เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ

เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ

“เราต้องต่อสู้ตามสิทธิ์ที่เรามี ประชาชนต้องเป็นคนต่อสู้ อย่างกัญชาถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นสู้ เขาจะเปลี่ยนใหม่ไหม ผมเปรียบเทียบง่าย ๆ ระหว่างมาเลเซียกับไทยของเขายังประหารชีวิตกันอยู่เลย ถึงแม้ว่าจะนำมาใช้ในการรักษาโรคก็ตาม

เรานี่เสรีแล้ว มัน(กัญชา)ออกจากยาเสพติดแล้ว เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะประชาชนเข้มแข็ง มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยถ้าประชาชนเราไม่เข้มแข็ง”

เดชา ศิริภัทร คือผู้ก่อตั้งมูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี ปราชญ์ชาวนา หมอพื้นบ้าน และเป็นหนึ่งในคนที่ต่อสู้เพื่อให้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมายมานานนับสิบปี เส้นทางการต่อสู้ของเขาไม่เคยราบเรียบ เพราะตั้งแต่ตั้งตนว่าจะรักษาคนป่วยไข้ให้หายจากการเจ็บป่วยโดยใช้น้ำมันกัญชาสกัดสูตรของเขาเอง ชีวิตของหมอพื้นบ้านคนนี้ก็ไม่เคยเจอกับความสงบอีกเลย

ย้อนกลับไปในวันที่ 3 เมษายน 2562 ระหว่างที่เดชาเดินทางไปต่างประเทศ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ได้เข้ามาทำการตรวจยึดกัญชา 200 ต้น ที่มูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีการนิรโทษกรรม 90 วัน และเปิดโอกาสให้ผู้ถือครองกัญชาทางการแพทย์ ยื่นจดแจ้งได้โดยไม่ต้องรับโทษ แต่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ คนหนึ่งกลับโดนจับกุมตัวไปในข้อหาครอบครองกัญชา

 

เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ประชาชนจากทั่วสารทิศลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แม้แต่ในโลกออนไลน์ยังออกมาร่วมเรียกร้องความยุติธรรมให้หมอเดชาและเจ้าหน้าที่พ้นโทษ จนเกิดแฮชแท็ก #SaveDecha ที่ร้อนแรงในทวิตเตอร์

นี่คือบทสัมภาษณ์ของเขา ว่าด้วยเรื่องราวชีวิตและจุดเริ่มต้นเส้นทางการต่อสู้ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจยืนเคียงข้างประชาชน จนถึงวันที่กัญชาถูกกฎหมาย เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ

The People : เหตุการณ์ไหนที่ทำให้คุณตัดสินใจลงมาต่อสู้ เพื่อเรียกร้องให้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมาย

เดชา : ตอนปี พ.ศ. 2520 ผมบวชอยู่ที่วัดสวนโมก ไปบวชกับท่านพุทธทาสอยู่ 4 เดือน เพราะแม่ผมเสีย ตรงนี้ก็เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนในชีวิต มันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเลย เพราะผมไปรู้ความจริงบางอย่างที่เราไม่เคยเรียน มันคือความจริงของชีวิต เราเรียนแต่เรื่องอาชีพ ว่าชีวิตเป็นแบบนี้ ความทุกข์เป็นแบบนี้ ความสุขเป็นแบบนี้ ชีวิตที่ถูกต้องเป็นแบบนี้ การงานที่ถูกต้องเป็นแบบนี้นะ แต่ความจริงมันไม่ใช่ 

ผมก็เลยเปลี่ยนออกมาหาการงานที่น่าจะทำให้เรามีความสุข ไปในทางปฏิบัติธรรม ก็คือพุททาสท่านจะไม่แยกระหว่างการทำงานกับการปฏิบัติธรรม ถ้าเราไม่ได้เป็นพระ เราก็ต้องหางานที่เป็นการปฏิบัติธรรมไปด้วย อย่างแรกต้องไม่เบียดเบียนทั้งตัวเองทั้งผู้อื่น สองต้องเป็นประโยชน์ทั้งตัวทั้งผู้อื่น ต้องครบทั้งสี่อย่างนี้ถึงจะเป็นการงานที่ถูกต้อง คือปฏิบัติธรรมไปด้วยทำงานไปด้วยพร้อมกันไปเลย เลยเป็นจุดเริ่มต้นผมมาหางานใหม่ ซึ่งจะต้องเป็นงานที่ทำงานแล้วสังคมมีประโยชน์ด้วย

ผมก็เลยมาทำงานเรื่องการเกษตร เพื่อจะส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรที่ถูกต้อง คือไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผู้บริโภค แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ธรรมชาติ และผู้บริโภค คือการเกษตรที่เรียกว่าเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน หรือว่าเกษตรทฤษฎีใหม่

นี่คืองานหลัก ทำมา 30 กว่าปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ถึงปัจจุบัน แต่ในเรื่องของกัญชาเป็นเรื่องของผมโดยส่วนตัว เพราะผมมีตระกูลทางแม่ที่เป็นมะเร็งกัน 6 คน จาก 7 คนเป็น 6 คน แล้วก็รักษาแบบปัจจุบันตายทุกคน ไม่รอดเลย ผมก็เกรงว่าผมอายุเยอะแล้วจะเป็นมะเร็งเหมือนกัน แล้วถ้ารักษาแบบนั้นคงไม่รอดหรอก เพราะว่าผมไปค้นอัตราการรอดชีวิตของคนที่เป็นมะเร็งที่อเมริกา ที่เขาใช้วิธีรักษาแบบสมัยใหม่ พบว่าอัตรารอดถึง 5 ปี มีแค่ 2.1% เท่านั้นเอง 2.1 นะครับ 

แล้วก็ที่ออสเตรเลีย 2.7% ไม่มีประเทศไหนถึง 3% สักประเทศเดียว เพราะงั้นอัตราการรอดแค่ 3% มันรับไม่ได้ ถ้าจะรักษาจริง ๆ อัตราการรอดมันต้อง 60% ขึ้นไปถึงจะรับได้ เพราะฉะนั้นพอผมรู้ว่าวิธีรักษาแบบปัจจุบัน มันรอดไม่ถึง 3% ผมก็ต้องหาวิธีใหม่ที่น่าจะดีกว่า ที่รอดมากกว่า 

ผมก็ไปหาข้อมูลของทั้งโลกครับ จนมาเจอว่ากัญชานี่แหละมีความหวังที่สุด เพราะตัวอย่างจริงที่เป็นรูปธรรมที่สุดก็คือ ริค ซิมป์สัน (Rick Simpson) คนแคนาดา เขาไม่ใช่หมอ แต่เขาเป็นมะเร็งจนหมอปฏิเสธว่าไม่รอด เขาก็มาสกัดน้ำมันกัญชาแล้วก็เอามากิน กินแล้วเขาก็หาย พอหายไม่พอ เขายังไปช่วยคนอีกตั้งห้าพันคน โดยตั้งมูลนิธิ Phoenix Tears ผมก็เชื่อว่าประสบการณ์ตรงแบบนี้ที่เขาพยายามช่วยตัวเองและช่วยคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ผิดกฎหมาย เขาติดคุกตั้งหลายครั้งเขายังทำอยู่เลย แล้วเขาก็รอดด้วย เลยทำให้แคนาดาเป็นประเทศที่กัญชาถูกกฎหมายมาจนถึงปัจจุบัน เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : ทดลองนานไหมกว่าจะได้สูตรที่ลงตัว

