logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

Sweet Child O' Mine เพลงร็อกอมตะที่ปั้นจากกวีและเล่นแจมไปเรื่อยเปื่อย ได้ผลแจ่มเกินคาด

Sweet Child O' Mine เพลงร็อกอมตะที่ปั้นจากกวีและเล่นแจมไปเรื่อยเปื่อย ได้ผลแจ่มเกินคาด
ตัวอย่างภาพยนตร์ ‘ธอร์’ (Thor) ซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวล (Marvel) ภาคล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า Love and Thunder คลอดออกมาให้แฟนกรี๊ดกันเมื่อ 18 เมษายน 2022 (ตามเวลาในไทย) ไม่เพียงแค่แฟนหนังมาร์เวลจะได้เห็นหน้าหนังภาคล่าสุดแล้ว สำหรับแฟนหนังที่ฟังเพลงด้วย น่าจะเนื้อเต้นยิ่งขึ้นจากที่ได้ยินเสียงเพลงประกอบตัวอย่างหนังเป็นบทเพลง Sweet Child O' Mine ของ Guns N' Roses วงร็อกแถวหน้าจากยุค 80-90s ทันที่เสียงกีตาร์จากอินโทร (intro) เพลง Sweet Child O' Mine ดังขึ้น หลายคนอาจนึกถึงมิวสิกวิดีโอ (MV) เพลงดังเพลงนี้ (โดยเฉพาะ MV ฉบับ Alternate Version) ซึ่งเปิดมาด้วยภาพ ‘สแลช’ (Slash) มือกีตาร์หัวฟูสวมหมวกทรงสูงยืนตั้งท่าแหกขากว้าง ก่อนจะไล่เรียงกลุ่มโน้ตเป็นทำนองที่ให้สุ้มเสียงเฉพาะตัว ขณะที่ลีลาท่าทางควบคู่กับการร้องของแอ็กเซิล ในช่วงรุ่งเรืองก็โดดเด่นไม่แพ้มาดของสแลช ท่าเต้นของแอ็กเซิล ในเวลานั้นไม่สามารถหาใครเหมือน และไม่เหมือนใครด้วยทรวดทรงรูปร่างเฉพาะตัวของแอ็กเซิล (ในยุคแรก) เมื่อเวลาผ่านไป เพลงนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เพียงแค่เป็นอีกหนึ่งแทร็กที่สร้างชื่อให้กับ Guns N' Roses ผลักดันให้งานเพลงของวงไปติดชาร์ตเพลง(กระแสหลัก) เพลงนี้ยังช่วยขยายฐานคนฟังจากแฟนเพลงร็อกไปสู่แฟนเพลงกลุ่มอื่นด้วยเมื่อเพลงนี้ถูกนำไปเล่นใหม่โดยศิลปินชื่อดังจำนวนมากหลากหลายแนวนอกเหนือจากศิลปินแนวร็อก ศิลปินที่เล่นมีตั้งแต่แคร์รี่ อันเดอร์วูด (Carrie Underwood) ไล่ไปจนถึงเชอร์ริล โครว์ (Sheryl Crow) ที่นำเพลงนี้ไปเล่นจนได้รางวัลแกรมมี่สาขาแสดงเพลงร็อกยอดเยี่ยมโดยศิลปินหญิง เพลงยังถูกนำไปใช้ประกอบสื่อรูปแบบอื่นอีกมากมายจนมาถึงเพลงประกอบหนัง

เพลงของวง Guns N' Roses

Sweet Child O' Mine เป็นเพลงในแทร็กที่ 9 ของอัลบั้ม Appetite for Destruction (1987) อัลบั้มเปิดตัวของวงร็อกจากลอสแองเจลิส (Los Angeles) ซึ่งหลายวงมักถูกจัดกลุ่มไปเรียกว่า ‘แฮร์แบนด์’ (hair band) หรือบางครั้งถูกเรียกว่าเป็น ‘แกลมร็อก’ (Glam Rock) ตามรูปลักษณ์ภายนอกที่มักมีสมาชิกไว้ผมยาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแสบสัน Guns N' Roses เป็นอีกหนึ่งวงที่มาจากแอลเอและมีรูปลักษณ์ภายนอกในทิศทางใกล้เคียงวง ‘แฮร์แบนด์’ รุ่นพี่ในยุคไล่เลี่ยกัน แต่ Guns N' Roses กลับมีแนวดนตรีที่หนักแน่น สอดคล้องกับคำว่า ‘ฮาร์ดร็อก’ เสียมากกว่า สมาชิกในวงอย่างดัฟฟ์ แม็กเคแกน (Duff McKagan) มือเบสเพื่อนซี้ของสแลช, สตีเว่น แอดเลอร์ (Steven Adler) มือกลอง และอิซซี่ สตราดลิน (Izzy Stradlin) มือกีตาร์อีกรายของวงล้วนมีบทบาทสำคัญต่อองค์ประกอบงานเพลงของวง แต่ปฏิเสธได้ยากว่าขุมพลังหลักที่โดดเด่นที่สุดของ Guns N' Roses มาจากเสียงร้องของแอ็กเซิล โรส (Axl Rose) และสแลช (Slash) ตัวอย่างที่ชัดเจนคือซิงเกิล Sweet Child O' Mine ซึ่งทำให้วง Guns N' Roses ทำสถิติมีเพลงฮิตอันดับแรกในชาร์ตเพลงในสหรัฐฯ อินโทรของเพลงนำมาด้วยเสียงกีตาร์ของสแลช เป็นริฟฟ์ที่ค่อนข้างแปลกหู(ในเชิงบวก) แตกต่างจากไลน์กีตาร์ของวงร็อกอื่น ๆ ขณะที่เสียงร้องของแอ็กเซิล ไม่ได้มีแค่แหลมสูงทรงพลังตามสไตล์วงร็อกยุคนั้น แต่กลับสามารถครอบคลุมไปถึงโทนเสียงระดับอื่น ๆ ได้ตามอารมณ์ของเพลง แอ็กเซิล เขียนเนื้อร้องเพลงนี้จากกลอนที่(ยังเขียนไม่เสร็จ)เสมือนเนื้อหาแนวจดหมายรักพรรณนาถึงคนรักในเวลานั้นชื่อเอริน เอฟเวอรี (Erin Everly) ลูกสาวของดอน เอฟเวอรี (Don Everly) แห่งวง The Everly Brothers เอ่ยถึงรอยยิ้ม, ดวงตาสีฟ้า, ผมอันอบอุ่นนุ่มนวล ที่ทำให้เขานึกถึงความทรงจำวัยเด็กในสถานการณ์ต่าง ๆ (แต่ทั้งคู่คบกันได้ไม่นาน) โดยมีอิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากงานเพลงแบบเซาเธิร์นร็อก แอ็กเซิล เล่าว่า เขาไปหางานของวงในตำนานอย่าง Lynyrd Skynyrd มาฟังเพื่อให้ได้อารมณ์เพลงแนวเดียวกับวง Lynyrd Skynyrd ส่วนท่อนอินโทรที่เป็นเสียงกีตาร์ของสแลช เขาเล่าจุดเริ่มต้นของเพลงไว้ว่า ขณะที่วงยังอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ครั้งหนึ่งเขาแค่เล่นโน้ตไปเรื่อยเปื่อย และอิซซี่ มือกีตาร์อีกรายของวงเล่นคอร์ดคลอตามไป จากนั้นวงก็เริ่มแจมกันต่อไปเรื่อย ๆ แอ็กเซิล ที่อยู่ชั้นบนได้ยินทำนองเพลงเข้า วันต่อมาที่พวกเขาไปเริ่มพรีโปรดักชั่นของงานเพลง แอ็กเซิล เอ่ยขึ้นมาว่าให้วงเล่นทำนองที่เขาได้ยินเมื่อวานอีกครั้ง เมื่อนั้นสมาชิกคนอื่นถึงรู้ว่า แอ็กเซิล วางเนื้อร้องขึ้นมาจากทำนองที่ได้ยินวงแจมกันหลวม ๆ

