นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู ในนามอัศวินผู้หยิ่งยโส จนถึงเรียนรู้ที่จะมอบความรักอย่างถูกต้อง

นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู ในนามอัศวินผู้หยิ่งยโส จนถึงเรียนรู้ที่จะมอบความรักอย่างถูกต้อง
หากพูดถึงจุดเด่นของซีรีส์ Game of Thrones นอกจากเรื่องการหักมุมอย่างคาดไม่ถึงในสถานการณ์สู้รบ และหักเหลี่ยมชิงบัลลังก์ การที่ซีรีส์มีระยะความยาวจนถึงแปดซีซัน ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของตัวละคร (ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่) เปลี่ยนไปอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ “เจมี แลนนิสเตอร์” อัศวินหนุ่มผมทองหน้าตาหล่อเหลา หยิ่งผยอง พร้อมทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักโดยไม่สนวิธีและศีลธรรม ในช่วงแรกของซีรีส์ เจมีคือตัวละครที่คนดูหลายคนไม่ชอบเอาเสียเลย แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปตอนแล้วตอนเล่าจนเราได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ ของเขา รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวละครค่อย ๆ เรียนรู้ สูญเสีย และตระหนักถึงสิ่งที่ตนเคยกระทำ อัศวินหนุ่มฉายาคิงสเลเยอร์ผู้นี้จึงกลายเป็นอีกตัวละครที่เราทั้งรักทั้งชัง และอยากติดตามความเป็นไป โดยเฉพาะในช่วงถูกจับตัวเป็นเชลยหรือตกที่นั่งลำบากกับ “บริแอน” ซึ่งทำให้เขาได้เห็นโลกภายนอกกำแพงปราสาทมากขึ้น จนได้รู้จักถึงสิ่งที่เรียกว่า “มิตรภาพ” จากคนอื่น ไม่ใช่การทรยศหักหลังอย่างคุ้นชินจากสังคมในหมู่ชนชั้นสูง นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู ในนามอัศวินผู้หยิ่งยโส จนถึงเรียนรู้ที่จะมอบความรักอย่างถูกต้อง ความน่าสนใจในซีซัน 8 เจมีต้องกลับมาเผชิญหน้ากับตัวละครที่มีประเด็นกับเขาหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “เดอแนริส” บุตรสาวของกษัตริย์ที่เขาเคยสังหาร (ซึ่งเจมีเองก็เคยพยายามจะแทงเดอแนริสด้วยทวนในสงคราม) หรือเหล่าคนตระกูลสตาร์คที่เจมีมีส่วนในการพยายามทำร้ายและทำลายตระกูลนี้ โดยเฉพาะการที่เขาได้กลับมาเจอกับ “แบรนดอน สตาร์ค” ที่เขาเคยผลักตกหอคอยในซีซันแรกตอนแรกจนกลายเป็นชนวนให้เริ่มปมขัดแย้งของเรื่อง ข้าไม่ขอโทษ ตอนนั้นเราทำสงครามกัน ทุกสิ่งที่ข้าทำ ข้าทำเพื่อวงศ์ตระกูลและครอบครัว” เจมียืนกรานต่อหน้าควีนเดอแนริส ลอร์ด และเลดี้แห่งวินเทอร์เฟล หลังจากที่ได้มาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เจมีไม่ปฏิเสธหรืออ้อนวอนคำอภัยจากสิ่งที่เขาเคยได้กระทำแม้จะอยู่ในสถานะที่เป็นรองกว่า นับว่าเป็นบุคคลที่ตรงไปตรงมาและหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองทั้งในฐานะอัศวินและคนจากตระกูลสูงศักดิ์ นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู ในนามอัศวินผู้หยิ่งยโส จนถึงเรียนรู้ที่จะมอบความรักอย่างถูกต้อง นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู นักแสดงชาวเดนมาร์กที่มารับบทนี้ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เจมีเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนและน่าสนใจมาก เขาทำทั้งเรื่องกล้าหาญและเลวร้าย