เดชา : ผมเอาสูตรของริค ซิมป์สันมาทดลองก่อน เพราะผมยังทำไม่เป็น ทดลองกับคนป่วยที่โดนหมอปฏิเสธ 2 คน ปรากฏว่าผมทำไม่ได้ผล เพราะว่าน้ำมันของเรามันแรงมาก มันกินแบบนั้นแล้วคนไข้ทนไม่ได้ ก็ไม่สำเร็จ 

ตอนเริ่มทดลองครั้งแรกผมก็เอากัญชามาสกัดเป็นน้ำมันกัญชา 100% ไล่กินเพิ่มไปเรื่อย ๆ เริ่มจากปริมาณประมาณสี่เม็ดถั่วเขียว แล้วพอสักพักนึงพอเขาเริ่มทนได้ ก็เพิ่มเป็นแปด เพิ่มทีละเท่าตัว จนกว่าเขาจะหายนี่เป็นวิธีการของริค ซิมป์สัน แต่ทีนี้พอเริ่มเป็นสี่เม็ดถั่วเขียวมันเมาจนไม่ไหวแล้ว นอนไม่ได้ อาเจียน กินไรก็ไม่ได้ มันแรงกว่าของแคนาดามากกัญชาแถบบ้านเรา คนป่วยที่มาทดลองรักษากับเรา เขาก็เลยเลิกการรักษา

พอผมหมดทางช่วย ก็ลองหาดูว่ามีวิธีอื่นอีกไหม ผมมานึกได้ว่าทางพุทธ เราถือว่าปัญญาระดับสูงสุดคือเกิดจากการฝึกจิตหรือการภาวนา ผมก็ไปหาว่าใครมีปัญญาในระดับนี้บ้าง บังเอิญผมไปพบพระองค์หนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าท่านได้นะปัญญาระดับนี้ เพราะว่าผมเพียงแค่ถามท่านในใจท่านก็รู้แล้ว ไม่มีข้อยกเว้น ถามอะไรรู้เลย ซึ่งปกติไม่มีใครรู้หรอกถามในใจ ท่านตอบได้ทุกคำถาม ผมก็เลยเอาสองคนนี้ไปหาท่าน ถามว่ายังมีทางรอดไหม ท่านบอกมี แต่ต้องรักษาให้ถูกวิธี ยังมีทางรอดอยู่ แล้วผมถามเรื่องน้ำมันกัญชาที่ผมทำอยู่ยังช่วยได้ไหม ท่านบอกช่วยได้แต่ต้องใช้ให้เป็น ผมถามว่าต้องใช้ยังไงยัง เพราะผมใช้ไม่ได้ผล ท่านบอกต้องใช้ให้แค่พอดี เราใช้มันเกินไปมันเมา วิธีของท่านไม่ต้องทำให้เมาแค่ให้หลับพอดี แล้วก็จะหาย

แต่มีเงื่อนไขว่าต้องงดอาหารที่ทำให้มะเร็งมันโตเร็วที่เรียกว่าอาหารแสลง กี่อย่างท่านบอกหมดแหละ แล้วก็ให้ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งส่วนใหญ่คนเป็นมะเร็งเกิดจากเจ้ากรรมนายเวรมาจองแล้วทำให้เป็น เพราะงั้นต้องทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรและให้เขาอโหสิให้ สองคืองดของแสลงไม่ให้มะเร็งมันโตเพิ่ม สามกินมะเร็งให้พอดีให้มันหลับ พอหลับพอดีร่างกายมันจะกำจัดมะเร็งเอง

นี่เป็นขั้นตอนของท่านซึ่งเราก็ไม่รู้มันจริงหรือเปล่า แต่ว่าคนไข้สองคนนั้นเขายอมทำตาม ปรากฎว่ารักษาอยู่หกเดือน สองคนนั้นเขาก็ไปหาหมอ พอหมอเจอหน้าเขาก็ตกใจแล้ว แล้วยิ่งตกใจเข้าไปอีกหลังจากตรวจแล้วพบว่าไม่มีเชื้อมะเร็งเหลืออยู่เลย หมอก็อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไรเชื้อมะเร็งมันถึงหายไป สองคนนี้เขาก็ไม่ยอมบอกหมอว่าไปทำอะไรมา เพราะมันผิดกฎหมายไง หมอก็ไม่รู้ว่าทำไมหาย 

นั่นคือเริ่มต้นที่ผมมาเอาจริงทางด้านกัญชาเพราะว่าผมตัดสินใจว่าถ้าผมเป็นมะเร็งเมื่อไร ผมจะใช้วิธีนี้แหละ เพราะผมพึ่งตัวเองได้ มันเห็นว่ามันหาย ทั้งที่หมอบอกตายแน่ไม่เกินสองเดือน แต่ว่าผมไม่เป็นมะเร็งเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง ผมก็เลยดูสิตัวเองมีโรคอะไรอยู่บ้าง ตอนนั้นปี 2556 อายุ 65 ผมถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคความจำเสื่อม เริ่มต้นเป็นอัลไซเมอร์ ตื่นมาผมก็จำอะไรไม่ได้เลย หมอบอกว่าเป็นอาการเริ่มต้นของคนเป็นอัลไซเมอร์ แล้วต่อจากนี้ไม่มีทางดีขึ้นหรอกมันจะลงอย่างเดียว นี่คือหมอปัจจุบันเขาบอกมาว่าสมองคนสูงอายุ พอมันเริ่มเสื่อมแล้วมันจะเสื่อมลงอย่างเดียว ไม่มีทางเท่าเดิมหรือดีขึ้น

อันที่สอง ผมมือสั่นซึ่งเกิดจากสมอง แต่ยังไม่ถึงกับพาร์กินสันแต่เริ่มสั่นแล้วแหละ เขาบอกว่าก็เกิดจากสมองมันเสื่อม เพราะงั้นส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อมันเสื่อมมันก็สั่นซึ่งหมอให้ยาระงับสั่นได้ แต่รักษาไม่ได้ ระงับไปพอหมดก็ต้องระงับใหม่

