29 มี.ค. 2567 | 11:09 น.
KEY
POINTS
ตอนนี้กระแส T-Pop กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
มีดาวดวงใหม่ประดับวงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเดี่ยว ดูโอ้ หรือศิลปินกลุ่ม
ถ้าจะพูดถึงไอดอลกรุ๊ปชายที่มีฐานแฟนคลับแน่น หนึ่งในนั้นจะมีชื่อวง ‘BUS’ (Because of You I Shine) ศิลปินสังกัดค่าย SONRAY Entertainment บริษัทในเครือ TADA Entertainment ที่มี ‘ย้ง’ ทรงยศ สุขมากอนันต์ เป็นหัวเรือใหญ่
BUS ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 12 คน คือ ‘อลัน’ พศวีร์ ศรีอรุโณทัย, ‘มาร์ค’ กฤษณ์ กัญจนาทิพย์, ‘ขุนพล’ ปองพล ปัญญามิตร, ‘ฮาร์ท’ ชุติวัฒน์ จันเคน, จินวุค คิม, ‘ไทย’ ชญานนท์ ภาคฐิน, ‘เน็กซ์’ ณัฐกิตติ์ แช่มดารา, ‘ภู’ ธัชชัย ลิ้มปัญญากุล, ‘คอปเปอร์’ เดชาวัตร พรเดชาพิพัฒ, ‘เอเอ’ อชิรกรณ์ สุวิทยะเสถียร, ‘จั๋ง’ ธีร์ บุญเสริมสุวงศ์ และ ‘ภีม’ วสุพล พรพนานุรักษ์
ครั้งนี้ The People มีโอกาสสัมภาษณ์ ‘ภีม’ วสุพล พรพนานุรักษ์ หรือแฟนคลับเรียกสั้น ๆ ว่า ‘ภีม วสุ’ หนุ่มเจ้าเสน่ห์และน้องเล็กที่พกความสามารถจากตรังมาที่กรุงเทพฯ โด่งดังจากติ๊กต็อกก่อนผันตัวมาเป็นศิลปิน
เราคุยกับภีมก่อนที่เขาจะเดินแบบงานเปิดตัว ‘Converse By You’ ครั้งแรกในไทย ที่เปิดโอกาสให้คุณออกแบบรองเท้า Converse ตามสไตล์ตัวเองได้ที่สยามเซ็นเตอร์
ภีมยังบอกอีกว่า Converse คือรองเท้าคู่แรก ๆ ที่เขาขอแม่ซื้อ เพราะแมตช์ได้ทุกชุด ทุกลุค
แม้จะคุยกันสั้น ๆ แต่เรารู้สึกได้เลยว่า ภีมคือเด็กที่มีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ เอนจอยไลฟ์ และสร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะต้องผ่านบททดสอบชีวิตมาหลายครั้งก็ตาม
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น ภีมคือหลานชายของอากงที่เปิดร้านซาลาเปา ชื่อ ขาวโอชา อยู่ที่จังหวัดตรัง บางครั้งเขาก็มาช่วยงานที่บ้าน เรียกว่าเขาปั้นซาลาเปาเก่งไม่แพ้ผู้ใหญ่ในบ้านเลยทีเดียว
แต่ความฝันวัยเด็กของภีม คือ การเป็นนักฟุตบอล ก่อนที่เขาจะรู้จักกับกีฬาอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ ‘บาสเกตบอล’
ในรายการ 789trainee ตอนแรก ภีมให้สัมภาษณ์ว่า “บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่อยากลองเล่นดู เหมือนเพื่อนสอนว่า ต้องเอาบาสลอดขา ภีมก็ลองทำดู แต่ภีมทำได้ โดยไม่ต้องฝึกอะไรมาก ลองทำแล้วมันคล่องเลย”
แล้วก็ดูเหมือนว่าภีมจะเอนจอยชีวิตที่เมืองตรังสุด ๆ เพราะที่นั่นมีเพื่อนและครอบครัวที่พร้อมจะเล่นสนุกและโอบอุ้มเขา
แต่ด้วยความที่อยากเข้าเมืองหลวง เขาเลยเลือกสอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยด้วยโควตานักบาส ภีมสอบผ่าน ครอบครัวอนุญาต เขาจึงเก็บกระเป๋ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ
“ตอนแรกที่ขึ้นมาเป็นนักบาสที่สวนกุหลาบ ผมอยู่คนเดียว ไม่มีแม่อยู่ด้วย ก็ใช้เวลาปรับตัวประมาณเดือนหนึ่ง เดือนหนึ่งผมยังร้องไห้อยู่เลย เพราะว่าคิดถึงแม่ ไม่ชินกับการที่ต้องมาทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวในเมืองที่มันใหญ่ขนาดนี้
“ผมต้องทำเองทุกอย่างเลย ตอนแรกขึ้นมานี่ก็…มันเหมือนแบบ มันเหงาอะ เพราะเคยมีแม่อยู่กับเราตลอดทุกวัน ก็มีร้องไห้ โทรฯ หาแม่บ้าง ชีวิตตอนแรกมันต่างตรงที่ไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย”
หลังจากผ่านช่วงปรับตัว ภีมก็ใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เล่นบาสกับเพื่อน และมีความสุขกับชีวิตโรงเรียน
แต่ขณะเดียวกัน ภีมก็เปิดติ๊กต็อกร้องลิปซิงก์เพลงของศิลปิน จนมีคลิปหนึ่งที่ภีมลิปซิงค์ แล้วมีเพื่อน 2 คนนั่งมองกลายเป็นไวรัล ปัจจุบันยอดวิวสูงถึง 15 ล้านครั้ง
ประกอบกับทีมงานของย้ง- ทรงยศ สุขมากอนันต์ ทักมาหาภีมอยากให้ลองไปออดิชัน แต่ภีมยังไม่กล้า เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องเต้น แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนลองก้าวออกจากความกลัวของตัวเอง
“เอาจริง ๆ ใจผมมันก็อยากลอง แต่เหมือนพอพี่ (ทีมงาน) มาหาที่โรงเรียน เราก็คุยกันคร่าว ๆ ว่า ร้องหรือเต้นไม่เป็นก็ยังไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวเข้ามาก็จะมีครูสอน ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่า เออ อยากลองดูก็ได้”
บทชีวิตการเป็นศิลปินบทแรกของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เขามาจับไมค์ร้อง ลองขยับตัว เป็นเด็กฝึกอยู่ประมาณ 1 ปี ก่อนจะมาเปิดตัวเป็นหนึ่งในสมาชิก 789trainee
จริง ๆ แล้ว ภีมไม่เคยคิดว่าการเป็นศิลปินเป็นเรื่องง่าย เขารู้ว่าต้องฝึกร้อง ฝึกเต้น ให้มีทักษะที่พร้อมต่อการเป็นศิลปินมากที่สุด
แม้ชีวิตการเป็นเด็กฝึกจะมีอุปสรรคที่ต้องก้าวข้ามหลายครั้ง แต่ภีมก็บอกว่า แฟนคลับและเพื่อน ๆ ทำให้เขาผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้
“ตอนเจอแฟนคลับครั้งแรก คือตอน Limit Break ผมตื่นเต้นมาก เพราะตอนที่ไม่มีแฟนคลับดู แล้วขึ้นไปโชว์ เราก็อาจจะไม่ได้มีพลังเท่านี้ แต่ว่าตอนเจอเขา ผมรู้สึกว่า อยู่ ๆ มันก็มีพลังในการเต้น อยากเต้น อยากโชว์มากขึ้น ตอนที่เจอแฟนคลับอยาก perform ให้เขาดูเรื่อย ๆ”
