‘การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในฐานะกลไกเศรษฐกิจ: โอกาสใหม่สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ’

‘การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในฐานะกลไกเศรษฐกิจ: โอกาสใหม่สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ’

Green Transition คือเรื่องใกล้ตัวที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต ดังนั้นหลายๆ ธุรกิจจึงควรปรับตัวและลงทุนกับความยั่งยืน เพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดและเติบโตไปสู่อนาคต

ในปัจจุบันการค้าโลกนับเป็นเรื่องใกล้ตัวที่น่าจับตามอง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการทำธุรกิจของประเทศมหาอำนาจล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจไทยทั้งสิ้น แล้วเราควรปรับตัวอย่างไร เพื่อให้การทำธุรกิจของประเทศไทยยังเติบโต?

คำตอบของเรื่องนี้อยู่ในปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในฐานะกลไกเศรษฐกิจ: โอกาสใหม่สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ’ ในงาน TCP Sustainability Forum 2025: Sustainable Growth The Future of Growth

สืบเนื่องการการเปลี่ยนผ่านของโลกครั้งสำคัญ ซึ่งนำไปสู่ความท้าทายและจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

โดยสถานการณ์ของโลกในด้านภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน พบว่ามหาอำนาจอย่าง ‘จีน’ กำลังค่อยๆ ไล่ตามและแซงหน้า ‘สหรัฐอเมริกา’ ในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสำคัญๆ รวมไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เริ่มดำเนินมาตรการในหลายๆ ด้าน ทั้งสงครามการค้า, การเงิน, เทคโนโลยี, ภูมิรัฐศาสตร์ และการทหาร เพื่อคงสถานะเดิมเอาไว้

การแข่งขันที่เกิดขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ ส่งผลกระทบกับประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในด้านภาคตลาดทุน ภาคการผลิต และค่าเงิน

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่เกิดก็สามารถสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจีนเริ่มมีการกระจายฐานการผลิตไปยังอินเดียและอาเซียน ส่งผลให้สัดส่วนการลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและอาจกลายเป็นตลาดใหญ่ของโลกใน 10 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และยั่งยืนมากขึ้น 

นอกจากการเปลี่ยนผ่านในด้านโครงสร้างอุตสาหกรรม ยังเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘The Great Green Transition’ แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา จะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและยกเลิกเป้าหมาย Net Zero แต่ Green Transition ยังจำเป็นที่จะต้องดำเนินต่อไป เพราะหลังจากนี้ภัยพิบัติต่างๆ จะยิ่งรุนแรงขึ้น ใน 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นโอกาสของการเตรียมการ และทุกประเทศจะหันกลับมาสนใจเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าไทยกำลังมีการเตรียมการเรื่องกฎหมายและเตรียมพร้อมภาคเอกชนให้เข้าใจในเรื่องการลดการปล่อย CO2, การจัดการ Carbon Supply Chain และนวัตกรรมสำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้อง พร้อมเน้นย้ำเรื่องการหาความรู้และพยายามลงทุนในด้านนี้ เพราะนี่คือการลงทุนที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะต้นทุนในปัจจุบันถูกลงอย่างมาก

ทั้งนี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีขนานใหญ่ ซึ่งจะเข้ามากระทบกับหลายภาคส่วนของไทย อุตสาหกรรมที่ไทยเป็นฐานการผลิตและยังคงใช้เทคโนโลยีเดิม เช่น รถสันดาป, อิเล็กทรอนิกส์, โรงงานเหล็ก, โรงงานปิโตรเคมี กำลังเข้าสู่ภาวะล้าสมัย ไม่เว้นแม้กระทั่งภาคการเกษตรและปศุสัตว์ที่จะถูกเทคโนโลยีเข้ามากระทบ เช่น เรื่อง 3D Printed Meat & Eggs From Plant เป็นต้น

ยิ่งในเวลานี้ชาติมหาอำนาจเกิดการแข่งขันกัน ยิ่งทำให้อัตราเร่งของความเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยี ทั้งในด้าน AI, Robot และ Computing เร็วมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้หลายอาชีพอยู่ในภาวะเสี่ยงและไม่มั่นคงอีกต่อไป

ดังนั้นการปรับตัวจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ไทยจะต้องปรับตัวเพื่อสามารถหยัดยืนได้ในโลกอนาคต