อันที่สาม ผมนอนหลับแล้วผมหยุดหายใจ ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงเพราะว่าถ้าไม่ตื่นก็ตาย หมอบอกรักษาไม่ได้ แต่โรคนี้จะรักษาได้ก็ต่อเมื่อใช้เครื่องปั๊มลม ตอนนั้นเครื่องละห้าหมื่น เวลาจะนอนก็เสียบเครื่องปั๊มลมแล้วก็เอาหน้ากากมาครอบเพื่อให้ลมมันอัดเข้าไป เมื่อเราหยุดหายใจก็ไม่ตายเพราะว่าออกซิเจนมันเข้าไปได้เพื่อจะรักษาไม่ให้เราตาย  เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ บังเอิญว่าผมขี้รำคาญผมใช้ไม่ได้ เพราะลมมันพัดนิดหน่อยผมก็นอนไม่หลับ แต่แฟนผมเนี่ยเป็นโรคเดียวกันเลยนะครับ เขาใช้ได้ เขาก็ใช้ไป ผมก็เสี่ยงตายไปเรื่อย ๆ หลังจากนั้น ผมก็กลับมาถามพระท่านว่า 3 โรคนี้ที่ผมเป็นอยู่ น้ำมันกัญชามันช่วยได้ไหม เพราะฝรั่งเขามีงานวิจัยอยู่ด้วยนะ ท่านก็บอกช่วยได้ แต่ว่าต้องนอนให้หลับดี ๆ ซึ่งผมยากเพราะว่าน้ำมันกัญชาสกัด 100% แบบนั้นผมแตะนิดแตะหน่อยผมเมาแล้ว หาพอดียาก 

ท่านก็เลยบอกว่าให้ไปทำให้เจือจาง โดยใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แต่ไม่ได้บอกนะว่าให้เจือจางขนาดไหน ผมก็ไปทดลองเจือจางจาก 100% ก็เอาน้ำมันมะพร้าวมาช่วยเจืองจางเหลือ 3% 5% 7% 10% แล้วก็เอาให้ท่านเลือกว่ากี่เปอร์เซนต์มันถึงจะเหมาะที่สุด ท่านก็หยิบ 3% ให้เรา ผมก็เอาอัน 3% มาทดลองกิน โดยเริ่มน้อย ๆ เช่น ห้าหยดก่อนนอน แล้วก็ใช้ smart watch วัดว่าการนอนหลับให้มีคุณภาพเป็นยังไง เจ็ดวันก็เฉลี่ยทีนึง ห้าหยดก็ยังไม่ได้มาตรฐาน ก็เจ็ดหยดซิ อีกหนึ่งอาทิตย์ก็ยังไม่ได้ ก็เก้าหยดซิ ยังไม่ได้ พอสิบเอ็ดหยดได้แล้ว อยู่ตัวแล้ว 

The People : ทำไมถึงตัดสินใจแจกน้ำมันกัญชาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดกฎหมาย

เดชา : เพราะสุดท้ายผมก็รู้ว่ากัญชามันรักษาได้หลายโรคมาก แต่ผมไม่รู้ว่ามันสามารถรักษาโรคอะไรได้บ้าง ผมก็ใช้วิธีไปหาพระที่ท่านอยากจะช่วยคน บอกท่านว่าเดี๋ยวผมทำยาให้ แล้วให้ท่านแจกคนป่วยทุกโรคเลย ใครมาก็ให้ ฟรีด้วย แต่ว่าขอให้ท่านจดข้อมูลให้ด้วยว่าคนที่มาอยู่ที่ไหน ให้เป็นหลักฐาน แล้วก็อายุเท่าไร ติดต่อได้ยังไง มีเบอร์ไหม แล้วก็เป็นโรคอะไร รักษามาแบบไหนแล้ว ตอนมาหาท่านโรคอยู่ในขั้นไหนแล้ว ให้จด พอไปแล้วถึงหนึ่งเดือน มารับใหม่ ก็ให้จดว่าอาการดีขึ้นหรือแย่ลงหรือเหมือนเดิม ทำแบบนี้แหละ ท่านมีลูกศิษย์ท่านก็โอเค 

The People : แจกวัดไหนบ้าง 

เดชา : แจกอยู่ 3 วัด ที่พิจิตรวัดแรก สุพรรณบุรีวัดที่สอง วัดที่ลพบุรีอีกวัดหนึ่ง แจกกันอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครมายุ่งกับเรา

The People : แจกกันเงียบ ๆ แล้วทำไมถึงโดนจับ

เดชา : ผมก็แจกอยู่เงียบ ๆ กันมาโดยตลอด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2562 กัญชามันมีพรบ. มาเพื่อผ่อนให้ใช้ในการแพทย์ แล้วก็มีนิรโทษกรรมให้สามเดือน หรือว่า 90 วัน ผมก็คิดว่าช่วงนิรโทษกรรมปลอดภัย ผมก็บอกคนอื่นสิว่าเคยทำอะไรมา และจะทำอะไรต่อเพราะคิดว่าช่วงนิรโทษกรรมก็น่าจะปลอดภัย เขาก็มาจับเรา (หัวเราะ) 

ที่เป็นข่าวตอนเมษา ผมโดนจับตอน 3 เมษายน ปี 2562 เพียงแต่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ทีมงานผมโดนจับไปคนหนึ่ง

ผมรู้สึกสงสารทีมงานเพราะเขาไม่ใช่ตัวการ ผมสิเป็นตัวการ แต่ผมไม่อยู่เขาเลยจับทีมงานไปซึ่งมันไม่ใช่ต้องจับผมสิ ผมไปภารกิจที่ต่างประเทศ 7 วัน พอเสร็จผมก็รีบกลับ แล้วเขาดันมาจับวันที่ผมไปพอดี คนทั้งประเทศก็ประท้วงกัน ทวิตเตอร์ก็มีเทรนด์ #SaveDecha เสร็จแล้วรัฐบาลเห็นท่าไม่ดีนายกฯ เองนั่นแหละ เขาก็บอกว่าอย่าเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ไปทำให้ถูกกฎหมาย ทางนี้ก็จะไม่เอาเรื่องผมแล้ว

แล้วจะทำให้ผมถูกกฎหมายยังไง ก็ต้องให้ผมเป็นหมอ แล้วให้นำยาไปขึ้นตำรับ ให้มันถูกกฎหมายก็จบ ผมเป็นหมอแล้วยามันถูกกฎหมาย มันก็แจกได้ถูกกฎหมาย ผมก็กลายเป็นหมอพื้นบ้านตั้งแต่เดือนเมษาปีนั้นแหละ

แต่ว่ายาผมถ้าต้องขึ้นตำรับต้องผ่าน 3 คณะกรรมการ ก็ต้องใช้เวลาถึงเดือนสิงหาคมถึงจะผ่าน ต้องผ่านจริงไม่ใช่อะไรก็อนุมัติหมด หมายถึงว่าหนึ่งก็คือต้องเป็นยาจริง ๆ สองต้องปลอดภัย สามคือต้องไม่ใช่ยาเสพติด พอสิงหาคม ยาผมได้จดเป็นยาจริง ๆ แล้ว ผมก็ยกตำรับของผมให้กระทรวงฯ ไปเลย โดยไม่ได้คิดมูลค่าอะไร เพื่อให้เขาเอาไปวิจัยเป็นทางการเขาจะได้เชื่อ เพราะแปดพันกว่าคนเขาไม่เชื่อ ให้เขาวิจัยกันเอง 

