้งาน
นอกจากเปลี่ยนชื่อแล้ว INFINYX ยังเปลี่ยนโจทย์จากการหาพาร์ตเนอร์เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้บริการให้มากที่สุด เป็นการให้อิสระกับผู้ใช้บริการในการเลือกใช้คะแนน เหมือนเป็นการเปลี่ยนคะแนนที่สะสมไว้ เป็นแต้มในบัตรเดบิตให้ผู้ใช้บริการสามารถไปเลือกใช้ได้ตามความต้องการของแต่ละคน เพราะปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
“เราอยากทำให้แต่ละคะแนนมีประโยชน์สูงสุด เลยไปดีลกับพาร์ตเนอร์รายใหม่อยู่ตลอด แต่อาจไม่ทันความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี เราเลยมอบสิทธิและอิสระในการจับจ่ายให้กับผู้บริโภค”
ที่สำคัญการเอาคะแนนจากบัตรต่าง ๆ มารวมไว้กับ INFINYX ยังได้รับโบนัสด้วยการเพิ่มคะแนน 3% คล้ายการได้รับดอกเบี้ยจากการเอาเงินไปฝากธนาคาร เป็นอีกสิทธิประโยชน์ที่น่าจะช่วยดึงดูดคนที่ฉลาดใช้ ฉลาดบริหารการเงิน ให้มาใช้บริการ INFINYX
นอกจากนี้ในอนาคต INFINYX ยังพยายามที่จะช่วยเชื่อมโยงการเงินในโลกจริงเข้ากับโลกเสมือนจริงอย่างไร้รอยต่อ ด้วยการจับมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้โดยเฉพาะ
“รูปแบบการใช้ชีวิตกับเงินของเราเปลี่ยนมาหลายรอบแล้ว ตั้งแต่ การถือเงินสด เป็นพกบัตรเครดิต ตอนนี้พกสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็ออกนอกบ้านได้แล้ว พฤติกรรมการเงินของพวกเราเปลี่ยนไปตลอดตามเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว”
การตลาดที่ใช่สำหรับทุกคน
สิ่งที่ INFINYX จะได้จากการให้สิทธิประโยชน์มากมายกับผู้ใช้บริการ เป็นการบริหารทางบัญชีให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่เดิมต้องเตรียมสำรองหนี้ไว้ในส่วนของการทำ loyalty program
การเข้ามาของ INFINYX ช่วยให้ทั้งบริษัทสามารถโฟกัสไปที่ธุรกิจหลักได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับการทำการตลาดในเรื่อง loyalty program แล้วยังช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับสิทธิประโยชน์และประสบการณ์ในการใช้บริการมากยิ่งขึ้นภายใต้การดูแลของทีม INFINYX ที่มีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
“เราเป็นดูแลบริหารคะแนน loyalty point ให้กับพาร์ตเนอร์ให้เขาเอาเวลาไปโฟกัสกับธุรกิจหลัก ผู้ใช้บริการก็ได้รับสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายกว่า ตอนนี้ INFINYX กำลังช่วยให้ทุกคนได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด”
รูปแบบธุรกิจของ INFINYX ที่ครอบคลุมทางด้านการเงินนี้ แม้จะมีโอกาสเติบโตต่อไปเป็น super app หรือแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในอนาคต แต่ผู้บริหารหนุ่มยังเชื่อในพลังของคนตัวเล็ก โดยมุ่งมั่นทำตามเป้าหมายของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยเข้าไปเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ เพื่อเป็นตัวช่วยในบริหาร loyalty program ซึ่งเป็นความโดดเด่นของ INFINYX
“เราคงไม่ได้ไปแข่งกับ super app แต่เราจะทำสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีที่สุด แล้วสุดท้าย super app ก็จะอยากได้เราเป็นพาร์ตเนอร์”
รอยเท้าความรู้
