logo-pwa

เพิ่ม Thepeople

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด

โรเบิร์ต ไอเกอร์ CEO Disney ผู้ใช้ ‘Black Panther’ เปลี่ยนความคิดต่อคนดำในวงการหนัง

โรเบิร์ต ไอเกอร์ CEO Disney ผู้ใช้ ‘Black Panther’ เปลี่ยนความคิดต่อคนดำในวงการหนัง

โรเบิร์ต ไอเกอร์ หรือ บ็อบ ไอเกอร์ เมื่อครั้งเป็น CEO ของดิสนีย์ เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังหนัง แบล็ก แพนเธอร์ (Black Panther) อีกทั้งยังเปลี่ยนความคิดต่อคนดำในวงการหนังด้วย

  • โรเบิร์ต ไอเกอร์ คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์อย่าง แบล็ก แพนเธอร์ (Black Panther) 
  • อาณาจักรดิสนีย์ (Disney) มีผู้บริหารอย่างไอเกอร์ ที่ขับเคลื่อนไอเดียต่าง ๆ จนนำมาสู่ผลงานที่โด่งดังหลายชิ้น

ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังก้องไปทั่วโลกที่มาพร้อมกับประโยคฮิตติดหูอย่าง ‘Wakanda Forever’ พร้อมทำท่าไขว้มือเหนือหน้าอกอย่าง ‘แบล็ค แพนเธอร์’ (Black Panther) ที่ทำรายได้จำนวนมหาศาลจากทั่วโลกด้วยมูลค่า 1.237 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคว้าอันดับ ­12 ในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ที่ทำเงินได้สูง 

หรือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงผมบลอนด์สุดแกร่งอย่าง ‘กัปตัน มาร์เวล’ (Captain Marvel) ที่กวาดรายได้ทั่วโลกด้วยมูลค่า 1.128 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากจำนวนเม็ดเงินที่ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องทำได้แล้ว ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนับว่าสร้างรายได้ให้ดิสนีย์ (Disney) อย่างมหาศาล

และแน่นอนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทั้งสองเรื่องจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ‘โรเบิร์ต ไอเกอร์’ (Robert Iger) CEO คนเก่งของอาณาจักร Disney (ในเวลานั้น)

เพราะเชื่อในสิ่งที่ทำ ผลตอบแทนกลับมาถึงน่าสนใจ

ก่อนภาพยนตร์เรื่องแบล็ค แพนเธอร์จะถือกำเนิดขึ้น หลายคนตั้งคำถามว่า ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีตัวละครเอกผิวดำ จะไปถึงฝั่งฝันทางด้านรายได้ที่ฮอลลีวูดไหม

ใครไม่เชื่อ แต่โรเบิร์ต ไอเกอร์ เชื่อ เขาเชื่อว่า ในวันที่เทรนด์ของโลกเปลี่ยนไปแล้ว วันที่โลกให้ความสำคัญกับความหลากหลายและเท่าเทียม โปรเจกต์ ‘เจ้าเสือดำ’ จึงดำเนินต่อไปจนถึงฝั่งฝัน กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจบันเทิงมากที่สุด ผู้พาดิสนีย์ผ่านยุคมิลเลนเนียลได้อย่างสมภาคภูมิ…เขาคือ โรเบิร์ต ไอเกอร์

สตาร์ทชีวิตการทำงานจากตำแหน่งพนักงานตัวจิ๋ว

ย้อนกลับไปก่อนที่โรเบิร์ตจะกลายมาเป็น CEO อาณาจักรดิสนีย์ โรเบิร์ตเริ่มต้นชีวิตการทำงานครั้งแรกด้วยการเป็นผู้สื่อข่าวสกู๊ปพิเศษที่เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ขนาดเล็ก และยังเคยเป็นผู้รายงานสภาพอากาศในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1974 โรเบิร์ตก้าวเท้าเข้าสู่สถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่อย่าง เอบีซี กรุ๊ป (ABC Group) ด้วยตำแหน่งหัวหน้าสตูดิโอ 

ในบริษัทแห่งนี้เขาได้รับประสบการณ์การทำงานมากมายจากตำแหน่งงานที่เขาได้ทำมาอย่างหลากหลาย โรเบิร์ตเคยทำทั้งรายการกีฬาและรายการโทรทัศน์ ซึ่งเขาก็ได้สร้างตำนานในช่วงที่เขาเข้าบริหารด้วยการพารายการทีวีของตัวเองฉายช่วงไพรม์ไทม์เป็นเวลานานถึง 10 ปี

ทั้งยังได้รางวัลซีรีส์ดรามายอดเยี่ยมของสถานีโทรทัศน์ที่เคยสร้างมาอีกด้วย จนกระทั่งโอกาสของโรเบิรต์ในการเข้าสู่อาณาจักรดิสนีย์ที่ยิ่งใหญ่ก็มาถึง
 
การเริ่มต้นครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว

โรเบิร์ต ไอเกอร์ได้เข้าสู่ดิสนีย์ในตอนที่ เอบีซี กรุ๊ปและแคปซิตีส์ (Cap Cities) ถูกผนวกรวมไปกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์ ณ ตอนนั้นเขาดำรงตำแหน่ง COO (Chief Operating Officer) ของแคปซิตีส์ และควบตำแหน่งประธานบริษัทเอบีซี กรุ๊ป โรเบิร์ตต้องรับภาระจากการเพิ่มบทบาทหน้าที่เป็นผู้บริหารฝ่ายบันเทิงของดิสนีย์ เขาฟันฝ่าอุปสรรคมากมายในตอนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแห่งนี้ 

ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่จะต้องแยกห่างจากครอบครัว และต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้นจากการควบตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายสื่อบันเทิงดิสนีย์ หรือต้องพบเจอกับความหวาดระแวงจากเจ้านายที่กลัวว่าเขาจะแย่งตำแหน่ง CEO จนกระทั่งโรเบิร์ตได้รับความไว้วางใจให้ดูแลโปรเจกต์ขนาดใหญ่ในการเป็นผู้ประสานงานให้ดินแดนสวนสนุกดิสนีย์แลนด์เกิดขึ้นที่ประเทศจีนให้ได้

โรเบิร์ตใช้ชีวิตการทำงานในทุก ๆ วันเพื่อดิสนีย์ จนในที่สุดวันของโรเบิร์ตก็มาถึง วันที่ความพยายามและความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์ว่าเขาเหมาะสมที่จะเป็นผู้บังคับหัวเรือของอาณาจักรดิสนีย์และเข้ารับตำแหน่ง CEO ต่อจากไมเคิล ไอส์เนอร์ (Michael Eisner)
 
ความสำเร็จจากการเลือกที่จะแตกต่าง

ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมามีผลงานมากมายจากดิสนีย์ที่มีโรเบิร์ต ไอเกอร์ อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน แต่ผลงานที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตการทำงานคือ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่สุดอลังการอย่าง ‘Black Panther’ และ ‘Captain Marvel’ ที่โรเบิร์ตเป็นผู้ตัดสินใจสั่งผลิตเองกับมือ

โรเบิร์ต ไอเกอร์คือชายผู้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อย่างแท้จริง เขาฉีกทุกกฎในวงการฮอลลีวูดที่มีข้อกังขากับความสำเร็จของภาพยนตร์ที่มีนักแสดงผิวดำเป็นตัวเอก โดยโรเบิร์ตเชื่อมั่นเสมอมาว่า

“อดีตที่ผ่านมาไม่สำคัญเท่าช่วงเวลาในปัจจุบัน กล้าที่จะลงมือทำสิ่งใหม่หรือเลือกที่จะปล่อยให้สูญหายไปตามกาลเวลา ถ้ากลัวที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ความคิดใหม่ ๆ ก็จะไม่บังเกิดขึ้น”

ท่ามกลางความลังเลที่เกิดขึ้นในทีมงานมาร์เวล ทุกข้อความกังวลที่กล่าวว่า ‘ภาพยนตร์ที่มีซูเปอร์ฮีโร่ผิวดำไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ชมต่างประเทศ’ หรือ ‘ภาพยนตร์ที่ชูตัวละครซูเปอร์ฮีโร่หญิงเป็นหลักส่วนใหญ่จะสร้างรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศไม่มากนัก’ แต่ข้อกังขาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้โรเบิร์ตหวั่นใจเลยแม้แต่น้อย

เขาเลือกที่จะเดินหน้าต่อและตัดสินใจสร้างภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องขึ้น และยังเป็นผู้เลือก ‘แชดวิก โบสแมน’ (Chadwick Boseman) นักแสดงมากความสามารถที่เข้าถึงทุกบทบาทมาแสดงเป็นตัวละครบทบาทสำคัญอย่างแบล็ค แพนเธอร์เองอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจของโรเบิร์ตครั้งนี้คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เขาเลือกเดินอย่างมาก เพราะแบล็ค แพนเธอร์และกัปตันมาร์เวลประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม อีกทั้งยังกวาดรายได้จากทั่วโลกถึงหลักพันล้านเหรียญ 

ภาพยนตร์แบล็ค แพนเธอร์เองก็ได้ทุบสถิติใหม่จากการสร้างรายได้สูงสุด 4 วันแรกของการเปิดตัวจนไต่อันดับไปสู่ที่ 2 ของประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ เป็นรองเพียงแค่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ร่วมค่ายอย่าง Avengers: Infinity War เท่านั้น

และแม้ว่าวันนี้แชดวิก โบสแมน จะจากลาโลกนี้ท่ามกลางความเสียใจของบรรดาแฟนคลับ แต่จิตวิญญาณ Black Panther ไม่ได้จากเราไปไหน เพราะมันกลายเป็นตำนานคู่ประวัติศาสตร์หนังในจักรวาลมาร์เวลเรียบร้อยแล้ว

โรเบิร์ตคือตัวอย่างชั้นดีที่แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ หรือเลือกเดินออกจากกรอบแบบเดิม ๆ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด เพราะการเปลี่ยนแปลงเพียงนิดเดียวก็สามารถนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน และถึงแม้ว่าภายในสิ้นปี 2021 โรเบิร์ต ไอเกอร์จะต้องอำลาวงการไปใช้ชีวิตบั้นปลายหลังจากทำงานสร้างความสุขมานานหลายปี แต่เชื่อว่าทุกผลงานที่ชายคนนี้ได้สร้างมาทั้งชีวิตจะเป็นที่ตราตรึงในความรู้สึก และกลายเป็นที่จดจำของผู้คนเสมอไป
 
เรื่อง: ชุลิตา วิไลเจริญตระกูล

ที่มา:

หนังสือเส้นทางไต่ฝัน (The Ride of a Lifetime)

Box Office Mojo

Box Office Mojo

Hollywood Reporter

Notable Biographies

The Walt Disney Company