NIA จัดงาน Global Innovation Forum: "Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: "Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) จัดงาน Global Innovation Forum 2025: "Global Health Tech towards Innovation Nation" เผยผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก พร้อมแลกเปลี่ยนแนวโน้มและโอกาสธุรกิจ HealthTech เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล

17 กันยายน 2568 กรุงเทพมหานครสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน Global Innovation Forum 2025 ณ​ ห้องพญาไท ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ภายใต้หัวข้อ “Global Health Tech towards Innovation Nation … เฮลท์เทคไทยมองไกลกว่าสุขภาพ” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองระดับโลกที่จะร่วมกันผลักดันนวัตกรรมไทยสู่อนาคต

โดยในงานมีการนำเสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1) ดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) ประจำปี 2568 และก้าวต่อไปของนวัตกรรมไทย 2) แนวโน้มกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลกทางด้านเฮลท์เทค (Global Mega Trend in Health Tech) และ 3) โอกาสและความท้าทายของธุรกิจนวัตกรรมทางด้านเฮลท์เทคในระดับโลก (Global Challenge & Opportunity for Health Tech Innovative Business) ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถรับชมวิดีโอย้อนหลังผ่านช่องทางออนไลน์ของ NIA ได้อีกด้วย

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก
 

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวเปิดงานภายใต้หัวข้อ ‘Innovation at a Crossroads: Charting the Future นวัตกรรมบนจุดเปลี่ยน - การกำหนดทิศทางสู่อนาคต’ โดยมีไฮไลท์สำคัญเรื่อง การจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (หรือ GII 2025) ซึ่งเพิ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา พร้อมชี้ให้เห็นแนวโน้มการขับเคลื่อนนวัตกรรมทั่วโลก ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป 
 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

 

“สำหรับผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (หรือ GII 2025) ปีนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 45 (36.7 คะแนน) จากประเทศเศรษฐกิจทั่วโลก 139 ประเทศ นับว่าลดลง 4 อันดับจากปีก่อนหน้า และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน ประเทศไทยจัดอยู่อันดับที่ 4 จากจำนวน 36 ประเทศ และอันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียน”

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

จากผลการจัดอันดับ GII 2025 ในปีนี้ ทาง ดร. กริชผกา เชื่อมั่นว่า “นวัตกรรมไทยยังมีโอกาสที่จะขับเคลื่อนสู่การเติบโตระดับโลกต่อไป โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การเร่งสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในตลาดโลก จากจุดเด่นด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่ง NIA ตั้งเป้าที่จะสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมครบวงจร ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ สร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ ‘Groom - Grant - Growth - Global’ อันเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม”

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

 

นอกจากนั้น ทาง NIA ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิด Thailand Innovation Hub เพื่อสร้างเครือข่ายศูนย์กลางนวัตกรรมที่เชื่อมโยงทั่วประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโต สร้างโอกาสขยายตลาดและแหล่งเงินทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพของไทย ผ่านโปรแกรมเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเกษตร อาหาร การแพทย์และสุชภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยว/ ซอฟต์พาวเวอร์/ สังคม 

ตลอดจนการยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมต่อยอดการลงทุนสู่ตลาดสากลผ่าน 3 โปรแกรม ได้แก่ 1) Corporate Spark เน้นการจับคู่ธุรกิจกับสตาร์ตอัปนานาชาติที่มีเทคโนโลยีหรือบริการโดดเด่น 2) Global Market Link สร้างโอกาสเชื่อมโยงและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และ 3) Global Investment Link ยกระดับศักยภาพเพื่อโอกาสรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ
 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

ภายหลังการกล่าวเปิดงาน ก็เข้าสู่เวทีเสวนาแรกเกี่ยวกับ แนวโน้มกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลกทางด้านเฮลท์เทค ภายใต้หัวข้อ ‘Global Mega Trend in Health Tech’ โดยมีแขกรับเชิญพิเศษอย่าง พญ.จามรี เชื้อเพชระโสภณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลเมดพาร์ค, คุณธเนศ บุญคุณศักดิ์ Business Technology Leader บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด และคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และระบบสุขภาพในปัจจุบัน

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

 

พญ.จามรี ชี้ให้เห็นว่าเมกะเทรนด์ระดับโลกอย่างการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลก และมีแนวโน้มความต้องการสินค้าบริการเพื่อตอบโจทย์ ‘การใช้ชีวิตในวัยชราโดยไม่เจ็บป่วย’ (Longevity Economy) เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับจุดแข็งด้านสุขภาพและสุขภาวะของไทย

ดังนั้น การออกแบบนวัตกรรมสุขภาพ พญ.จามรี เห็นควรว่าจำเป็นต้องแยกให้ชัดระหว่างสุขภาพ (Health) และสุขภาวะ (Wellness) ซึ่งมีความหมายกว้างกว่าและครอบคลุมองค์รวม ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และการดำเนินชีวิต เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการที่มีคุณค่าชัดเจนและได้เปรียบทางการแข่งขัน ขณะที่การผนวกเทคโนโลยีใหม่เข้ามา เช่น การใช้ wearable device (เทคโนโลยีหรืออุปกรณ์สวมใส่) เพื่อตรวจวัดผลลัพธ์ด้านสุขภาวะ แนวคิดนี้จะช่วยให้ไทยมีโอกาสสร้างสรรค์นวัตกรรมที่แตกต่าง และตอบโจทย์ตลาดโลกได้จริง

สำหรับก้าวต่อไปสู่การเป็น Global Medical Hub ของไทย ทาง พญ.จามรี กล่าวว่า โรงพยาบาลขนาดใหญ่-เล็ก ต่างกำลังปรับเปลี่ยนบทบาทจาก ‘สถานที่รักษาโรค’ สู่ ‘ศูนย์กลางการดูแลสุขภาพ’ โดยมุ่งป้องกันและยกระดับคุณภาพชีวิต แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ คือ การบูรณาการจัดการ เพื่อเชื่อมโยงให้เกิด Holistic Wellness Hub ที่เป็นแบรนด์ของประเทศ โดยไม่เพียงสร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือ หากยังต่อยอดให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำเทรนด์ด้านสุขภาวะบนเวทีโลกได้อีกด้วย

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก


จากนั้น คุณธเนศ ได้ร่วมแบ่งปันมุมมองถึงอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาวะที่กำลังขับเคลื่อนด้วย 4 เมกะเทรนด์สำคัญ ได้แก่ 1) Virtual Hybrid Care ที่ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น พร้อมอุปกรณ์ wearable และ IoT สำหรับการตรวจจับและติดตามสุขภาพ 2) Digital Transformation ที่พลิกโฉมการจัดการตั้งแต่ Electronic HR ไปจนถึง Revenue Cycle Management และ Regulatory Compliance 3) Value-Based Care ที่เปลี่ยนจากระบบคิดค่าบริการแบบเดิม มาให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในการรักษามากขึ้น และ 4) Citizen Patient at Center ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งหันมาใส่ใจสุขภาพเชิงรุกมากขึ้น

คุณธเนศกล่าวเสริมว่า เทรนด์เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI และ Quantum Computing จะเข้ามาเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม Healthcare โดยข้อมูลจาก IBM Institute for Business Value (IBV) ระบุว่า 77% ของผู้ให้บริการด้านสุขภาพเชื่อว่า AI จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบการแพทย์ และ 66% มองว่าจะช่วยเพิ่มรายได้และลดต้นทุนได้จริง ทั้งในงานวินิจฉัยโรค การวิเคราะห์ภาพถ่าย ไปจนถึง Agentic AI ที่ช่วยบริหารจัดการด้านธุรกิจ ขณะที่ Quantum Computing จะยกระดับความสามารถด้านการประมวลผลได้แบบก้าวกระโดด เปิดโอกาสใหม่ในการคิดค้นยา และพัฒนาตามลักษณะพันธุกรรมของแต่ละบุคคล (Personalized Medicine) ซึ่งถือเป็นโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ที่จะยกระดับ Healthcare และ Wellness ของไทยในอนาคต

