12 ธ.ค. 2568 | 16:20 น.

นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ในปี 2569 แนวโน้มเศรษฐกิจยังชะลอตัว แต่เคทีซียังคงเดินหน้าพัฒนาด้านไอทีครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนระบบการชำระเงินเดิม สู่ระบบใหม่ที่ออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ที่ปรับขนาดได้ (Scalable) ตามความเติบโตของธุรกิจ และยืดหยุ่น (Resilient) ในการต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อการปรับใช้และจัดการที่รวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการได้ทันที ส่งผลให้เกิดประโยชน์กับสมาชิก ร้านค้าและเพื่อนคู่ค้าในหลายมิติ พัฒนาการบริการ ยกระดับความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐานใหม่ ISO/IEC 27001:2022 ลดต้นทุนในการดำเนินงานและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ
ในปี 2569 เคทีซีมีการรวบรวมข้อมูลสมาชิกทั้งช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชันและโซเชียลมีเดียให้ครบวงจรขึ้น ผ่าน Customer Data Platform (CDP) เครื่องมือที่จะทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลสมาชิกทุกช่องทางไว้ในระบบเดียว ซึ่งจะช่วยให้ทำการตลาดเฉพาะกลุ่มได้แม่นยำขึ้น ยกระดับความปลอดภัยในการบริหารจัดการด้านข้อมูลสมาชิก ทำให้กระบวนการทำงานภายในรวดเร็วขึ้น เชื่อว่าการลงทุนเทคโนโลยีครั้งนี้จะช่วยเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2569 คาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมจะขยายตัว 1-2% ควบคู่กับการรักษาอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio) ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% และมีแผนระดมเงินกู้ยืมระยะยาวประมาณ 12,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ การลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนด
นอกจากนี้ การเริ่มเปิดตัวธุรกิจนายหน้าประกันในฐานะธุรกิจใหม่ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเคทีซียังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยคาดว่าต้นทุนทางการเงิน ณ สิ้นปี 2569 จะต่ำกว่าสิ้นปี 2568 ประมาณ 0.15%–0.20%
ด้านการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปี 2569 คาดการณ์เติบโตที่ 5% และเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่ 250,000 ราย โดยเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1) เสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตสมาชิกคุณภาพ ยกระดับผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการขยายฐานสมาชิกผ่านช่องทางดิจิทัล พร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ กิน ช้อป เที่ยว รวมถึงหมวดที่สอดรับกับเทรนด์ที่ลูกค้าให้ความสนใจ เช่น หมวดการดูแลสุขภาพ และ Healthcare
2) ต่อยอดธุรกิจนายหน้าประกัน (Insurance Brokerage) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและวินาศภัย เพิ่มทางเลือกและความคุ้มค่าให้สมาชิก รวมถึงสร้างรายได้ใหม่จากผลิตภัณฑ์ประกันบนช่องทางบัตรเครดิต
3) มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกับธนาคารกรุงไทยในหลายมิติ โดยเน้น 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มลูกค้า Wealth ยกระดับสิทธิพิเศษและบริการที่ครอบคลุมกว่าเดิม กลุ่ม SME สร้างช่องทางการขยายโอกาสให้พันธมิตรร้านค้า บน e-marketplace “KTC U SHOP” ซึ่งเตรียมรีแบรนด์เป็น “KTC MALL” และกลุ่ม Gen Z เจาะกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อสร้างฐานสมาชิกใหม่ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นกำลังซื้อ
4) ใช้ Digital และ AI ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาด เพื่อยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้า “ง่าย เร็ว ไร้รอยต่อ” และเสนอสิทธิประโยชน์เฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำและครบวงจร
ในปี 2569 ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลตั้งเป้าเติบโต 2% เน้นพอร์ตสินเชื่อเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพิ่มสมาชิกใหม่ 110,000 ราย โดยบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะใช้ 4 กลยุทธ์การตลาดในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่
1) ปรับโฉมการสมัครออนไลน์ E-Application ให้อยู่บนแอป KTC Mobile เพื่อความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถทำการสมัคร และรู้ผลอนุมัติไวใน 30 นาที
2) ขยายฐานสมาชิกใหม่ผ่านพันธมิตร และจุดขายที่มีดีมานด์สูงกว่า 2,000 ร้านค้า สแกนสมัครได้ที่หน้าร้าน อนุมัติ และรับสินค้าได้ทันที รวมถึงความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยผ่านฐานข้อมูล Payroll
3) ดูแลสมาชิกกว่า 700,000 รายด้วยสิทธิพิเศษ ทั้ง “รูด–โอน–กด–ผ่อน” เพื่อรองรับพฤติกรรมทุกไลฟ์สไตล์ และเดินหน้าโครงการ “เคลียร์หนี้” เพื่อส่งเสริมวินัยการชำระเงิน
4) ช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ผ่านโปรโมชันผ่อนสินค้าด้วยดอกเบี้ย 0% นานถึง 24 เดือน
สำหรับ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ซึ่งเป็นบริการสินเชื่อส่วนบุคคลในรูปแบบสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจะใช้กลยุทธ์ในการขยายฐานสมาชิกผ่านธนาคารกรุงไทยเป็นหลัก โดยจะปรับโฉมผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
นางพิทยากล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการตามแผนเทคโนโลยีในปี 2569 จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานสมาชิก มอบประสบการณ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และตรงใจสมาชิกมากขึ้น พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนว่าบริษัทกำลังลงทุนในโครงสร้างดิจิทัลเพื่อการเติบโตระยะยาว บนพื้นฐานความยั่งยืนในทุกมิติ