ผมก็ให้กรมแพทย์แผนไทยไปวิจัย 2 ปี ใช้คนเกือบสองแสน โดยวิจัยรักษาคนในกลุ่ม 8 โรค ซึ่งผมให้แต่ตำรับแล้วเขาเป็นคนทำเอง แล้วก็วัตถุดิบเขาก็ไปขอ ป.ป.ส.มา เพราะว่าเขาไม่มีงบเขาก็ไปเอาวัตถุดิบที่จะเผาทิ้ง เอามาตันหนึ่ง แล้วก็เอามาทำความสะอาดมาล้าง เอามาอบ เอามาต้มด้วยวิธีการของผม

ปรากฏว่ารักษาไป 2 ปีมีคนอยู่ในโครงการเกือบสองแสนคน รักษาคนจากกลุ่ม 8 โรค ได้ผลทุกโรค ได้ผลเกิน 80% ทุกโรค เขาก็เลย ยอมรับว่ารักษาได้จริงไม่ใช่แค่ระงับนะครับ แล้วก็เอาไปขึ้นบัญชีหลักของชาติบัญชียาหลักปลายปี พ.ศ. 2564 นะครับ หลังจากนั้นสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มาเลือกเอาไปเข้าโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค บัตรทองสามโรค มีมะเร็ง พาร์กินสัน แล้วก็โรคไมเกรนอย่างเป็นทางการครับ 

แต่ว่าคนไทยไม่รู้หรอกเพราะว่า เขาไม่โปรโมท เขาก็เก็บเงียบ เพราะงั้นคนก็ยังไม่รู้เลยว่ากัญชาตำรับไทยเนี่ยรักษาได้มหาศาล มันหาได้ง่ายแล้วก็มีราคาถูกและปลอดภัย จากงานวิจัยคนเกือบสองแสนคนไม่มีใครเป็นอะไรสักคนเดียวปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์จริง ๆ  เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : คุณใช้คำว่าตำรับไทย แต่จริง ๆ แล้วเป็นตำรับของหมอเดชามากกว่าไหม

เดชา : คือตำรับจากแพทย์แผนไทยนี่แหละ เพราะว่าผมมาทางแพทย์แผนไทย แต่ว่าของผมได้มาจากภูมิปัญญาของพระที่ท่านบอกผมมา ซึ่งท่านก็บอกว่าท่านก็รู้จักธรรมชาตินี่แหละซึ่งถ้าเป็นทางรูปธรรมก็คือเทวดาประจำต้นกัญชามาบอกท่าน เพราะกัญชาเนี่ยมีเทวดาประจำเหมือนกับข้าวมีพระแม่โพสพ กัญชามีแม่เมรัยสร้างต้นกัญชาขึ้นมา แล้วก็ใส่สรรพคุณไว้เรียบร้อยในการที่จะช่วยชีวิตคน แต่มันเป็นความลับ ไม่มีใครรู้ พระท่านไปรู้ความลับหรือว่าแม่เมรัยไปบอกท่าน ท่านก็มาบอกผมเพื่อเอามาใช้เพื่อประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติ อันนี้มันเป็นความเชื่อทางแพทย์ไทยแผนไทยแบบนี้ แล้วผมก็เชื่อแบบนี้ ไม่มีอะไรบังเอิญหรอก ความลับพวกนี้ธรรมชาติเขามีมานานแล้ว แต่เราเข้าไม่ถึงเพราะว่า สมองเราคิดไม่ออกต้องใช้จิตที่ฝึกแล้วเท่านั้น ซึ่งผมเชื่อ เพราะว่าเขาเรียกว่าภาวนามยปัญญาเป็นปัญญาระดับสูงสุดเหมือนกับพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ถึงปัญญาระดับนี้

The People : ส่วนใหญ่คนที่มารับน้ำมันกัญชาสกัดมีช่วงอายุประมาณไหน

เดชา : ทุกช่วงอายุเลยเพราะว่าเราไม่จำกัด อย่างแพทย์ปัจจุบันเขาบอกว่าถ้าคุณไม่ถึง 18 ห้ามแตะต้องเด็ดขาดถึงวิจัยแล้วก็ห้าม แต่เราเอาตามความสมัครใจเลยคุณเป็นโรคอะไรคุณอยากใช้ก็ใช้ไปเลย เราขอข้อมูลอย่างเดียวแล้วแต่ความสมัครใจแต่เรายอม เราการันตีว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเรากินแค่หลับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรอกครับ 

เราเห็นว่าได้ผลทุกโรคนะ คือโรคที่ไม่ใช่จากเชื้อโรคนะครับจะเห็นผลชัดนะครับ แต่ถ้ามาจากเชื้อโรคก็เห็นผลช้าหน่อย เพราะว่ามันต้องทำหน้าที่ไปฆ่าเชื้อโรค ซึ่งมันฆ่าทางอ้อม ถ้าโรคไม่มีเชื้อโรค เช่น โรค NCDs ทั้งหลายเดี๋ยวมันก็ไปซ่อมตรง ๆ เช่นเบาหวานก็ไปซ่อมตับอ่อนคุณ มันไม่ได้ไปทำอะไรหรอกมันก็ซ่อมตับอ่อนให้มันฟังก์ชันว่าทำงานได้เหมือนเดิม และนี่คือกลไกธรรมชาติ ซึ่งเราเชื่อว่ากลไกธรรมชาติเนี่ยมันเป็นไปตามกฎที่ว่าผู้ใดสร้างผู้นั้นซ่อมได้ 

ร่างกายมันสร้างตัวเองขึ้นมา เพราะฉะนั้นเมื่อมันเสื่อมมันก็ต้องซ่อมได้เพราะว่าขนาดสร้างยังสร้างได้หลักธรรมชาติเป็นแบบนี้ เราเพียงแต่ว่ารู้กลไกว่ามันจะซ่อมแบบไหน เรารู้กลไกว่ามันต้องหลับลึกก่อนแล้วก็ต้องทำให้หลับลึก 

ซึ่งกัญชาทำให้หลับลึกได้ เพราะฉะนั้นพอทำให้หลับลึกแล้วร่างกายก็เอาภาวะหลักลึกไปซ่อมตัวเอง มันเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน แต่ว่าของตะวันตกเขาก็มองว่าน้ำมันกัญชามี THC มี CBD ก็สกัดออกมาแล้วก็เอาตัวนั้นไปรักษาโรคซึ่งรักษาไม่ได้หรอกมันเพียงจะระงับอาการเฉย ๆ มันได้แค่นั้นแหละเพราะว่ากลไกมันซับซ้อนเกินกว่าที่จะเอายาอะไรไปรักษามัน เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : น้ำมันกัญชาของคุณมีการแบ่งระหว่าง THC กับ CBD ไหม

เดชา : ไม่แบ่งหรอกเพราะคิดง่าย ๆ ว่าสมมติมีการทำงานร่วมกันเป็นทีมนะครับ ถ้ามันเข้ากันได้ เขาเรียกว่า Synergy มันดีกว่าทำเดี่ยว ๆ แยกกันทำ ถ้าเปรียบน้ำมันกัญชาเป็นทีมฟุตบอลมันก็มีครบ 11 ตัว แต่จริง ๆ ในใบกัญชามีสารอยู่อย่างน้อยเกือบพันตัว 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกเอนโดแคนนาบินอยด์ กลุ่มฟลาโวนอยด์ กลุ่มเทอร์ปีน 

