นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มหาเศรษฐีแสนล้าน เกี่ยวข้องอะไรกับ “ยาหอมปราสาททอง”?

นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ มหาเศรษฐีแสนล้าน เกี่ยวข้องอะไรกับ “ยาหอมปราสาททอง”?
ทุกปีเวลาเปิดโผคนรวยเมืองไทยทีไร ต้องมีชื่อ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ติดอันดับต้น ๆ อยู่ด้วยทุกที อย่างปี 2562 นพ.ปราเสริฐ ก็ติดอันดับที่ 7 จาก 50 อันดับมหาเศรษฐีไทย จัดโดยนิตยสาร Forbes ด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็กว่า 1.08 แสนล้านบาท “หมอเสริฐ” เป็นที่รู้จักและสร้างความมั่งคั่งจากการเป็นผู้ก่อตั้งสายการบินบางกอก แอร์เวย์ส, ผู้ก่อตั้งกลุ่ม “กรุงเทพดุสิตเวชการ” ที่มีกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่อยู่ในเครือ ทั้งกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสื่อคือ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ที่ประมูลคลื่นความถี่ในการทำทีวีดิจิทัลมาด้วยมูลค่า 3,460 ล้านบาท เพื่อทำช่อง “พีพีทีวี” มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เยื้องสำนักงานใหญ่ของ บางกอก แอร์เวย์ส ย่านถนนวิภาวดี และช่อง ONE ที่มี บริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด (บริษัทของ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ลูกสาว นพ.ปราเสริฐ) ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จํากัด ที่บริหารช่อง ONE  มาถึงตรงนี้ หลายคนคงไม่สงสัยในความรวยของ นพ.ปราเสริฐ แต่คงแอบสงสัยกันบ้างแหละว่านามสกุลของ นพ.ปราเสริฐ มีที่มาอย่างไร และเกี่ยวข้องอะไรกับ “ยาหอมปราสาททอง” ยาแผนโบราณที่มีความเป็นมาเกือบร้อยปี มีสรรพคุณแก้ลมวิงเวียน แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย ไปจนถึงแก้ละเหี่ยใจ! (เอ๊ะ..ยังไง) ยาหอมปราสาททอง มีความเป็นมาย้อนไปได้ถึงปี 2465 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อหมอแผนโบราณ 2 คน คือ หมอทองคำ ช้างบุญชู ซึ่งเคยเป็นแพทย์หลวงทำยาถวายเจ้านายและข้าราชบริพารในสำนักพระราชวัง และทำยาเพื่อใช้ในงานพระราชพิธีกฐินหลวง และ หมอกานต์ พั่ววงศ์แพทย์ ได้ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านยา คิดค้นและรวบรวมตำรับยาแผนโบราณขนานต่าง ๆ รวมทั้งยาหอมซึ่งมีอยู่หลายตำรับ มาทำเป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ยาของหมอทองคำและหมอกานต์เป็นที่เชื่อถืออย่างมาก โดยเฉพาะยาหอม อย่าง ยาหอมอินทรโอสถแท่งทอง และ ยาหอมปราสาททอง (เม็ดทรงกลม) ที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดหัววิงเวียนและอาการต่าง ๆ ได้ชะงัดนัก ต่อมาเมื่อหมอทองคำแก่ตัวลง ก็ได้มอบตำรับยาทั้งหมดแก่ หมอทองอยู่ ช้างบุญชู ผู้เป็นหลาน ซึ่งได้ช่วยเหลือการงานใกล้ชิดหมอทองคำจนเป็นที่เชื่อมือและเป็นที่ไว้วางใจมาตลอด ในอดีต การทำยาแผนโบราณมักจะอยู่ในหมู่หมอและคนไข้ของหมอเท่านั้น ไม่ได้แพร่หลายในกลุ่มคนวงกว้าง หมอทองอยู่เห็นว่าคนทั่วไปน่าจะเข้าถึงยาแผนโบราณได้ง่ายขึ้น ดังนั้นราวปี 2473 หมอทองอยู่จึงได้เปิดร้านขายยาเล็ก ๆ ชื่อ ห้างขายยาตราปราสาททอง อยู่ที่ห้าแยกพลับพลาไชย ขณะเดียวกันก็ออกไปรักษาคนไข้ตามบ้านด้วย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค ช่วงนั้นยาแผนปัจจุบันก็มีเพียง ยาซัลฟาไดอาซีน M.B.693 (May+Bakes) ยาแอสไพริน และ น้ำมันตับปลาคอด เท่านั้น แถมยังไม่เป็นที่แพร่หลาย มีราคาแพงและหายากมากในช่วงสงครามโลก ประชาชนจึงต้องพึ่งพาหมอแผนโบราณและยาสมุนไพร ซึ่งหมอทองอยู่ก็ผลิตยาสมุนไพรเพื่อให้ชาวบ้านใช้รักษาอาการเจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง หมอทองอยู่ผลิตยาทุกขั้นตอนด้วยมือ เมื่อคนไข้เกิดการบอกกันปากต่อปากถึงสรรพคุณยาของหมอทองอยู่ ทำให้ความต้องการยาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายสุดหมอทองอยู่จึงต้องออกแบบเครื่องทุ่นแรงเพื่อใช้ในการบดยา แล้วให้ช่างทำเครื่องตามแบบที่วางไว้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้น หมอทองอยู่ก็ยังคงผลิตยา และสั่งเครื่องจักรบดยาขนาดใหญ่มาจากต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของผู้คนที่ต้องการใช้ยา ธุรกิจยาก้าวหน้าเป็นลำดับ หมอทองอยู่จึงตัดสินใจจดทะเบียนห้างขายยาตราปราสาททอง เป็นบริษัทในชื่อ บริษัท ปราสาททองโอสถ จำกัด เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี 2495 ผลิตยาแผนโบราณจำหน่าย โดยมีผู้ก่อตั้งคือ หมอทองอยู่ ที่เปลี่ยนนามสกุลจาก ช้างบุญชู เป็น ปราสาททองโอสถ และ บุญรอด ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของหมอทองอยู่ ยาของบริษัทปราสาททองโอสถ มีทั้งยาหอมปราสาททอง ยาหอมอินทรโอสถแท่งทอง ยาหอมอำพันทอง ยาข่าหอม ยาเขียว ยาธาตุ ฯลฯ เมื่อโลกหมุนไป ยาทั้งหลายก็ต้องปรับตัวตามการใช้ชีวิตของผู้คน จากเดิมที่เป็นยาผงชงน้ำสุกใช้ดื่ม ก็พัฒนาให้เป็นยาเม็ด ยาแคปซูล เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งให้เป็นแผงหรือขวด สะดวกต่อการพกพาไปไหนมาไหน แต่ยังคงโลโก้ปราสาททองอันเป็นเอกลักษณ์ไว้เช่นเดิมไม่เปลี่ยน หมอทองอยู่และบุญรอด มีทายาท 10 คน หนึ่งในนั้นคือ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ซึ่งเป็นลูกคนที่ 4 เขาเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก จากนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต่อด้วยเตรียมแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนเรียนต่อแพทย์ในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล นพ.ปราเสริฐ ประกอบอาชีพหมออยู่ราว 5 ปี ก่อนชีวิตจะหันเหเข้าสู่เส้นทางธุรกิจเต็มตัว เขาสมรสกับ วัลลีย์ (นามสกุลเดิมคือ โปษยะจินดา) ซึ่งวัลลีย์คือผู้ที่เข้ามาสานต่อกิจการยาปราสาททองโอสถ เพราะลูก ๆ ทั้ง 10 คนของทองอยู่ต่างติดภารกิจทำงานอย่างอื่น “หมอเสริฐ” จึงต้องให้ภรรยาซึ่งทำงานในกระทรวงศึกษาธิการลาออกมารักษาภูมิปัญญาของครอบครัว วัลลีย์เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารผู้จัดการ ฉบับเมษายน ปี 2548 ไว้ว่า ยาของปราสาททองโอสถซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากคือ ยาหอมปราสาททองชนิดกลมปิดทองทั้งเม็ด ซึ่งมีวิธีการทำด้วยมือที่ไม่เหมือนใคร โดยนำตัวยาสมุนไพรที่ผสมแล้วไปบดและปั้นเป็นเม็ด จากนั้นปิดด้วยแผ่นทองคำแท้บริสุทธ์ลงบนตัวยา อาศัยฝีมือของคนงานที่ชำนาญ เพราะเชื่อกันว่าทองคำบริสุทธิ์มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี  “เราทำด้วยวิธีนี้ตั้งแต่สมัยทองบาทละ 800 ตอนนี้ทองขึ้นมาบาทละ 8 พัน” วัลลีย์กล่าว แม้นี่จะเป็นบทสัมภาษณ์เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ก็สะท้อนให้เห็นการผลิตยาหอมปราสาททองชนิดกลมปิดทองทั้งเม็ดที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้เป็นอย่างดี จากยาหอมปราสาททองที่มีจุดเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ ที่ห้าแยกพลับพลาไชย เส้นทางชีวิตพา “หมอเสริฐ” มาไกล เป็นทั้งผู้เล่นเบอร์ใหญ่ในธุรกิจสายการบินและกิจการโรงพยาบาล กระทั่งทะยานสู่ ท็อป เท็น มหาเศรษฐีไทยอย่างในทุกวันนี้   ที่มา http://forbesthailand.com/forbes-lists/thailand-richest http://www.yahomprasarttong.com/about04.html http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=30962 http://www.yahomprasarttong.com/about04.html https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/804567