“ขอบคุณพี่ ๆ ไดเรกเตอร์ และพี่ทีมงานที่เห็นศักยภาพในตัวผม ตั้งแต่วันที่ผมยังไม่เห็นศักยภาพในตัวเอง แล้วก็อยากบอกแม่ว่า ภีมไม่เคยทำอะไรให้หม่าม้าภูมิใจได้เลย อยากทำอะไรให้หม่าม้าภูมิใจ แล้วเหมือนวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หม่าม้าภูมิใจได้แล้ว…”
คือคำพูดของภีม วสุพล ในวันที่เขาได้รับเลือกเป็น 1 ใน 12 คนที่จะได้เดบิวต์เป็นไอดอลกรุ๊ป เป็นศิลปินหน้าใหม่ให้กับวงการ T-Pop
แต่ภีมก็ต้องปรับตัวอีกครั้งกับความสำเร็จที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว และผลักให้ภีมต้องรับผิดชอบและเติบโตขึ้น
“รู้สึกว่ามันเร็ว มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า เหมือนเทรนมาได้แค่ปีหนึ่ง หนึ่งปีที่เริ่มเต้นเริ่มร้อง รู้สึกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แล้วก็ตั้งตัวไม่ค่อยทัน
วันนี้ ภีม วสุพล เปลี่ยนสถานะจากเด็กฝึกเป็นศิลปินเต็มตัว นอกจากคำว่าศิลปินจะทำให้เขาโต แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มความมั่นใจให้กับเขามากขึ้นด้วย
“พอเรียกว่าเป็นศิลปินแล้วก็ต้องมีความกล้า ผมว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญของศิลปินด้วยคือ ถ้าสมมติเต้นเก่ง ร้องเพลงเก่ง แต่ว่าไม่มีความมั่นใจ ในแววตามันดูไม่มั่นใจ ผมว่าใครก็เป็นได้ รู้สึกว่า…ผมมั่นใจ อะไร ไปไหนแล้วเนี่ย ผมก็มีความมั่นใจขึ้นในการเต้นในการร้อง
“เรามีสกิลมากขึ้นด้วย ผมว่าเรามากันเป็นทีม ผลักดันกันไปเป็นทีม ตอนนี้ผมเป็นศิลปินไอดอล มันก็ไม่ได้มีคนเดียว ในวงก็มีเพื่อนอีก 11 คน เราก็รู้สึกว่า แต่ละคนรับหน้าที่ที่ทุกคนถนัด ต่างกันไป ทำให้เวลาเรายืนบนเวที เรารู้สึกว่า เรามีเพื่อน ๆ เรามาด้วยกันเป็นทีมนะ ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ทำให้เรามั่นใจเวลา perform”
วันนี้ภีม วสุพล ไม่ได้เป็นเด็กฝึก แต่เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง BUS (Because of You I Shine)
เรียกได้ว่า ชีวิตของภีม เขาค่อย ๆ ก้าวผ่านบันไดทีละขั้น สนุก และเติบโตไปกับช่วงเวลาตรงหน้า
ช่วงเวลาที่ตรังเขาเป็นเพียงเด็กที่เอนจอยไลฟ์ ใช้ชีวิตสนุก แต่ภีมก็มองว่า ชีวิตเมืองตรังคือความสุขวัยเด็กสำหรับเขา
“ตอนอยู่ตรัง มันก็สนุกที่ได้เล่นกับเพื่อน เที่ยวกับเพื่อน ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น ไปเล่นบาส หรือทำอะไรกับเพื่อนกับครอบครัว ชีวิตว้างว่าง ตอนนั้นก็มีความสุขในแบบวัยเด็ก”
จนมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นนักบาสโรงเรียน แล้วมาเจอทีมงานที่คอยช่วยทลายกำแพงความกลัวให้กับเขาจนมาเป็นศิลปินที่ได้รับความรักจากผู้คนมากมาย
“การเป็นศิลปิน ผมว่าคือการได้มีแฟน ๆ มีคนที่รักเรามากขึ้น มีคนที่ทำให้เราอยากสร้างผลงานดี ๆ ต่อไป แล้วก็รู้สึกว่ามันสนุกที่เป็นศิลปิน ไม่รู้ว่าเราจะต้องเจออะไรบ้างในทางข้างหน้าต่อไป มีเรื่องให้ทำ ให้ตื่นเต้นตลอดเวลา และมีคนที่คอยรักคอยซัพพอร์ตเรา”
แม้ตอนนี้การเป็นศิลปินของภีมจะเริ่มต้นได้ไม่นาน แต่เมื่อมองไปอีก 5 ข้างหน้า ภีมบอกว่าเขาก็จะยังคงเป็นศิลปินที่มอบความสุขให้ผู้คนเหมือนวันนี้
เพิ่มเติมคือการทดลองไปสายงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซโล่เดี่ยว งานแสดง หรืองานแฟชั่น รวมถึงคอนเสิร์ตร่วมกับ BUS
“อีก 5 ปีข้างหน้า ผมอยากมีเพลงของตัวเอง แต่ว่าตอนนี้อยากจะทำกับเพื่อน ๆ ให้มันไปไกลที่สุดก่อน แล้ววันหนึ่ง ถ้าเราแข็งแรงพอแล้ว ก็อยากมีซิงเกิลโซโล่ด้วย แล้วก็อยากมีคอนเสิร์ตกับเพื่อน ๆ เรื่อย ๆ อยากมีฟีล บินไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศต่าง ๆ
“ถ้าสมมติเป็นไปได้ก็อยากลองมีงานอื่น ๆ ในวงการบ้าง งานแสดง งานแฟชั่น ทุกวันนี้ผมยังทำไม่เป็นไง ผมชอบเล่นละครกับเพื่อน ๆ ตลก ๆ ก็รู้สึกว่ายังทำไม่เป็น แต่ถ้าสักวันหนึ่งที่ผมแข็งแรงในการเป็นศิลปินแล้วก็ถ้ามีงานแบบนั้นมาบ้าง ก็อยากลองดู”
รวมถึงความฝันที่อยากเก็บเงินสร้างบ้านที่จะเป็นที่พักผ่อน และพื้นที่ความสุขระหว่างภีมกับครอบครัว
บ้านที่มีไว้เติมพลัง ก่อนจะลุกขึ้นไปสู้กับงานต่อ
“คำว่าบ้านของผมก็คือ บ.ใบไม้ ฮึ้ย (หัวเราะ) คำว่าบ้านของผมคือ ที่ที่ได้พักผ่อน ที่ที่อยากกลับไป มีครอบครัว มีแม่ มีพี่ชาย มีคุณยาย
“ผมไปเห็นบ้านของพี่ศิลปินคนหนึ่ง มันเป็น inspiration ที่ทำให้ผมอยากตั้งใจทำงาน มีงานเยอะ ๆ เพื่อที่จะเก็บตังค์สร้างบ้าน บ้านของผมก็คือ เป็นสถานที่ที่ได้พักผ่อน แบบทำงานเหนื่อย ๆ กลับบ้านมาได้พักผ่อนเต็มที่ มีมุมของตัวเอง
ในฐานะคนที่ติดตามวงการเพลงไทย เราก็จะคอยติดตามผลงานของภีมด้วยความหวังว่าวันหนึ่งเขาจะสร้างบ้านตัวเอง มีที่พักผ่อน และเป็นหลุมหลบภัยในวันที่เหนื่อยล้าได้
ก่อนจบการสัมภาษณ์ ภีมทิ้งท้ายถึง BEUS (บีอัส) แฟนคลับของ 12 หนุ่มวง BUS ว่า “ฝาก BEUS ทุกคน รอติดตามพวกเราด้วยนะครับ พวกเรา BUS Because of You I Shine จะตั้งใจทำผลงานให้ดีขึ้นไป ให้สมกับรักที่เธอให้มา”
แล้วเราก็คิดว่าชาว BEUS ก็จะตั้งใจรักและสนับสนุนเหมือนรักที่ภีมให้แฟนคลับด้วยเช่นกัน