แต่ถ้าแยกเฉพาะเอนโดแคนนาบินอยด์มานะ ซึ่งมีหลายสิบตัวนะเอาเฉพาะตัวเดียวซี THC กับ CBD ก็เหมือนทีมฟุตบอล เราไม่เอา 11 ตัว เราเอาโรนัลโด้ตัวเดียวหรือเมสซีตัวเดียวมาตัวเดียว ถึงเก่งยังไงก็แพ้ 11 ตัวที่โนเนมบอกว่าเรามีทุกตำแหน่งเขามีคนเดียว อันนี้ก็คือคิดง่ายแบบนั้นแหละ 

เพราะฉะนั้น การนอนหลับก็เหมือนเล่นฟุตบอลจะทำให้หลับได้หลับลึก หลับยาว หลับต่อเนื่อง ก็ต้องใช้ทั้งทีมแต่คุณใช้ตัวเดียวเนี่ยอย่างมากคุณก็แค่หลับ หรือแค่หลับต่อเนื่องมันไม่หลับลึกแบบเนี้ย คุณทำไม่ได้หรอกตัวเดียวมันจะทำได้ทุกตำแหน่งได้ยังไง คุณเป็นกองหน้าเป็นโกลพร้อมกันได้ยังไงคุณจะเตะเข้าโกล โกลคุณก็ว่าง นี่คือธรรมชาติเป็นแบบนั้น เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : แสดงว่ากุญแจของคุณคือการหลับลึก

เดชา : ใช่ เพราะตอนหลับลึกเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง อันนี้คือความรู้ที่เรารู้ในปัจจุบันนะครับ ผมอาจจะรู้ไม่หมด เช่นเวลาคุณหลับ คุณต้องหลับยาวพอ คุณต้องหลับลึกต่อเนื่อง คุณต้องหายใจดี คุณต้องตื่นน้อยนะ 

พวกนี้เป็นคะแนนรวมมันเหมือนกับเราสอบ 10 วิชา คะแนนรวมต้องได้ก่อน แล้วคะแนนวิชาวิชาเอกก็ต้องได้ เพราะฉะนั้น การหลับของเราเอง ก็ต้องเอาคะแนนรวมให้เกิน 70% ให้ได้ก่อน แล้วคะแนนหลับลึกต้องได้เกิน 20% 

The People : นอกจากกัญชาจะลดการป่วยไข้ คุณคิดว่ากัญชาจะช่วยยกระดับจิตวิญญาณได้ไหม

เดชา : อันนั้นเป็นอีกเรื่องนึงซึ่งเราเชื่อว่าได้ จริง ๆ มันซับซ้อนกว่านั้น เช่น เวลาเราเครียด โอ้โห! อันนี้ก็เป็นสรรพเหตุของโรค 80% มั้งเท่าที่รู้ โรคปัจจุบันที่เป็นมักเกิดจากความเครียด 80% เพราะฉะนั้นงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เขาเชื่อถือได้ เขาจะสำรวจจากคนที่อายุยืนนะครับ เอาตัวเลขอายุยืนมาดูว่ามีปัจจัยอะไรทำให้อายุยืนบ้าง ก็มี 10 ข้อนะครับ สองข้อแรกที่อันดับหนึ่งและสอง อันดับหนึ่งคือการมีอารมณ์ดีซึ่งคุณต้องไม่เครียด สองก็คือการหลับต้องมีคุณภาพ

สองตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญของการมีสุขภาพดีหรือว่าอายุยืนนะ เพราะถ้าคุณเครียดแล้ว ตัดอันดับหนึ่งไปคุณก็ต้องทดแทนด้วยอันดับสองที่นอนให้ดีนะครับ แล้วต่อไปคุณก็อาจจะหายเครียดได้ เพราะงั้นสองตัวนี้ ถ้าคุณทำได้นะครับโรคจะไม่มี  เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : แสดงว่ากัญชาอาจจะเป็นยานพาหนะพาเราไปสู่การลดความเครียด

เดชา : ใช่ พอหลับดีแล้วอารมณ์ก็จะดี คุณใช้กัญชา คุณเห็นใครหน้าบึ้งไหมล่ะ มีแต่หัวเราะ มีแต่ยิ้มใช่ไหมครับ อันนี้คือธรรมชาติของกัญชา แต่ไม่ใช่ใช้เยอะเกินไป จน Over Dose ก็ไม่ดี อันนั้นมันก็จะเมา ถ้าพอดีมันจะยิ้มจะมีความสุข นี่ก็คือวิทยาศาสตร์

แต่ถ้าคุณจะบอกว่าการเมากัญชามันเป็นยาเสพติด ผมก็จะบอกว่ามันมีตั้งหลายเมา ไม่ได้เมาแบบเหล้า ไม่ได้เมาแบบแบบโคเคน มันคนละเมา คุณจะไปบอกมันเมาเหมือนกันแล้วมันมีตั้งหลายเมา เหมือนกับหลับเนี่ย มันมีทั้งหลับตื้นหลับลึกหลับฝันนะครับ มันคนละหลับ คุณจะตีความว่าหลับตื้น หลับลึก เหมือนกันไม่ได้ 

อันนี้ก็คือไม่ได้พูดถึง Fact หรือว่าข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ จริง ๆ คุณเล่นเอา เอาอะไรมาเคลมเฉย ๆ แล้วก็บอกว่าเมาเท่ากับเป็นยาเสพติด ซึ่งไม่มีเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์เลย 

คุณต้องไปเอา Fact พวกนี้มาเถียง ไม่ใช่ไว้ว่าคุณบอก โอ้ย! อันตรายลอย ๆ จะทำให้เสพติดลอย ๆ ทำให้เกิดการวุ่นวายลอย ๆ มันไม่มีเหตุผล แล้วคุณจะเชื่อทำไม คุณต้องพิสูจน์สิ ซึ่งผมก็ได้ทำการพิสูจน์แล้วผ่านงานวิจัยที่มีคนเข้าร่วมกันตั้งเกือบสองแสนคน ไม่มีใครเป็นอะไรเลย มีแต่ดีขึ้นทั้งนั้น 

The People : หลังจากที่รัฐบาลประกาศปลดล็อกให้กัญชาถูกกฎหมายเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 คุณมีความคิดเห็นอย่างไร

เดชา : มันต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงนี้แหละ ว่ามันไม่ใช่ยาเสพติด เราต้องกล้ายืนยัน ไม่ใช่ทั่วโลกทำไง เราก็ไปทำตามเขาเสียหมด ไม่ใช่ครับเราต้องเอาความจริงมาเป็นตัวตั้ง แล้วคุณจะไปเชื่ออะไรที่มันไม่ถูกได้ไง เพราะว่าบางอย่างมันมีผลประโยชน์อยู่ข้างหลังเยอะ เพราะงั้นก็ผลักดันในทางที่ไม่ถูกต้องครับเราต้องเอาความจริงมาพูดกันจริง ๆ ว่าคุณต้องพิสูจน์ว่าเสพติดตรงไหนอันตรายตรงไหน แล้วก็มันมีประโยชน์ตรงไหน 