“ทีมที่สร้าง xCash มาก่อน ได้ลองผิดลองถูกมาแล้วหลายอย่าง สิ่งที่สำคัญที่มีคุณค่าที่สุดคือ xCash มีรอยเท้าไว้ให้เราเดินตาม เราเลยไม่ต้องลองผิดลองถูกเองตอนที่เปิดตัว INFINYX”
การที่ xCash มีการวางรากฐานที่ดีทั้งในเรื่องของ partnership และ relation กับธุรกิจต่าง ๆ ที่มีกระบวนการซับซ้อนและเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ช่วยให้ทีม INFINYX สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ในทันที
รวมทั้งข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ทาง xCash ได้เก็บรวบรวมจากสมมติฐานต่าง ๆ ช่วยนำมาปรับเพื่อสร้างบริการที่ตอบโจทย์ของผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุดที่สุด
“ถ้าไม่มีรอยเท้าเหล่านี้ ผมอาจต้องใช้เวลา 4 ปี ในการลองผิดลองถูก แต่วันนี้เราใช้แค่ 6 เดือน ก็ได้คำตอบทุกอย่างแล้ว”
ตอนนี้ INFINYX ได้ตั้ง vision ที่จะขยายบริการไปนอกประเทศ โดยเข้าไปให้บริการ loyalty program กับประเทศต่าง ๆ เพราะจากข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมา ปัญหาเรื่อง loyalty point ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ที่ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้บริการก็ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ต่างจากประเทศไทย
ธุรกิจของ INFINYX เลยอาจไม่ใช่แค่ธุรกิจที่เป็น blue ocean ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกเป็นน่านน้ำสีน้ำเงินที่ INFINYX สามารถแล่นออกเพื่อขยายการให้บริการได้ตลอดเวลา
“ผมว่าที่ต่างประเทศก็มีปัญหาเรื่องการเอาคะแนนจากบัตรไปแลกได้แค่กาต้มน้ำ หรือหม้อหุงข้าวเหมือนกับเรา พอเขาได้ยินโมเดลของ INFINYX ทั้งฝั่งยุโรป อเมริกา สิงคโปร์ ทุกคนบอกว่า This is fantastic! คือถ้าทำได้ ก็ช่วยมาทำในประเทศเราด้วย”
นอกห้องเรียนธุรกิจ
ก่อนเริ่มเนื้อหาทุกครั้งในช่อง NopPongsatorn เขาจะบอกอยู่เสมอว่าการเอาเรื่องธุรกิจและการตลาดมาพูดคุยนอกห้องเรียนธุรกิจนี้ เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้ความรู้ดี ๆ จำนวนมากต้องถูกจำกัดอยู่แค่ภายในห้องเรียนเท่านั้น
สิ่งนี้น่าจะเหมือนกับการที่เขาตัดสินใจมาสวมหมวกในตำแหน่งผู้บริหารที่ ดิจิต้าไลฟ์ คอร์เปอเรชั่น แม้จะเป็นผู้ก่อตั้ง startup ที่ประสบความสำเร็จ เพราะวิสัยทัศน์ที่มองไปไกลถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างมากที่สุด
“มีคนถามว่าเป็นเจ้าของธุรกิจยังมาทำงานอีกทำไม ผมตอบว่าถ้าสมมติว่าผมเป็นมด ผมอาจเป็นมดที่เก่งมาก อาจมี vision ที่มองได้แค่สูงกว่ามดตัวอื่น แต่วันนี้ถ้าเรามีเพื่อนเป็นยักษ์ เราจะเป็นมดที่ยืนบนไหล่ของยักษ์ แล้วจะมีมุมมองที่เห็นเท่ากับยักษ์ แล้วอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เท่ากับยักษ์ก็ได้”
“ตอนที่ได้รับเชิญมาที่นี่ เขาไม่ได้ใช้คำว่าทำงาน แต่ชวนมาทำ mission ที่จะเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ตอนนี้อาจไม่มีอะไรรับประกันว่า mission ของ INFINYX จะประสบความสำเร็จ แต่เราแค่ทำให้ดีที่สุด เพราะแม้จะไม่สำเร็จในรุ่นเราอย่างน้อยเราก็ได้วางรอยเท้าไว้มากพอ เพื่อให้คนรุ่นหน้าได้เรียนรู้แล้วพัฒนาได้เร็วขึ้นในรุ่นต่อไป แล้วทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น”