09 มิ.ย. 2568 | 11:00 น.
“การผ่าตัดไม่ได้เป็นเพียงแค่การรักษาโรค แต่เป็นการรักษาทุก ๆ อย่างของคน ๆ หนึ่ง แน่นอนว่าการผ่าตัดให้ปลอดภัย คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สำหรับผม การผ่าตัดไม่ได้เป็นเพียงแค่นั้น แต่เป็นการทำให้เขากลับไปเป็นเหมือนเดิม…โดยไม่ต้องหลบซ่อนอะไร"
"เมื่อคนไข้ไว้ใจเราแล้ว ผมจะคิดอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรจะทำให้ผู้ป่วย ปลอดภัย เจ็บน้อยที่สุด พักฟื้นไวที่สุด มีแผลเป็นน้อยที่สุด หรือ จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้คนไข้ไม่มีรอยแผลเป็น”
นั่นคือเสียงของ หมอโจอี้ - นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้อง กับแนวคิดการผ่าตัดที่ไม่อยากทิ้งไว้แม้แต่รอยแผลเป็น
ในโลกของศัลยแพทย์ มีเทคนิคที่เรียกว่า Natural Orifice Transluminal Endoscopic Surgery (NOTES) และ Single Incision Laparoscopic Surgery (SILS) ที่สามารถผ่าตัดส่องกล้องผ่านช่องทางตามธรรมชาติ เช่น ช่องปาก หรือสามารถผ่าตัดส่องกล้องแผลเดียวผ่านทางสะดือได้ ทำให้เมื่อแผลหายแล้ว แทบไม่มีรอยแผลเป็นจากภายนอก
ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเทคนิคเฉพาะทางที่ซับซ้อน — แต่หมอโจอี้กลับเลือกทำสิ่งนี้ให้เป็น “มาตรฐานของการดูแลคนไข้” โดยที่จะไม่ลดคุณภาพความปลอดภัยของการผ่าตัดลงแม้แต่นิดเดียว
“บาดแผลจากการรักษาหลาย ๆ ครั้งไม่ได้กระทบต่อแค่ร่างกาย แต่อาจจะมีผลต่อจิตใจ หรือความเป็นอยู่ของเรา”
หมอโจอี้เล่าในขณะที่พูดถึงคนไข้ผู้หญิงอายุ 18 ปี ที่ต้องใส่ผ้าพันคอเพื่อปิดบังรอยแผล ขณะมาตรวจติดตามหลังจากผ่าตัดต่อมไทรอยด์แบบเปิดไปเมื่อ 2 ปีก่อน
“แปลกแต่จริงนะครับ โรคก้อนที่ต่อมไทรอยด์ กว่า 80% จะเป็นในผู้หญิง และสามารถพบเจอได้ตั้งแต่วัยรุ่น ส่วนการผ่าตัดไทรอยด์แบบเดิม ๆ ก็ดันมีแผลเป็นอยู่กลางคอ เหมือนเป็นตราบาปของคนไข้เสียด้วยซ้ำ”
การรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดแบบในอดีตนั้น ถึงโรคจะหายไปแต่อาจจะเป็นการสร้างบาดแผลในจิตใจ หรือตัดโอกาสในชีวิตของคนหนึ่งคนก็เป็นได้ เพราะการที่มีแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่กลางคอ อาจจะมีผลกระทบต่อการงาน หรือชีวิตของเขา หากในอนาคตต้องเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง เป็นดารา นักร้อง หรือนักแสดง
หลังจากจบการศึกษาเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป หมอโจอี้ ได้เลือกเรียนต่อเฉพาะทางผ่าตัดส่องกล้องที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ไม่เพียงเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของไทยแต่ยังได้รับการยอมรับจากศัลยแพทย์ทั่วโลกว่าเป็น สถานที่ที่บุกเบิกการผ่าตัดไทรอยด์ส่องกล้องทางช่องปาก ด้วยวิธี Transoral Endoscopic Thyroidectomy Vestibular Approach (TOETVA)
“ที่โรงพยาบาลตำรวจ นอกจากจะเรียนรู้เทคนิคการผ่าตัด ผมยังได้เรียนรู้วิธีคิดแบบนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่ต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา และการที่ได้มีโอกาสเป็นผู้อบรมการผ่าตัด TOETVA ให้กับศัลยแพทย์จากต่างประเทศ ทำให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วสิ่งที่ผมคิด ณ เวลานั้น คือ ต่อไปนี้เราจะอยู่แค่ในประเทศไทยต่อไปไม่ได้แล้ว”
หลังจากที่ได้เรียนเฉพาะทางผ่าตัดส่องกล้องที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว หมอโจอี้ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
“สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น คือการผ่าตัดไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยหายจากโรคเท่านั้น แต่ยังต้องประณีตและละเอียดอ่อนถึงขึ้นผ่าตัดอย่างไรให้เจ็บน้อยที่สุด ใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างไรให้ผู้ป่วยฟื้นตัวไวที่สุด ดูแลอย่างไรให้เดินได้ทันทีหลังจากผ่าตัดเสร็จ”
หมอโจอี้กล่าวหลังจากเห็น อาจารย์ที่ประเทศญี่ปุ่นผ่าตัดโดยลดแผลเหลือแค่ 1 - 2 แผล และลดขนาดแผลจากปกติ 0.5 ซม. จนเหลือแค่ 0.2 ซม.โดยที่ไม่ได้ลดคุณภาพ หรือมาตรฐานการผ่าตัดลงเลยแม้แต่นิดเดียว และคนไข้ทุกรายหลังจากผ่าตัดแล้วจะต้องได้รับการฉีดยาชาระงับความปวดที่เส้นประสาทโดยตรง เพื่อลดความปวดให้ได้มากที่สุด หลังจากผ่าตัดเสร็จไม่นาน คนไข้ก็ลุกขึ้นเดินได้ทันที
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือ เมื่อปี 2023 หมอโจอี้ ได้เข้าร่วมงานประชุมการผ่าตัดโรคอ้วนแห่งเอเชีย-แปซิฟิก และ มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ศัลยแพทย์ชาวไต้หวันท่านหนึ่ง “ตอนนั้นหมอสงสัยมาก เลยเดินเข้าไปถามเขาตรง ๆ เลยว่า คุณทำได้ยังไง ผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วนแผลเดียว ปกติเค้าผ่าตัดกัน 5 แผล เครื่องมือไม่ตีกันเหรอ คนไข้น้ำหนักตัวมากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเหรอ”
รู้มั้ยว่าสิ่งที่ท่านได้ตอบกลับมา คือ “ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณนั่นแหละ ถ้าผมทำได้ คุณก็ต้องทำได้ ทุกวันนี้ผมผ่าตัดแผลเดียว ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว”
“หลังจากนั้น ผมไฟลุกเลยครับ รีบกลับไปย้อนดูงานวิจัย สังเกตการผ่าตัดของศัลยแพทย์ท่านอื่น และย้อนกลับมาดูการผ่าตัดของตัวเอง เพื่อเอามาพัฒนาเทคนิค จนสุดท้ายก็สามารถผ่าตัดกระเพาะแผลเดียวได้ครับ” หมอโจอี้กล่าวอย่างติดตลก
“บางคนหายจากโรค แต่ต้องใช้ชีวิตแบบขาดความมั่นใจ ไม่กล้าใส่เสื้อเปิดคอ ไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำ ถึงเรารักษาชีวิตเขาไว้ แต่ถ้าทำให้ความสุขของเขาลดลง นั่นเรียกว่าการรักษาจริงๆหรือไม่?”
หมอโจอี้ถามตัวเองอยู่เสมอ
ทุก ๆ การผ่าตัดที่หมอโจอี้มอบให้แก่ผู้ป่วย จะใช้เทคนิคที่ดีที่สุดเพื่อรักษาผู้ป่วยในแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น ผ่าตัดส่องกล้องไทรอยด์ทางช่องปาก ผ่าตัดกระเพาะโรคอ้วนแผลเดียวผ่านสะดือ การผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแผลเดียวผ่านสะดือ การผ่าตัดส่องกล้องไส้ติ่งแผลเดียวผ่านสะดือ ผ่าตัดส่องกล้องไส้เลื่อนโดยไร้หมุดเย็บ การผ่าตัดไส้เลื่อนด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่ หรือการผ่าตัดส่องกล้องอื่น ๆ ทุก ๆ การผ่าตัด ได้ถูกคิด วิเคราะห์จากความปลอดภัย และความเหมาะสมกับผู้ป่วยในแต่ละราย โดยที่ทุกคนจะได้รับการฉีดยาชาระงับความปวดที่เส้นประสาท ทำให้ผู้ป่วยหลังผ่าตัดหลายรายบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มีแค่อาการตึง ๆ แผล แต่ไม่ได้ปวดแผลเท่าที่คิดไว้
รอยแผลหลังจากผ่าตัดส่องกล้องแผลเดียวซ่อนในสะดือ
ทัศนคติที่สำคัญต่อการเป็นศัลยแพทย์ คือ การเรียนรู้อันไม่มีที่สิ้นสุด ความรู้ที่ดีที่สุดในวันนี้ อาจกลายเป็นของเก่าในวันพรุ่งนี้แล้วก็เป็นได้ แม้ในวันนี้ หมอโจอี้จะเป็นหนึ่งในหมอรุ่นใหม่ที่ต่อยอดเทคนิคผ่าตัดไร้รอยแผลในหลายหัตถการ ไม่ว่าจะเป็นไทรอยด์ ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร หรือ ไส้ติ่ง แต่หมอโจอี้กลับ ‘ไม่เคยคิดว่าตัวเองพอ’ เมื่อคนไข้ทุกคนไว้วางใจ หมอโจอี้ก็จะยังคงพัฒนาต่อไป “จะไม่หยุดอยู่ที่การผ่าตัดเพื่อรักษาโรค แต่ต้องเป็นการรักษาทุก ๆ อย่างของคนหนึ่งคน” ทำอย่างไรให้ ปลอดภัยที่สุด เจ็บน้อยที่สุด ผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุด และ มีแผลเป็นน้อยที่สุด
“ศัลยแพทย์ที่เก่งอาจรักษาได้ทุกโรค แต่ศัลยแพทย์ที่ผมอยากเป็น…คือคนที่ช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องจดจำว่าครั้งหนึ่งเคยถูกผ่าตัด”
นั่นคือเหตุผลที่หมอโจอี้ยังคงเดินหน้าศึกษา พัฒนา และคิดค้นวิธีผ่าตัดที่ปลอดภัย เจ็บน้อย และไร้รอยแผลอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพื่อให้ใครจดจำว่า “หมอโจอี้เก่ง” แต่เพื่อให้คนไข้…ไม่ต้องจดจำเลยว่าเคยถูกผ่าตัด
ขณะทำการผ่าตัดส่องกล้องแผลเดียวซ่อนในสะดือ