เราพิสูจน์ตั้งหลายปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 นะครับ จนกระทั่งรู้ว่าไม่มีอันตรายเลยมีแต่มีแต่ประโยชน์ แล้วที่ทางสัมพัทธ์ก็คือ เมื่อกัญชามันออกมาจากยาเสพติดนะครับ ยาเสพติดอื่นเนี่ยมันจะลดลงไปเองเพราะว่ามาแทนที่เพราะว่ามันดีกว่า รับรองยาบ้าลดลงแน่ครับ บุหรี่ลดลง เหล้าลดลง ซึ่งกรณีแหละที่ทำให้เกิดก็ต่อต้านเพราะว่าคนที่ได้ประโยชน์จากเหล้าบุหรี่ จากยาบ้านี่แค่ส่วนเดียวนะ มันจะต่อต้านแน่ ๆ แล้วไม่ใช่ว่าเพราะกัญชาไม่ดี เพราะพวกนั้นมันเสียผลประโยชน์ 

ยาปัจจุบันมันมาจากต่างประเทศเสียเยอะ ทำให้คนเขาเสียผลประโยชน์ครับ คนได้ประโยชน์จากการนำเข้ายาจากต่างประเทศก็ต้องต่อต้านสิ เพราะว่ากัญชาดีเกินไป มันแทนได้ทุกกรณีเลย ยาก็แทนได้ เครื่องดื่มก็ได้ สันทนาการก็ได้ อาหารก็ได้ เครื่องสำอางก็ได้ มันได้หมดเลย 

มันมีศัตรูรอบด้าน แต่มันดีสำหรับใครดีสำหรับผู้บริโภคดีสำหรับประเทศชาติดีสำหรับสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับคนที่เคยได้ประโยชน์อยู่ก่อนมันไม่สมควรนะ มันก็ต่อต้านสิแล้วจะเลือกอะไรระหว่างคนที่ได้ประโยชน์พวกนั้นซึ่งมันไม่ถูกต้องกับคนทั้งประเทศได้ประโยชน์เนี่ย อันไหนควรจะได้ประโยชน์มากกว่า เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : นี่คือเหตุผลให้อาจารย์ แจกน้ำมันกัญชาฟรีในปี 2562 หรือเปล่า

เดชา : ใช่ครับ เพราะว่าถ้าทำแบบนี้ มันได้ประโยชน์ต่อประชาชน เพราะว่าทุกคนสามารถพึ่งตัวเองได้ ผมไม่ได้แจกตลอดกาลนะครับ ผมแจกให้ดูตัวอย่างว่าได้ผลจริง ปลอดภัยจริง ใช้แบบนี้ ทำแบบนี้ ปลูกแบบนี้ เสร็จแล้วคุณก็ไปทำเองสิพวก ผมมีแค่สองมือผมแจกคุณตั้ง 70 ล้านคนไม่ได้หรอก แต่ทุกคนควรจะใช้ เพราะว่าคุณภาพของกัญชา ใช้ได้ทุกวัน ตอนนี้ผมอายุย่าง 75 ปีนะครับ แต่ร่างกายผม ถ้าใช้เครื่องมือวัดผมอายุแค่ 59 ปีเท่านั้นเอง

ผมแก่ 75 ปีแล้ว แต่ยังทำงานต่อไปได้สบาย ๆ สมองก็ดีกว่าตอนหนุ่มอีก มือผมก็นิ่ง หายใจก็ดีขึ้น อายุก็ลดไปเรื่อย ๆ ทำงานได้อย่างน้อยก็ถึง 90 ปี ผมไม่เกษียณหรอก 

The People : เคยมีความคิดที่อยากจะหาประโยชน์จากสิ่งที่ทำอยู่บ้างไหม

เดชา : เรื่องมูลค่า มันเป็นเงินทอง ผมไม่เห็นว่ากัญชามันมันจะตกต่ำขนาดนั้น ที่ผมพูดคือถ้าตีค่ากัญชาเป็นเงิน มันตกต่ำมากเหมือนเอาชีวิตไปตีมูลค่า เพราะว่ากัญชาเนี่ยมันช่วยชีวิตคน มันทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น อายุยาวขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ตีค่าเป็นเงินไม่ได้ มันมีคุณค่านะครับ เพราะฉะนั้น ผมเลือกระหว่างมูลค่าที่เป็นเงินกับคุณค่าเป็นชีวิตครับผมให้คุณค่ามากกว่า ผมเลยแจกเพื่อให้คนเอาไปใช้ฟรี เพราะเราตีราคาชีวิตคนไม่ได้

แต่ว่ามูลค่ามันก็ตีราคาเพื่อจะเอาเงินจากกัญชานะ ผมเห็นว่าเงินมันหาได้จากล้าน ๆ วิธีไม่ต้องหาจากกัญชาหรอก แต่กัญชามันช่วยรักษาคนได้ ซึ่งอย่างอื่นรักษาไม่ได้นะช่วยไม่ได้ เราก็ต้องใช้กัญชาในฐานะที่มันเก่งที่สุด โดยไม่ต้องไปเกี่ยวกับเงิน ทำหน้าที่ให้ทุกคนเขาได้รับอย่างเสรีโดยทั่วถึงนะครับ โดยไม่มีข้อจำกัด

อันนี้ความเห็นผมว่าชีวิตคนควรจะได้รับกัญชา ประโยชน์จากกัญชาโดยไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะว่าชีวิตคนเนี่ยตีค่าไม่ได้ เงินเนี่ยตีค่าได้ คุณจะจำกัดคุณค่าของกัญชาทำไมว่าคนไม่มีเงินก็เข้าไม่ถึงกัญชาใช่ไหม เพราะงั้นคุณก็ไปหาเงินวิธีอื่นกัญชาก็ให้ไปของฟรีไป อย่างของเราไม่ต้องเอากัญชาไปขายหรอกเพียงแต่เราบอกว่าเราจะรักษาคนไข้ทั่วโลกฟรี เมืองไทยนะครับ แค่ให้เขามาพักรีสอร์ทนี้ โรงแรมนี้ คุณขายที่พักจ่ายค่าอาหาร แล้วเราจะให้กัญชาคุณรักษาฟรี จนกว่าคุณจะหาย อย่างนี้คนเขาก็จะแห่เข้ามา

แล้วกัญชาสูตรผม วันนึงไม่ถึงบาทหรอกครับ เขาอยู่เดือนนึงไม่ถึงสามสิบบาท หกเดือนก็ไม่ถึงหกร้อยบาทครับไม่ถึงสามร้อยบาท แต่เขาอยู่หกเดือนเนี่ยเขาจ่ายเงินแล้วต้องกี่พันกี่หมื่น เงินเข้าประเทศ ไม่ดีกว่าขายเขาเหรอครับ ดึงเขามาสิ หรือจะเอาไปทำสันทนาการก็ได้ คุณมาอยู่ที่นี่สันทนาการฟรีนะ เราแจกคุณ แล้วคุณก็สันทนาการ ไม่ผิดกฎหมายเพราะเป็นที่ส่วนตัว คุณก็มาสิ อันนี้ก็คือการหาทางอ้อมซึ่งช่วยเขาด้วยไม่ใช่ว่าขายอย่างเดียว เอาเงินจากมันตรง ๆ มันไม่เท่าไหร่หรอก  แล้วก็มันจะละเลยคุณค่ากับชีวิตคนซึ่งไม่ถูก

คุณค่าอยู่สูง สูงกว่าเยอะ คนตีค่าไม่ได้หรอก โดยเอาชีวิตคนเป็นตัวตั้ง มันจะได้ทุกอย่างจะเอามูลค่าตัวตั้งมันไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็แข่งกันมือใครยาวก็เอาไปได้ที่เหลือก็เจ๊งกันไป มันเป็นการแข่งขันแบบไม่เท่าเทียมไง มือใหญ่ก็ไปหมด หนัก ๆ เข้าตัวเล็ก ๆ ก็ไม่มี ถ้าเราทำแบบนี้ ดึงนักท่องเที่ยวเขามาแบบนี้ใครก็ทำได้ เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : สถานการณ์กัญชาในไทยตอนนี้เดินไปข้างหน้าแล้ว แต่มันก็ยังมีเรื่องของ กฎหมายลูกที่ยังไม่ออกมา คุณคิดว่าสถานการณ์แบบนี้มันจะทับซ้อนกับช่วง 14 ตุลาไหม

เดชา : ไม่หรอก อันนั้นเป็นการเมืองในเรื่องอุดมการณ์ อันนี้ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ แล้วก็เรื่องความเชื่อมากกว่า แต่มีเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องรอง เพราะฉะนั้นการต่อต้านต้องมีแน่ ๆ เพราะคนที่เสียผลประโยชน์กับคนที่เชื่อว่ายาเสพติดจริงนะครับ เขาต้องต่อต้านแน่เพราะเขาเคยได้ประโยชน์มาตั้ง 43 ปีเต็มนะครับ อยู่ดี ๆ หายไปเลย เขาจะไปยอมได้ไงหรือคนที่เชื่อว่าเป็นยาเสพติดตลอด 43 ปีไปบอกเขาว่าไม่ใช่ยาเสพติด เขาจะยอมรับได้ไง เขาเรียกว่าช็อกนะปรับตัวไม่ได้ แล้วคนที่รอมานานก็วิ่งเข้าหาฝุ่นตลบเพราะว่ารอมานาน

เป็นภาวะที่เรียกว่าฝุ่นกำลังฟุ้งอยู่ ฝุ่นตลบมองอะไรไม่เห็นหรอก รอให้ฝุ่นจางก่อนจะเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่ต้องดูอะไร ไม่ต้องคิดอะไรหรอก เพราะว่าคนก็จะชินกับมาแล้วรู้ว่ามันปลอดภัย มันดีมันเป็นเรื่องปกติเดี๋ยวนักท่องเที่ยวแห่กันมาประเทศไทยเอง พอนักท่องเที่ยวมา ประเทศไทยก็ได้เงินได้ทอง อะไรพวกนี้มีแต่ของดี ๆ ที่มันจะเกิดขึ้นนะครับ 

The People : เพราะฉะนั้นจะไม่มีกระแสอนุรักษนิยมตีกลับ

เดชา : มันตีอยู่แล้ว แต่ว่ามันตีแล้วต้องพิสูจน์กันที่ว่าคนที่ต้องการให้เป็น ไม่อยากให้เป็นยาเสพติด เดี๋ยวเนี่ยถามว่าผมไปดูตัวเลขล่าสุดนะครับว่าในปลูกกัญอะเข้าไปขอเข้าปลูกเนี่ยจำนงเนี่ยกี่คนแล้ว ผมว่าเกินสามสิบล้านไปตั้งนานแล้วเกินครึ่งประเทศไปแล้ว แล้วคุณจะไปเถียงคนครึ่งประเทศยังไงคุณมีกี่คน ลองเอาทำประชามติว่าที่ต้องการให้ยาเสพติดกี่คนครับลอง อันนี้คนสามสิบกว่าล้านเกินครึ่งแล้วไงก็แพ้แหงแก๋อยู่แล้ว ขนาดผมไม่ลงเลยเนอะ พวกเราลงสักคนยัง ยังเลยเนี่ย เพราะฉะนั้นแพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว จะไปสู้ได้ไง  เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ

The People : ผลลัพธ์ของการต่อสู้เรื่องนี้เป็นยังไง

เดชา : มันอยู่ที่เหตุปัจจัย ถ้าผมสู้คนเดียวก็ได้แค่คนเดียวนี่แหละยกเว้นให้คนเดียวนะ แต่ถ้าสู้ทั้งหมดทุกคนก็ได้หมด นี่เขาเรียกว่ากรรมคือใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น อันนี้เราไม่เชื่อในโชคชะตานะครับ แต่เชื่อในการกระทำ ซึ่งเขาเรียกว่ากรรม 

กรรมมี 3 กรรม คือเจตนา เป็นมโนกรรม อันนี้อันแรกคือต้องมีมโนกรรมที่ชัดก่อน แล้วก็วจีกรรมหรือคำพูด เพราะฉะนั้นคุณต้องปรับมโนกรรม หรือเจตนาของคุณให้ชัดก่อนว่าคุณเจตนาอะไร ตั้งใจทำอะไร ที่เป็นเรื่องดีซึ่งถูกต้องนะครับเป็นเริ่มต้น หลังจากพูดและทำถูกต้องแล้ว การกระทำก็ต้องถูกต้องนะ อันนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรม และปฏิบัติธรรมเนี่ยคุณไม่ต้องกลัวหรอก เพราะว่าคุณจะได้รับการคุ้มครองจากธรรมะนั่นเอง 

เพราะว่าเราเชื่อว่าธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ปฏิบัติธรรม อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคุณจะปฏิบัติธรรมไม่ต้องกลัวครับ ความกลัวทำให้เสื่อม เพราะว่ามันไม่มีเหตุผลที่คุณจะกลัวเพราะว่าคุณทำดีคุณจะกลัวอะไร ถ้าคุณได้รับผลไม่ดีแสดงว่ากรรมเก่าคุณมันไม่ดีก็ต้องยอมรับไป 

อันนี้เราไม่ได้เชื่อเฉพาะกรรมปัจจุบัน ในโบราณก็เชื่อด้วยเพราะว่าเราไม่ได้เพิ่งเกิดชาตินี้ชาติเดียวเราเชื่อว่าเราสืบต่อมานานแล้วเราก็ต้องสืบต่ออีกหลายชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่เราต้องให้มัน สิ้นสุดลงไว ๆ คือการทำให้กิเลสมันลดลงให้น้อยที่สุด จนกระทั่งเราไม่มีกิเลสเหลือ จากนั้นเราก็ไม่เกิดอีกแล้ว อันนี้คือพุทธแท้เป็นแบบนี้เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่ทำก็จะลดกิเลส เพื่อจะนำไปสู่การไม่เกิดใหม่ เป็นการสิ้นสุดของวัฏจักร ที่เราต้องเวียนว่ายเกิดพุทธแท้เป็นแบบนี้