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

ปิดท้ายเซสชั่นแรก ทางคุณจิรายุส กล่าวเสริมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Quantum Computing ซึ่งปัจจุบันถูกพัฒนาให้พร้อมใช้งาน และจะทำหน้าที่ Supercharge AI ให้สามารถเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้แบบก้าวกระโดด จากกระบวนการค้นพบทางวิยาศาสตร์ที่อาจใช้เวลาหลายศตวรรษ เหลือเพียงไม่กี่ทศวรรษ ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีเหล่านี้ยังถูกคาดการณ์ว่าจะช่วยลดต้นทุนด้าน Healthcare ลงได้กว่า 20% ในอีก 5 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประเทศไทยต้องวางแผนรับมืออย่างจริงจัง คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ หรือ Superaging Economy โดยอีกไม่เกิน 5 ปี จะมีประชากรไทย 1 ใน 5 คนที่มีอายุเกิน 65 ปี ขณะที่ความแตกต่างระหว่าง Lifespan (อายุขัยเฉลี่ย) และ Healthspan (ช่วงชีวิตที่สุขภาพแข็งแรง) ยังคงกว้าง โดยเฉพาะผู้ชายไทยที่แม้มีอายุขัยเฉลี่ยถึง 75 ปี แต่สุขภาพแข็งแรงเพียง 65 ปี หมายถึง 10 ปีสุดท้ายต้องอยู่กับความเจ็บป่วยติดเตียง ปัญหานี้จึงไม่เพียงเป็นความท้าทายด้านสาธารณสุข แต่ยังเป็นแรงกดดันต่อระบบประกันสังคมและความยั่งยืนของประเทศโดยตรง

คุณจิรายุส จึงเสนอว่า ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้องเร่งสร้าง S-Curve ใหม่ในวงการแพทย์ ไม่เพียงพึ่งพาธุรกิจหลัก (Cash Cow) จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) และการรักษาพยาบาล (Sick Care) ซึ่งทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ต้องต่อยอดสู่ Longevity Economy ผ่านการลงทุนในนวัตกรรม Biohacking และการขยาย Healthspan ให้ทัดเทียม Lifespan เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว เพราะประเทศไทยมีศักยภาพเพียบพร้อม ทั้งด้านคุณภาพของบุคลากรทางการแพทย์ บริการที่เข้าถึงได้ง่าย และทรัพยากรธรรมชาติที่เป็น Destress Destination ของโลก หากสามารถบูรณาการระบบการรักษาไปสู่การป้องกันโรค (Prevention Stack) และยกระดับองค์ความรู้ของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อแก้ไขที่สาเหตุของการเจ็บป่วยได้จริง คุณจิรายุสเชื่อว่า ประเทศไทยจะมีโอกาสก้าวขึ้นเป็น Global Player ในการกำหนดเทรนด์ด้านสุขภาวะและความยั่งยืนในอนาคต
 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

สำหรับอีกหนึ่งเวทีเสวนาจะแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นเรื่องโอกาสและความท้าทายของธุรกิจนวัตกรรมทางด้านเฮลท์เทคในระดับโลก ภายใต้หัวข้อ ‘Global Opportunity & Challenge for Health Tech Innovative Business in Thailand’ โดยมีแขกรับเชิญพิเศษ 3 ท่าน ได้แก่ ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช, คุณธนกฤต ประสิทธิภาพ กรรมการสมาคมการค้าเฮลท์เทคไทย และ พญ. เมธินี ไหมแพง ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 1 และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ มาร่วมสะท้อนภาพการเติบโตของเฮลท์เทคไทยในบริบทการแข่งขันระดับโลก
 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

 

จากกรณีศึกษาของ Siriraj Excellent Innovation Center และ HEALTHi Lab ที่เปลี่ยนงานวิจัยในห้องทดลองให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ที่ใช้งานได้จริง ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ระบุว่า โรงเรียนแพทย์ถูกบ่มเพาะด้วย 3 พันธกิจหลัก ได้แก่ การรักษาพยาบาล การศึกษา และงานวิจัย ซึ่งทุกด้านมีความสำคัญเท่าเทียมกัน งานวิจัยที่เคยอยู่บนหิ้งจึงถูกขับเคลื่อนให้ต่อยอดได้จริง เช่น การวิเคราะห์เมตาโบไลต์ เพื่อตรวจหาสารที่สามารถปรับเส้นทางโรคได้ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมเชิงวิชาการที่จับต้องได้ และพร้อมต่อยอดสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์

ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ยังชี้ให้เห็นว่า การผลักดันงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ยังคงต้องอาศัยการบูรณาการ และความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ผ่านแพลตฟอร์ม Hackathon และ Sandbox ของศูนย์นวัตกรรม เพื่อให้ผลงานที่เกิดขึ้นสามารถต่อยอดในเวทีระดับโลกได้ 

