อิสราเอล คามาคาวิโวโอเล ชายร่างยักษ์ กับอูคูเลเล่ตัวเล็ก ผู้ใช้เสียงทุ้มนุ่มพาเราข้ามผ่านสายรุ้ง

อิสราเอล คามาคาวิโวโอเล ชายร่างยักษ์ กับอูคูเลเล่ตัวเล็ก ผู้ใช้เสียงทุ้มนุ่มพาเราข้ามผ่านสายรุ้ง
“Somewhere over the rainbow Way up high And the dreams that you dream of Once in a lullaby” เสียงร้องนุ่มทุ้มเหมือนดังก้องกังวานจากสุดปลายสายรุ้ง คลอด้วยเสียงอูคูเลเล่ที่แว่วเสียงชวนให้ล่องลอยสูงขึ้นไปในความฝันนี้ คือบทเพลง ‘Somewhere Over the Rainbow’ ผ่านการขับร้องโดย อิสราเอล คามาคาวิโวโอเล นักร้องชาวฮาวาย ผู้ทำให้ตัวเขาและท่วงทำนองนี้กลายเป็นตำนาน โลกรู้จักบทเพลง ‘Somewhere Over the Rainbow’ ครั้งแรกจากภาพยนตร์คลาสสิกเรื่อง The Wizard of Oz ในปี 1939 เพลงต้นฉบับร้องโดย จูดี การ์แลนด์ นักแสดงนำในเรื่องนี้ที่รับบทโดโรธี สาวน้อยจากแคนซัสที่ถูกพายุพัดพาไปในดินแดนแห่งออซ เธอร้องเพลงเปิดตัวนี้ได้ดีอย่างไม่มีที่ติ จนฉากนี้จัดเป็นอีกหนึ่งความคลาสสิกของหนังเพลงฝั่งฮอลลีวูด ใครจะไปเชื่อว่าชายหนุ่มร่างใหญ่จากเกาะฮาวาย พร้อมด้วยอูคูเลเล่ตัวเล็กในมือ จะทำให้ภาพจำของเพลงนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล ตอนที่เขาเริ่มเมดเลย์เพลงนี้ผสมกับเพลง ‘What a Wonderful World’ ของ หลุยส์ อาร์มสตรอง ในปี 1993 อิสราเอล "อิซ" คาอาโนอี คามาคาวิโวโอเล (Israel "IZ" Kamakawiwoʻole) เดบิวต์ครั้งแรกด้วยการร้องอุแว้ โดยมีหมอและพยาบาลของโรงพยาบาล Kuakini ในฮอนโนลูลู เป็นผู้รับฟัง เมื่อวันที่ 20 เดือนพฤษภาคม ปี 1959 สามเดือนก่อนที่ฮาวายจะถูกผนวกเข้าเป็นรัฐลำดับที่ 50 ของสหรัฐอเมริกา พ่อแม่ตั้งชื่อลูกคนที่สามของทั้งคู่เป็นภาษาฮาวายที่มีความหมายว่า “ดวงตาที่ไม่กริ่งเกรง” เด็กน้อยคามาคาวิโวโอเลมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ด้วยการสนับสนุนของครอบครัว เขาได้มีโอกาสไปร้องเพลงบนเรือนำเที่ยวที่พ่อแม่ของเขาทำงานอยู่ตั้งแต่เขายังอายุไม่ถึงสิบขวบ และหัดเล่นอูคูเลเล่โดยมีพี่ชายที่อายุห่างจากเขาห้าปีเป็นครูสอน ตอนนั้นทุกคนเรียกคามาคาวิโวโอเลว่า “เด็กชายอูคูเลเล่” ต่อมาครอบครัวของคามาคาวิโวโอเลย้ายไปที่มากาฮา ที่นั่นเองเขาได้ขัดเกลาทักษะทางดนตรี โดยมีลุงที่เป็นนักดนตรีพื้นเมืองผู้มีชื่อเสียงเป็นไอดอล เขาจับมือกับพี่ชายฟอร์มวงดนตรีขึ้นมา ด้วยการที่ส่วนมากพวกเขาจะเปิดการแสดงเคล้าเสียงคลื่นอยู่บริเวณชายหาดมากาฮาเป็นประจำ พวกเขาเลยตั้งชื่อวงที่เพิ่งทำคลอดนี้ว่า The Makaha Sons วงดนตรีของพวกเขาบันทึกเสียงอัลบั้มแรกตอนปี 1976 ก่อนจะทยอยปล่อยอัลบั้มอื่น ๆ ตามมาเป็นระยะ ขณะที่วง The Makaha Sons กำลังไปได้ดี พี่ชายสุดรักที่ก่อตั้งวงมาด้วยกันก็จากไปด้วยโรคหัวใจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์กับหวานใจซึ่งรู้จักกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังเด็ก ปีต่อมาทั้งคู่ก็มีบุตรสาวเป็นพยานรัก หลังสูญพี่ชาย คามาคาวิโวโอเลท้าทายตัวเองด้วยการออกอัลบั้มเดี่ยวคือ Ka ʻAnoʻi ในปี 1990 อัลบั้มนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากบรรดานักวิจารณ์ โดยคว้ารางวัลอัลบั้มดนตรีร่วมสมัยแห่งปีไปครอง ควบด้วยรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยม จากสถาบันศิลปะวิทยาการการบันทึกเสียงแห่งฮาวาย และในปี 1993 เขาได้เปิดตัวอัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองภายใต้สังกัด The Mountain Apple Company ซึ่งเพลงเกือบสุดท้ายในอัลบั้ม Facing Future นี้เองที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โปรดิวเซอร์ที่ดูแลอัลบั้ม