22 ธ.ค. 2568 | 15:55 น.

Anaconda เลื้อยสยองโลก คือภาพยนตร์ซ้อนภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความวายป่วงที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในจอและนอกจอสำหรับทีมงานและเหล่านักแสดง นอกจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ของกองถ่ายหนังที่มีกลุ่มเพื่อนซี้ นำโดย ดั๊ก (แจ็ค แบล็ค), กริฟฟ์ (พอล รัดด์), เคนนี่ (สตีฟ ซาห์น), และแคลร์ (ธานดิเว นิวตัน) กับการตามหางูยักษ์อนาคอนดา ในป่าลึกของแอมะซอน เพื่อมาเข้าฉากหนังของพวกเขา จนเกิดเป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอด จากผู้ล่า กลายเป็นผู้ถูกล่า ซึ่งก็ไม่ต่างกับกองถ่ายหนังเรื่องนี้ในชีวิตจริง ที่ผู้กำกับ ทอม กอร์มิแคน เล่าว่าการถ่ายทำจริงก็มีปัญหามากมายเช่นกัน รวมถึงพายุลูกใหญ่ที่เกือบทำลายฉากสุดท้ายของภาพยนตร์
“พอถ่ายทำไปได้ครึ่งทาง เราก็เสียสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญในตอนจบไป ทำให้ผมต้องเขียนฉากจบขึ้นมาใหม่ทั้งหมดระหว่างการถ่ายทำ และเราก็ไปหาเรือเก่าๆ มาสร้างเป็นอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ มันเป็นฉากที่ใหญ่มาก และเราเพิ่งถ่ายทำเสร็จ อยู่ๆพายุไซโคลนลูกแรกในรอบ 50 ปีก็พัดถล่มออสเตรเลียและทำลายทุกอย่างลง ผมคิดว่า ‘นี่มันเหมือนรายการเรียลลิตี้การสร้างภาพยนตร์เลย จะมีอะไรผิดพลาดได้กว่านี้อีกมั้ย?’ ดังนั้นเราจึงประกอบทุกอย่างเข้าด้วยกันอีกครั้ง เปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แล้วพวกมันไม่ระเบิด เราก็คิดว่า เอาล่ะ ไปกันต่อ”
เขากล่าวเสริมว่า ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งคือการทำให้ แบล็ค, รัดด์, และซาห์น หยุดสนุกกันได้นานพอที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ “การทำให้พวกเขาจดจ่ออยู่กับงานนั้นยากมาก แต่พอเริ่มแสดงแล้วก็โอเค ช่วงพักระหว่างถ่ายทำ แจ็คก็ร้องเพลงเสียงดัง แล้วพอลก็เข้ามา สตีฟก็ร้องเพลงต่อ มีอยู่ช่วงหนึ่ง พอลตีกลอง เซลตัน เมลโล นักแสดงชาวบราซิลของเราเล่นกีตาร์ แล้วผมก็แบบ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คืออะไร แต่มันไม่ใช่การกำกับ ผมก็แค่โบกมือแล้วพูดว่า ได้โปรดเถอะ ถึงจุดหนึ่งเราต้องสร้างอนาคอนดาให้เสร็จ ไม่งั้นทอม รอธแมน (ประธานโซนี่ พิคเจอร์ส) จะฆ่าผมแน่ แต่อย่างน้อยก็สนุกดี”