แต่สุดท้ายแก่นแท้ของผู้ชายคนนี้คือการทำทุกอย่างเพื่อ “ความรัก” นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนดูหลายคนยังสามารถให้อภัยเจมีได้เสมอ ส่วนตัวนิโคไลเป็นคนที่ใส่ใจต่อสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการแสดง อย่างบท เจมี แลนนิสเตอร์ สำเนียงภาษาอังกฤษที่พูดในเรื่องก็ไม่ใช่วิธีการพูดแบบธรรมชาติของเขา ในจุดนี้เป็นสิ่งที่นิโคไลทำการบ้านอย่างหนักเรื่องทักษะภาษาเพื่อสวมใส่บทบาทที่รับ นอกจากบทบาทนักแสดง นิโคไลยังทำงานเป็นคนเขียนบท และโปรดิวเซอร์ รวมถึงขับเคลื่อนชีวิตด้วยความรัก เช่นเดียวกับเจมี เพียงแต่เป็นในด้านที่สว่างกว่าโดยการทำงานเพื่อการกุศลมาตลอด เขาสนับสนุนและร่วมกิจกรรมของ RED องค์กรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเชื้อ HIV เรียกร้องให้หน่วยงานสำคัญเข้าใจถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่กำลังสร้างความเสียหายต่อกรีนแลนด์ สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศด้วยการร่วมกิจกรรมในวันสตรีสากล ร่วมงานเปิดฟุตบอลโลกสมัครเล่นของผู้หญิง ขึ้นพูดที่ The Spotlight Initiative เพื่อขจัดการใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กผู้หญิง รวมไปถึงการเป็นทูตสันถวไมตรี (Goodwill Ambassador) ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ภารกิจหลักของผมในฐานะทูตสันถวไมตรีของ UNDP ก็คือการสนับสนุนและสร้างความตระหนักถึงเป้าหมายหลักของโลก ที่จะต้องดีกว่าเดิมสำหรับทุกคน ซึ่งเราคงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้เลย หากเราไม่เพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิง และปกป้องโลกใบนี้” นิโคไลกล่าว นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู ในนามอัศวินผู้หยิ่งยโส จนถึงเรียนรู้ที่จะมอบความรักอย่างถูกต้อง ประเทศไทยเองก็เคยเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เขาเคยมาเยือนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาชุนชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศในจังหวัดต่าง ๆ เป็นเวลาสามวัน โดยเน้นที่การนำเสนอวัฒนธรรมไทยผ่านการท่องเที่ยวชุมชนซึ่งกระตุ้นให้เกิดกระแสในโซเชียลมีเดียจนมีผู้คนลุกขึ้นมาเอาอย่าง ปัจจุบัน นิโคไล แต่งงานแล้ว และมีลูกสาวสองคนเป็นแก้วตาดวงใจ เขาพูดถึงชีวิตการเป็นคุณพ่อไว้ว่าการมีครอบครัวและลูกสาวทำให้เขาเรียนรู้ที่จะไม่คิดถึงตัวเองมากเกินไป และพักเบรกจากวงการบันเทิงที่มีแต่อัตตาของตัวเอง เพราะเมื่อกลายเป็นพ่อ คุณจะหยุดการเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดทันที คุณจะกังวลเกี่ยวกับลูก เกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับความตายของตัวเอง มันน่ากลัวนะ เพราะเหมือนคุณควบคุมอะไรไม่ได้เลย ผมเคยรู้สึกแย่มาก ๆ ตอนที่ลูกโดนม้าทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นการมีลูกก็ยังเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นที่สุดที่ผมสามารถมีได้ในชีวิต” นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู ในนามอัศวินผู้หยิ่งยโส จนถึงเรียนรู้ที่จะมอบความรักอย่างถูกต้อง ข้อมูลจาก   เรื่อง: ณัฐณิชา เดชารัตน์