แต่กิจกรรมมันก็แล้วแต่ยุคสมัยกิจกรรมสมัยนี้ทำยังไงให้มันมาทำหน้าที่ถูกต้องกับธรรมชาติหรือธรรมะได้มากที่สุดก็คือเนี่ยเรื่องแก้กฎหมายเรื่องการใช้สิทธิที่มันทำให้ได้ประโยชน์และให้โทษ มันก็ต้องลดลงไปโดยเอาไปแทนที่นะ มันก็เอามาประยุกต์ให้เหมาะกับยุคสมัย 

ไม่ใช่ว่าไปนั่งภาวนาอยู่ทั้งวันทั้งคืน แบบนี้ได้ประโยชน์คนเดียว แต่ผมมาสายท่านพุทธทาส เราก็ต้องปรับให้ตรงยุคสมัยเพราะธรรมะไปอกาลิโกก็คือมันไม่มีกาลเวลา แต่ว่าการประยุกต์ใช้มันต้องให้เหมาะกับยุคสมัย อันนี้ก็คือการปรับเพื่อเอาของดีเอามาใช้ให้มันได้ประโยชน์เต็มที่ ถ้าเราใช้รูปแบบเก่านะครับมันได้น้อยไงชวนคนเข้าวัดไปนั่งสมาธิกัน มันดีนะถือศีล แต่ว่ามันไม่กระทบต่อสังคมซึ่งมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

เราก็ต้องชัดทั้งหลักการทั้งวิธีปฏิบัตินะครับให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ชีวิตเราจะแยกงานกับเป้าหมายชีวิตไม่ได้ ถ้าแยกเราก็ไม่ให้จริงครับทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นถ้าเราแยกเมื่อไหร่ เราไม่จริงแล้ว แม้แต่ความทุกข์ความสุขเนี่ยเราต้องรู้ว่าเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเราแยกความสุขไปหาทั้งนี้ความทุกข์นี้จากนี้นะครับ คุณไม่ทันเจอเราเพราะความทุกข์ความสุขมันเป็นเหรียญคนละด้านเท่านั้นเอง คุณต้องพลิกนะ ในความทุกข์นั้นแหละมีความสุข คุณก็ต้องหาความทุกข์ให้เจอก่อน แล้วก็พลิกเป็นความสุขให้ได้ เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ The People : หลังจากกัญชากลายเป็นพืชที่ถูกกฎหมายแล้ว อนาคตจะมีการขับเคลื่อนด้านไหนอีกบ้าง

เดชา : ผมจะทำเห็ดขี้ควายบอกเลยไม่ปิดบัง เพราะว่าเห็ดขี้ควาย เขาวิจัยแล้วว่ามันเป็นยาดีสุดสำหรับโรคซึมเศร้ามันจะชะงัดมาก ซึ่งเขาวิจัยกันแล้ว แต่ทั้งโลกเอาเห็ดขี้ควายไปเข้ายาเสพติดประเภท 5 นะครับ แต่มันไม่ยาเสพติดเลยครับ เพราะอะไรเพราะว่าสารสำคัญในเห็ดควายที่ทำให้เกิดอาการเมา มันเป็นสารตัวเดียวกับเซเรโทนิน มันเป็นโครงสร้างเดียวกันเพราะงั้นเราขาดเซเรโทนินในสมองไม่ได้ พอขาดไปแล้วก็เอาเซเรโทนินไปใส่แทนเนี่ย มันยาเสพติดตรงไหนครับ เซเรโทนินมันยาเสพติดเหรอ มันไม่มีเหตุผลวิทยาศาสตร์เลย

เพราะฉะนั้น มันจะต้องเอามาช่วยคนซึมเศร้าให้ได้ เพราะว่าคนไทยวัยทำงานเป็นซึมเศร้า เกิน 60% ถึงจะยังไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย แต่ว่ามันก็ตายไปเรื่อย ๆ ครับ เพราะฉะนั้นคนตายโรคซึมเศร้าหนึ่งคนเนี่ยมันรับไม่ได้แล้ว เขาเป็นคนหนุ่มสาวที่มีอนาคต และมีความสามารถ แต่เขามาเจอโลกแบบนี้ พอเขาฆ่าตัวตาย มันทำให้เกิดการสูญเสีย ไม่ต้องคิดถึงพ่อแม่เขานะครับ คิดถึงประเทศชาติ กำลังสำคัญขนาดนี้ เราทำให้สูญเสียไปโดยไม่มีประโยชน์ได้ยังไง ผมไม่กลัวหรอก ผมบอกว่าจะจับก็รีบจับเลยครับ ผมประกาศแล้วว่าจะทำเห็ดขี้ควาย ผมทำแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครทำไง มีใครกล้าจะมายุ่งกับกฎหมายทั้งที่มันต้องทำ ถ้าจับผมก็ยอมให้จับ เพราะผมดื้อแพ่งทำการอารยะขัดขืน

ถ้าคุณจับผมแล้วชาวบ้านเห็นด้วยว่าจับไปก็ดี ผมก็ยอมเข้าคุก ถัาชาวบ้านบอกว่าผมทำถูก คุณก็ประท้วงเหมือนที่ประท้วงเรื่องผมตอนผมถูกจับเรื่องกัญชาเมื่อปี 2562 มาตัดสินกันว่าประชาชนเห็นด้วยไหม ผมเชื่อว่าประชาชนเห็นด้วยกับผม เพราะคนที่เป็นซึมเศร้ามีเกินกว่าครึ่งของประเทศอยู่แล้ว เดชา ศิริภัทร : การต่อสู้ของหมอกัญชาผู้ลุกขึ้นมา ‘ขัดขืน’ อำนาจรัฐ มันเป็นหน้าที่ของหมอด้วย ผมเป็นหมอนะ แล้วผมเห็นทางออกและผมมีกำลังจะทำได้ก่อนก็ทำสิไม่ต้องรอใคร ถามว่าวันนึงฆ่าตัวตายกี่คนเขาไม่เห็นบอกเลย มันเยอะกว่าที่ถูกฆ่าอีก ประเทศเราคนถูกฆาตกรรมมีจำนวนน้อยกว่าฆ่าตัวตายอีก ซึ่งการที่เขาฆ่าตัวตายมันก็มีสาเหตุมาจากโรคซึมเศร้าเสียส่วนใหญ่

แล้วคุณปล่อยไปได้ไง คุณมีทางช่วยแต่คุณไม่ช่วย จิตใจคุณทำด้วยอะไร มีจำนวนคนฆ่าตัวตายมากกว่าถูกฆาตกรรม อย่างคดีฆาตกรรมคุณไม่ยอมเลย แต่ฆ่าตัวตายคุณปล่อยทั้งที่คุณช่วยได้ เพราะฉะนั้นไม่มีใครทำเรื่องเห็ดขี้ควายผมจะทำเอง คุณอยากอยากจับก็จับตามกฎหมาย แล้วคุณจะเห็นว่าประชาชนจะเอายังไง ผมเชื่อในพลังของประชาชนมากกว่าสิ่งไหน