เพิ่ม Thepeople
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
14 มิ.ย. 2564 | 11:41 น.
“People said you couldn’t have Gandalf the Gay… but apparently you could.” (“ผู้คนบอกว่าเรามีแกนดัล์ฟที่เป็นเกย์ไม่ได้หรอก แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีได้”)คำพูดนี้ เซอร์เอียน แม็คเคลเลน (Ian McKellen) กล่าวไว้ในภาพยนตร์สารคดี McKellen: Playing the Part (2017)ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเขาและเส้นทางการแสดง ซึ่งแม็คเคลเลนเองก็รู้สึกมาตลอดว่าตัวเขาก็กำลังรับบท ‘ละครชีวิต’ อยู่เช่นกัน เพราะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงมาเนิ่นนาน จนเขาตัดสินใจได้ว่าสิ่งที่เขาเป็นนั้นมันไม่ใช่ความผิด และเขาไม่ต้องขออนุญาตใครเพื่อที่จะเป็นตัวเอง เอียน แม็คเคลเลน ประกาศรสนิยมทางเพศว่าเป็นบุคคลรักเพศเดียวกันต่อสาธารณชนในรายการวิทยุ BBC Radio 3 เมื่อปี 1988 ซึ่งในขณะนั้นเขาอายุได้ 49 ปี ความลับที่เขาเก็บมานานเกือบครึ่งทศวรรษนี้ถูกเปิดเผยเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกลุ่มชาว LGBTQ เนื่องจากในขณะนั้นรัฐสภาอังกฤษออกพระราชบัญญัติการปกครองท้องถิ่นที่เรียกว่า มาตรา 28 (Section 28) ห้ามหน่วยงานท้องถิ่นกระทำการใด ๆ ซึ่งเป็น ‘การส่งเสริมการรักร่วมเพศΩ (promotion of homosexuality)’ ซึ่งมีผลทำให้องค์กรกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศทั้งหมดจะต้องทำการปิดกั้น หรือจำกัดการนำเสนอกิจกรรมของตัวเอง แม็คเคลเลนออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน โต้กับนักข่าวดังสายอนุรักษนิยมแห่งยุคนั้นอย่างเซอร์เพเรกริน เวิร์สธอร์น พร้อมกับประกาศอย่างชัดเจนว่าตัวเองเป็นเกย์ โดยยอมแลกกับชื่อเสียงในฐานะนักแสดงดังที่สั่งสมมาทั้งชีวิต ในตอนนั้นเขาถูกวิจารณ์ต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าอาชีพการงานของเขาต้องจบลงเพียงแค่นี้ แฟนคลับจำนวนมากออกมาแสดงความผิดหวังในตัวเขาและประกาศเลิกสนับสนุน แต่สำหรับแม็คเคลเลนแล้ว สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียใจก็คือเขาควรจะออกมายอมรับตัวเองเร็วกว่านี้ เพราะทุกอย่างมันดีขึ้นรวมถึงงานด้านการแสดงของเขาด้วย “มันเปลี่ยนชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ผมค้นพบตัวเอง และทุกอย่างก็ดีขึ้น ความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัว กับเพื่อน กับคนแปลกหน้า และงานของผมก็ดีขึ้น เพราะผมไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไปแล้ว” ทุกวันนี้เอียน แม็คเคลเลน ยังคงเดินหน้ารณรงค์ทำกิจกรรมเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้กับกลุ่มคน LGBTQ ทั่วโลก และได้รับการจัดเป็น 1 ใน 10 ผู้ทรงอิทธิพลใน World Pride Power List
“ผมไม่คิดว่าคนดูจะมาสนใจอะไรหรอกนะ คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นชายแท้ถึงแสดงเป็นแกนดัล์ฟได้ ยังไงก็เถอะ ใครบอกว่าแกนดัล์ฟไม่ใช่เกย์”ความรักของสองอัศวิน เซอร์เอียน แม็คเคลเลน คุกเข่าลงข้างหนึ่งกุมมือของเซอร์แพทริค สจ๊วต พร้อมกับถามคำถามว่า “นายจะแต่งงานกับฉันไหม” เซอร์แพทริคตอบว่า “แต่งครับ” เรียกกระแสฮือฮากลางงานพรีเมียร์ซีรีส์เรื่อง Star Trek: Picard ซึ่งจัดขึ้นที่ Odeon Luxe Leicester Square ที่ลอนดอน เมื่อมกราคม 2020 แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนแสดงความสวีทหวานแบบ ‘มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน’ เช่นนี้ ในปี 2015 ทั้งคู่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อทั้งสองเซอร์จุมพิตกันกลางพรมแดงของ Mr. Holmes ภาพยนตร์ที่เอียน แมคเคลเลน แสดงนำเป็นเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ความสัมพันธ์แสนหวานนี้ทำให้ทั้งสองคนเป็นหนึ่งในคู่เพื่อนซี้ที่โด่งดังมากที่สุดในฮอลลีวูด ก่อนที่จะมาแสดงร่วมกันใน X-Men (2000) ทั้งคู่เคยอยู่คณะละคร Royal Shakespeare Company ด้วยกัน แสดงละครเวทีด้วยกันในเรื่อง Every Good Boy Deserves Favour เมื่อปี 1977 ซึ่งสจ๊วตสารภาพในภายหลังว่าตอนนั้นเขาชื่นชมแม็คเคลเลนมากแต่ก็กลัว ไม่กล้าที่จะเข้าไปพูดคุย ทำได้แค่แอบมองอยู่ห่าง ๆ แต่เหมือนชะตาฟ้าลิขิตให้ทั้งสองได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน เมื่อมารับบทแม็กนีโต้ และศาสตราจารย์ชาร์ลส เซเวียร์ ตอนช่วงแสดง X-Men เนื่องจากเทรลเลอร์ที่พักสำหรับนักแสดงของทั้งสองคนนั้นเชื่อมติดกัน ทำให้ได้ทำความรู้จักด้วยการจิบน้ำชายามบ่ายหรือดื่มเหล้าด้วยกันยามค่ำ พร้อมสนทนาเกี่ยวกับชีวิตและการทำงานและเรื่องต่าง ๆ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็งอกเงยจากเพื่อนในกองถ่ายกลายมาเป็นเพื่อนในชีวิตจริงและคบหาพบปะกันอยู่เสมอ