ดังนั้น ถึงแม้ประเทศไทยจะมีศักยภาพด้านงานวิจัยสูง แต่หากขาดการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) หรือความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ผลงานเหล่านั้นย่อมไม่สามารถสร้างผลกระทบเชิงพาณิชย์ และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเฮลท์เทคระดับโลก (Global Health Tech Hub) ได้เต็มศักยภาพ

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

ถัดมา คุณธนกฤต ได้ฉายภาพตลาดเทคโนโลยีด้านสุขภาพในประเทศไทย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความท้าทายยังคงอยู่ที่กฎระเบียบที่ซับซ้อน การเข้าถึงทุนที่จำกัด รวมถึงความยากลำบากในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ ดังนั้น การสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมโยง (Matching Platform) ระหว่างสมาคมการค้าเฮลท์เทคไทย ภาครัฐ และภาคเอกชน จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถอัปเกรดจากต้นแบบ (Prototype / Early Stage) ไปสู่ตลาดโลกได้ เช่น การอบรมให้ความรู้ด้านกฎระเบียบและมาตรฐานตลาดยุโรป ก่อนออกผลิตภัณฑ์จริง 

โดยถึงแม้ปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลกจะมีความสนใจสตาร์ทอัพไทย แต่ขนาดของตลาดยังเล็กและมักไม่สามารถขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้ ส่วนหนึ่งมาจากกำแพงภาษาและความไม่มั่นใจในการเข้าไปบุกตลาดต่างชาติ ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มมองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (Regional Hub) เพราะมีต้นทุนแรงงานถูกกว่า และนโยบายภาษีในต่างประเทศส่งผลให้บางบริษัทจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิต

อย่างไรก็ตาม คุณธนฤกต มองว่า โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป (Superaging Society) ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทั้งในการดูแลผู้สูงอายุ และการถนอมสุขภาพ รวมถึงการนำเข้าอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความพร้อมด้านสุขภาวะ (Wellness) และระบบการป้องกันสุขภาพ (Preventive Health) อันถือเป็นจุดแข็งและเสน่ห์ของไทยสำหรับนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนั้น การบูรณาการระบบนิเวศนวัตกรรมระหว่างภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะผลักดันสตาร์ทอัพไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเฮลท์เทคระดับโลกได้จริง ทั้งในแง่การตลาด การลงทุน และการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์อนาคตของประเทศ

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

ปิดท้ายเซสชั่นนี้ ทาง พญ. เมธินี มองว่า การก้าวสู่ตลาดระดับโลกนั้นจำเป็นต้องอาศัยระบบการดูแลสุขภาพดิจิทัล (Digital Healthcare) ที่ช่วยยกระดับทั้งประสิทธิภาพในการรักษาและประสบการณ์ผู้ป่วย (Patient Experience) เช่น การใช้ Microsite, Online Registration, Application หรือ AI ในลักษณะผู้ช่วย (Assistant) เพื่อเสริมการทำงานของแพทย์

โดย พญ. เมธินี เน้นย้ำถึงจุดแข็งของไทย ได้แก่ ฐานรากด้านการแพทย์ และการบริการที่มีคุณภาพสูง ส่งผลให้แนวโน้มของผู้ป่วยจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามารักษาในไทยเพิ่มสูงขึ้น แต่การใช้เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องมีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถขยายขีดความสามารถในการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม พญ. เมธินี ยังฝากประเด็นปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรด้าน IT และ Health Tech Workforce ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีสู่การใช้งานจริง ซึ่งจำเป็นต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐาน และสร้างแรงงานด้านเทคโนโลยีสุขภาพในประเทศ เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมด้านเฮลท์เทคระดับโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก

 

นอกเหนือจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์ในงาน Global Innovation Forum 2025 แล้ว ในงานยังปิดท้ายด้วยกิจกรรมเวิร์กชอป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ ภายใต้หัวข้อ ‘Recommendation for Health Tech Innovation Development in Thailand’ โดยเปิดให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนาศักยภาพเฮลท์เทคไทยให้เข้มแข็งและแข่งขันได้ในระดับสากล

 

NIA จัดงาน Global Innovation Forum: \"Global Health Tech towards Innovation Nation” พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก