ทรู คอร์ป มุ่งสู่ “Net Zero” ภายในปี 2593

ทรู คอร์ป มุ่งสู่ “Net Zero” ภายในปี 2593

ทรู คอร์ป มุ่งสู่ “Net Zero” ภายในปี 2593 วางกลยุทธ์ร่วมกับคู่ค้าพันธมิตร เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 3

KEY

POINTS

ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย เดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2573 และองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 เปิด “True Supplier Forum 2024 : Transition to Net Zero” รุกผสานความร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าหลักสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เร่งขับเคลื่อนภารกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน หรือใน Scope 3 ตามหลักการ Science Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งกลุ่มบริษัทคู่ค้าหลักนี้เป็นหนึ่งใน 3 ประเภท (category) ที่มีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ (Scope 3) มากที่สุด โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินธุรกิจร่วมกับคู่ค้าพันธมิตรจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในปี 2566 มีบริษัทคู่ค้ามากถึง 1,450 ราย ซึ่งล้วนผ่านการประเมินตนเองด้าน ESG ครบ 100%

ทรู คอร์ป มุ่งสู่ “Net Zero” ภายในปี 2593 นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ปัญหาโลกเดือด และการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาหารือในการประชุม World Economic Forum หรือการประชุมดาวอส 2024 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะเทคคอมปานีไทยที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ตระหนักถึงความสำคัญของการนำศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยทรู ได้ดำเนินการด้วยตนเองในทุกๆ วัน เพื่อเร่งลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก แต่อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral และ Net Zero ได้นั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นเพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากบริษัทคู่ค้าที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งทรู พร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันคู่ค้าพันธมิตรอย่างเต็มที่ ให้ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero และเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”

ความร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าหลักนี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญให้ทุกภาคส่วนได้มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ได้ใกล้ยิ่งขึ้น สร้างผลกระทบเชิงบวกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมได้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการลดการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานใน Scope 1 และ Scope 2 โดยในปี 2566 ทรู สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้า รวม 42,000 เมกะวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นจำนวนเงินที่ประหยัดได้ถึง 197 ล้านบาท จากการยกระดับเครือข่ายให้ล้ำสมัย (Network Modernization) รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning ขณะที่ในปี 2567 มีแผนที่จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณรวมเป็น 11,200  แห่ง และดาต้า เซ็นเตอร์รวมเป็น 6 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 64,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เทียบเท่ากับพลังงานไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้สำหรับพันๆ ครัวเรือนในหนึ่งปี โดยจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี