‘แฝดลิ้นดำ’ จากผู้นำทัพพระเจ้าสู่เหยื่อสงครามชาติพันธุ์  

‘แฝดลิ้นดำ’ จากผู้นำทัพพระเจ้าสู่เหยื่อสงครามชาติพันธุ์  

จากตำนานเด็กชายผู้ถูกยกเป็นผู้นำ ‘ทัพพระเจ้า’ สู่ชีวิตผู้ใหญ่ที่พังพินาศเพราะบาดแผลสงคราม เรื่องราวของ ‘แฝดลิ้นดำ’ คือเงาสะท้อนความโหดร้ายที่ชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและเด็กเล็ก ๆ ต้องแบกรับ โดยไม่เคยได้เลือกชะตากรรมของตนเอง

KEY

POINTS

เช้าวันที่ 24 มกราคม 2543 ชาวไทยตื่นขึ้นมาพร้อมข่าวสะเทือนขวัญ กลุ่มคนติดอาวุธสิบคนบุกเข้ายึดโรงพยาบาลราชบุรี จับแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยนับพันเป็นตัวประกัน ข้อเรียกร้องฟังดูเรียบง่ายแต่สะท้อนความสิ้นหวังลึกซึ้งของผู้คนชายแดน พวกเขาอยากให้ทีมแพทย์ข้ามไปช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงที่บาดเจ็บจากการสู้รบกับทหารเมียนมา และอยากให้กองทัพไทยหยุดกดดันผู้อพยพที่หนีเข้ามาพึ่งพิงฝั่งไทย

รัฐบาลไทยในขณะนั้น นำโดยนายชวน หลีกภัย สั่งให้กองทัพยุติสถานการณ์โดยให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด ภารกิจถูกมอบแก่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก การจู่โจมดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนรอดพ้น ยกเว้นกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตทั้งหมด หลังจากนั้นจึงเกิดคำถามใหญ่ตามมา ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้?

สื่อมวลชนหันไปจับจ้องที่ชื่อของฝาแฝด ‘จอห์นนี่’ และ ‘ลูเธอร์ ทู’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘แฝดลิ้นดำ’ เด็กชายอายุเพียงสิบขวบที่ถูกเชื่อว่าเป็นผู้นำกลุ่มกองกำลังติดอาวุธชื่อ ‘God’s Army’ หรือ ‘กองทัพพระเจ้า’ 

มีตำนานมากมายที่เล่าถึงพลังเหนือธรรมชาติซึ่งทำให้พวกเขาเป็นที่เกรงขามในดินแดนกะเหรี่ยง แต่ในภายหลัง ลูเธอร์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขาไม่ใช่ผู้สั่งการในเหตุการณ์ที่ราชบุรี การบุกครั้งนั้นเป็นการกระทำของกลุ่มนักศึกษา เช่นเดียวกับทุกเหตุการณ์ที่มีผู้ใหญ่เป็นเบื้องหลัง 

จุดเริ่มต้นของตำนานต้องย้อนกลับไปที่ปี 2531 เมื่อแฝดคู่นี้ลืมตาดูโลกที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้ภูเขาพระเจ้า แม่ของพวกเขา ‘เป เคน’ เล่าว่า ขณะตั้งครรภ์เธอฝันเห็นทหารผู้ยิ่งใหญ่ที่อยากกลับมาเกิดใหม่ หลังการกำเนิด เรื่องเล่าเหนือธรรมชาติเริ่มแพร่สะพัด ชาวบ้านเชื่อว่าลูเธอร์สามารถกลายร่างเป็นอัครสาวก ส่วนจอห์นนี่นั้น ว่ากันว่าเขาสามารถเดินบนน้ำได้ และที่สำคัญที่สุดคือมีคนเชื่อว่า สองพี่น้องสามารถเรียกกองทัพล่องหนออกมาปกป้องชาวกะเหรี่ยงได้

ชื่อ ‘แฝดลิ้นดำ’ สืบทอดจากผู้นำกองกำลังคนก่อนที่มีลิ้นสีดำจริง แต่แม้จอห์นนี่และลูเธอร์จะไม่มีลักษณะนั้น ชื่อนี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ได้รับการยกย่อง

บุคลิกของพวกเขาต่างกันชัดเจน จอห์นนี่สุขุมเงียบขรึม แววตาเศร้า ผมยาวจนคล้ายเด็กหญิง ส่วนลูเธอร์ตรงกันข้าม แข็งกร้าวเกินวัย ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า และแสดงความดื้อรั้นแบบไม่เกรงกลัวใคร 

อย่างไรก็ตาม ในสนามรบ ความเชื่อที่ว่าสองพี่น้องเป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถกันกระสุนของศัตรู ได้ถูกหักล้างไป หลังจากหนึ่งในแกนนำ God's Army ถูกยิงจนต้องตัดขา ขณะที่สมาชิกอีกหลายคนต้องสิ้นลมหายใจจากการต่อสู้ 