เกร็ดและควันหลง

มีเกร็ดเล็กน้อยว่า หลังจากท่อนโซโล่อันร้อนแรงของสแลช เพลงมาถึงช่วงเนื้อร้องที่แอ็กเซิล ค่อย ๆ ร้องด้วยเสียงโทนต่ำ(ก่อนค่อย ๆ ไต่ระดับเสียงขึ้น) ว่า “Where do we go now?” (เราจะไปไหนต่อดี?) ความหมายของเนื้อร้องจริง ๆ แล้ว ค่อนข้างตรงตัวตามคำถามเลย เพราะท่อนนี้เริ่มมาจากว่าวงไม่รู้ว่าจะเขียนเพลงไปอย่างไรต่อ แต่ความ “ไม่รู้” ในท่อนนี้กลับเป็นท่อนที่เข้ากับเพลงได้ดีทีเดียว วงเลยตัดสินใจคงท่อนนี้ไว้ในเพลงด้วย แล้วเลือกจะค่อย ๆ เร่งจังหวะและเสียงดนตรีในท่อนต่อมาก่อนจบเพลงด้วยการเอื้อนเสียงสูงปี๊ดของแอ็กเซิล ตีคู่มากับเสียงกีตาร์ของสแลช ที่จริงแล้ว สแลช รู้สึกว่าเพลงนี้แตกต่างจากคาแรกเตอร์ของวงที่ค่อนข้างหนักแน่นดุดันเมื่อเทียบกับเพลงอื่นในอัลบั้มเดียวกันอย่าง Welcome to the Jungle (ซิงเกิลแรกที่วงปล่อย), It’s So Easy, Paradise City และเมื่อมาถึง Sweet Child O' Mine กลับเป็นเพลงออกแนวบัลลาดในจังหวะเร็วขึ้นมาหน่อย (Uptempo ballad) แต่แล้วเพลงนี้กลับเป็นเพลงฮิตที่สุดของวงไปโดยปริยาย เพลงนี้ทำให้สถานีวิทยุเริ่มเปิดงานของวงกันมากขึ้น ปี 1988 หลังจากอัลบั้มปล่อยออกมาได้ราวหนึ่งปี อัลบั้มเข้าไปติดชาร์ตแถวบนของบิลบอร์ด (Billboard 200) นาน 4 สัปดาห์ อัลบั้มยังวนเวียนอยู่ในชาร์ตเกือบ 3 ปีหลังจากปี 1987 หากนับยอดขายอัลบั้มเปิดตัวของศิลปินทั่วโลกแล้ว อัลบั้ม Appetite for Destruction คือหนึ่งในอัลบั้มเปิดตัวที่ทำยอดขายสูงสุดตลอดกาล นับจากวันที่ปล่อยอัลบั้ม เพลง Sweet Child O' Mine มีอายุมากกว่า 30 ปีแล้ว แต่เพลงนี้ยังไม่ได้จางหายไปไหน ยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ยินผ่านหูบ่อยครั้ง ยิ่งเมื่อกระแสย้อนยุคเริ่มกลับมา เพลงนี้มักถูกหยิบยกมาใช้ผสมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของสื่อหลายชนิด เพลงนี้ผ่านเส้นทางมายาวนาน มีเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงนี้มากมาย แฟนเพลงชาวไทยมักแซวว่ามีเพลงของศิลปินรุ่นใหญ่บางท่อนคล้ายอินโทรเพลงนี้ ขณะเดียวกัน เพลง Sweet Child O' Mine เคยโดนกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบทำนองเพลง Unpublished Critics ของ Australian Crawl เช่นกัน แม้ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่าผลงานของพวกเขาละม้ายคล้ายกันจริง แต่ดัฟฟ์ แม็กเคแกน มือเบสของวงถึงกับสาบานว่าไม่ได้ลอกเลียนแบบเพลงของ Australian Crawl และเขาเพิ่งเคยฟังเพลงนั้นเมื่อปี 2015 ครั้งที่มาร์เวล (Marvel) ผลิตภาพยนตร์ทีมซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Guardians of the Galaxy (2014) โดยใส่เพลงย้อนยุคเข้าไปเป็นองค์ประกอบด้วย ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างงดงามพร้อมกับกระแสนิยมในเพลงประกอบจนเกิดอัลบั้มเพลงประกอบหนัง (เป็นมิกซ์เทป) ในรูปแบบเทปคาสเซ็ตต์ (cassette) ออกมาวางจำหน่ายเลยทีเดียว ล่าสุด เมื่อนำธอร์ (Thor) ซูเปอร์ฮีโร่เทพนอร์ส กลับมาในภาพยนตร์เดี่ยวภาคที่ 4 ในชื่อ Love and Thunder โดยใส่ธีมแฟนตาซีแนว 90s และมีทีม Guardians of the Galaxy เข้ามาด้วย เพลง Sweet Child O' Mine ที่ปรากฏในหนังเดี่ยวของธอร์ช่วยยกระดับบรรยากาศได้ดี ไม่แพ้ภาคก่อนที่นำริฟฟ์กีตาร์จากเพลงดังของ Led Zeppelin มาใช้ด้วย สำหรับกรณีเพลงดังของ Guns N' Roses ด้วยคุณภาพและเอกลักษณ์ของงานเพลงนี้ ไม่ว่า จะไปเปิดในบริบทใด Sweet Child O' Mine จะยังคงเป็นเพลงแห่งยุคของ Guns N' Roses และมาพร้อมภาพของขุมพลังเด่นของวงอยู่เสมอ

อ้างอิง :

https://au.rollingstone.com/music/music-lists/best-songs-of-all-time-30065/guns-n-roses-sweet-child-o-mine-30479/ https://www.rollingstone.com/music/music-lists/readers-poll-the-10-best-guns-n-roses-songs-10649/ https://www.firstpost.com/entertainment/guns-n-roses-was-to-1980s-what-the-rolling-stones-were-to-the-60s-rebellious-debauched-and-casually-riotous-10403551.html https://www.ranker.com/list/making-of-sweet-child-o-mine/tracey-graham https://www.history.com/this-day-in-history/guns-n-roses-make-popular-breakthrough-with-sweet-child-o-mine