Facing Future พยายามขับจุดเด่นเสียงอันมีเอกลักษณ์หยุดผู้ฟังของคามาคาวิโวโอเลออกมาให้ได้มากที่สุด เพลงส่วนใหญ่เลยจะเน้นที่เสียงร้องของเขา รวมถึงเพลง ‘Somewhere Over the Rainbow/What a Wonderful World’ เพลงเมดเลย์ความยาว 5.07 นาที ที่นำสองเพลงสุดไพเราะมารวมกัน หลังจากเพลงนี้ถูกเปิด ที่เหลือก็อย่างที่เรารู้กัน เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปติดชาร์ตในหลายคลื่นวิทยุ มียอดจำหน่ายทั่วโลกหลายล้านชุด คนใกล้ตัวคามาคาวิโวโอเลเล่าให้ฟังว่า วันนั้นเขาถูกสตูดิโอเรียกให้มาอัดเสียงด่วน เขานั่งรถมาภายใน 15 นาที และเข้าไปในห้องอัดทันที พอเจ้าหน้าที่หาเก้าอี้ให้เขานั่ง เขาก็รีบปรับแต่งไมโครโฟนเพื่อเทสต์เสียง แล้วคว้าอูคูเลเล่เทเนอร์ตัวเล็กขึ้นมาร้องเพลงนี้ทันทีแบบเทคเดียวผ่าน เสน่ห์เนื้อเสียงของคามาคาวิโวโอเล ทำให้เพลงนี้สามารถสะกดผู้ฟังได้ในครั้งแรกที่ได้ยิน จุดนี้เองที่ทำให้เพลงฮิตของเขาเป็นที่สนใจของบริษัทโฆษณาจากทั่วโลก รวมไปถึงผู้สร้างภาพยนตร์มากมายที่นำบทเพลงนี้ไปใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น Meet Joe Black, Finding Forrester, 50 First Dates, Pineapple Express, Fred Clause, Snakes On A Plane ซึ่งเพลงนี้ถูกอัพขึ้น YouTube ให้ฟัง โดยมียอดการรับชมไปแล้วกว่า 775 ล้านครั้ง เสียงของคามาคาวิโวโอเลมีความประหลาด เพราะไม่ว่าใครที่ได้ฟังต่างรู้สึกมีความสุข อบอุ่น และรู้สึกดี ยิ่งเมื่อเทียบกับความมีเอกลักษณ์ของเขาที่สูง 188 เซนติเมตร และช่วงหนึ่งที่เขาเคยมีน้ำหนัก 343 กิโลกรัม มีค่าดัชนีมวลกายถึง 97.05 ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แต่เพราะน้ำหนักตัวเช่นกัน ที่เป็นสาเหตุหลักให้นักร้องเสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์คนนี้มีปัญหาสุขภาพ และจากโลกไปด้วยวัยเพียง 38 ปี เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี 1997 ด้วยอาการหัวใจวาย หลังการจากไป เขาได้รับการเชิดชูเกียรติจากทางการรัฐฮาวายที่ประกาศลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัย และตั้งหีบศพไว้ในที่ทำการของรัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้าเคารพศพ ซึ่งมีผู้มาเคารพร่างไร้วิญญาณของศิลปินคนนี้กว่าหนึ่งหมื่นคน และอีกหลายพันคนที่มาร่วมพิธีโปรยเถ้ากระดูกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ที่หาดมากัว เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 1997 ในวันที่ 20 กันยายน ปี 2003 ผู้คนที่ยังคงได้ยินเสียงร้องเพลงของคามาคาวิโวโอเล อยู่ตลอด ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสร้างอนุสาวรีย์ให้กับเจ้าของเสียงอันเป็นตำนาน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ Waianae Neighborhood Community Center คามาคาวิโวโอเล ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเสียงร้องของฮาวาย ในซีรีส์ 50 great voices series ของ NPR ในปี 2010 นอกจากนี้หนังสั้นของ Pixar เรื่อง Lava ที่ออกฉายพร้อมภาพยนตร์ Inside out ในปี 2014 ยังได้แรงบันดาลใจจากนักร้องร่างใหญ่คนนี้มาเต็ม ๆ แม้วันนี้คามาคาวิโวโอเลจะหายไปที่ไหนสักแห่งเหนือสายรุ้ง เบื้องบนที่สูงขึ้นไป แต่เสียงนุ่มทุ้มของคามาคาวิโวโอเลที่ขับร้องเพลง ‘Somewhere Over the Rainbow’ ยังคงไม่แผ่วเบา ตราบใดที่พวกเรายังคงรักเสียงเพลงของเขา “Somewhere over the rainbow Bluebirds fly And the dreams that you dare to Oh why, oh why can't I?”   ที่มา : https://www.youtube.com https://izhawaii.com