ภายหลังเหตุการณ์ที่ราชบุรีเพียงหนึ่งปีถัดมา กองทัพพระเจ้าก็เดินทางมาถึงจุดจบและต้องสลายตัว ฝาแฝดวัย 12 ปี พร้อมคนอื่น ๆ เข้ามอบตัวกับทางการไทย พวกเขาถูกส่งไปอยู่ค่ายผู้อพยพ ก่อนจะแยกย้ายตามเส้นทางที่แตกต่างกัน 

จอห์นนี่เดินทางไปอยู่กับแม่ที่นิวซีแลนด์ แต่ไม่สามารถปรับตัวได้เต็มที่ เขาหวนกลับมาใช้ชีวิตในหมู่บ้านชายแดนไทย-เมียนมา ปัจจุบันในวัยสามสิบกว่า ติดสุราอย่างหนัก ญาติเล่าว่าเขามักนอนบนพื้นคอนกรีต ด้วยอาการตัวสั่น 

ลูเธอร์เลือกเส้นทางลี้ภัยไปสวีเดน อยู่ที่เมืองเล็ก ๆ สิบปี ท่ามกลางหิมะและความโดดเดี่ยว และกลับเมียนมาในที่สุด การกลับบ้านไม่ทำให้ความว่างเปล่าในใจหายไป เขายังพึ่งเหล้าอย่างหนัก และเคยพูดว่า “แอลกอฮอล์ช่วยหยุดความเศร้าให้ผมได้” จนถึงขั้นครอบครัวของภรรยาสั่งห้ามร้านค้าขายในหมู่บ้านให้เขาอีก เพราะเขาเคยอาเจียนเป็นเลือดหลังจากดื่มหนัก

ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของพวกเขาเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลในวัยเด็ก การเติบโตท่ามกลางสงคราม ความคาดหวังที่ใหญ่เกินตัว และตำนานที่พวกเขาไม่เคยเลือกเอง จอห์นนี่และลูเธอร์เคยถูกยกขึ้นสูงเสียดฟ้า แต่เมื่อพลังแห่งความเชื่อจางหาย ทั้งคู่กลับตกลงมาในความจริงอันโหดร้ายที่ไม่อาจรับไหว

ฉากหลังของเรื่องนี้คือเมียนมา ประเทศที่ถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารยาวนาน ความพยายามของกลุ่มชาติพันธ์ุอย่างกะเหรี่ยงที่จะรักษาดินแดนและตัวตน ทำให้เด็กชายฝาแฝดถูกดันขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ แต่การเมืองอันซับซ้อนเกินกว่าจะควบคุมได้ ทำให้พวกเขากลายเป็นทั้ง ‘เครื่องมือ’ และ ‘เหยื่อ’ ในเวลาเดียวกัน

สองทศวรรษกว่า หลังจากเหตุการณ์ราชบุรี ชีวิตของฝาแฝดยังคงวนเวียนอยู่กับความทรงจำและบาดแผล แม้พวกเขาจะฝันถึงการก่อร่าง God’s Army ขึ้นใหม่ แต่สิ่งที่เหลืออยู่กลับเป็นเพียงร่างกายที่ทรุดโทรมเพราะพิษเหล้า ที่พวกเขาใช้เป็นทางหนีจากความเศร้าโศกและบาดแผลทางจิตใจที่เกิดจากประสบการณ์ในวัยเด็ก

เรื่องราวของ ‘แฝดลิ้นดำ’ จึงไม่ใช่เพียงตำนานของเด็กชายที่ถูกยกเป็นผู้นำศักดิ์สิทธิ์ แต่คือภาพสะท้อนของเด็กที่ถูกสงครามและการเมืองพรากวัยเยาว์ไป ความหวัง ความศรัทธา และความผิดหวังซ้อนทับกัน จนกลายเป็นบทเรียนของทั้งคนกะเหรี่ยง และโลกที่เฝ้ามอง

 

เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า

ภาพ: Getty Images

 

 

 

อ้างอิง:

Beech, Hannah. “’We Were Bulletproof’: As Child Soldiers Grow Up, Legacy of War Lingers.” The New York Times, 12 Oct. 2020, www.nytimes.com/2020/10/12/world/asia/myanmar-thailand-gods-army-htoo-twins.html.

“เปิดชีวิต ‘แฝดลิ้นดำ’ จอห์นนี่-ลูเธอร์ : จากผู้นำก็อดอาร์มี่ สู่วัยผู้ใหญ่หลังสงคราม.” Nation TV, nationtv.tv/news/social/378939317#goog_rewarded.

“ระบบเฝ้าระวังที่อ่อนแอ สู่ดินแดนอาชญากร (25ปีก๊อดอาร์มี่).” YouTube, uploaded by [NationTV], YouTube, www.youtube.com/watch?v=WPl40u0diCo.