‘มีนตรา อินทิรา’ ชีวิตที่เสียงหัวใจดังกว่าเสียงปากคนอื่น

‘มีนตรา อินทิรา’ ชีวิตที่เสียงหัวใจดังกว่าเสียงปากคนอื่น

‘มีนตรา อินทิรา’ จากเด็กสาวอีสานผู้หลงใหลเสียงเพลงลูกทุ่ง สู่ศิลปินที่กล้าเป็นตัวของตัวเองบนพื้นฐานของความมั่นใจอย่างแท้จริง

KEY

POINTS

  • ความมั่นใจที่แท้จริงเกิดจากการยอมรับตัวเอง - มีนตราเผชิญกับคำวิจารณ์ทั้งเรื่องรูปร่างและการแต่งกาย แต่เธอเลือกที่จะฟังเสียงหัวใจตัวเองมากกว่าคำพูดของคนอื่น  
  • รากเหง้าและตัวตนที่แท้จริง - แม้จะผ่านการทดลองร้องเพลงหลากหลายแนว แต่สุดท้ายมีนตราค้นพบว่าลูกทุ่งคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ  
  • ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีแค่ร่างเดียว - มีนตราพยายามส่งเสริมแนวคิด Empower Women ผ่านผลงานเพลงและการใช้ชีวิต เธอเชื่อว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดให้เป็นแค่แบบเดียว 

หลายคนอาจรู้จักเธอจากเวทีประกวดร้องเพลง หรือจากเพลงฮิตอย่าง ‘ห้ามตั๋ว’ หรือ ‘ว่าว’ แต่เบื้องหลังของนักร้องสาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเสียงอันทรงพลังคนนี้ คือเรื่องราวของผู้หญิงที่กล้าเป็นตัวของตัวเอง กล้าที่จะมั่นใจในสิ่งที่เธอเป็น และกล้าที่จะยืนหยัดในความเชื่อของตัวเอง แม้จะต้องแลกด้วยการเสียสละหลายสิ่งในชีวิตส่วนตัว 

‘มีนตรา อินทิรา’ ไม่ใช่แค่ศิลปินที่มีพลังเสียง แต่เธอคือแรงบันดาลใจของการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง

ชื่อเล่นที่กลายเป็นชื่อที่คนทั้งประเทศจดจำ

“ถ้าเรียกว่ามินตรานี่เท่ากับนะค่ะเลยนะคะ ถ้าเป็นสระอีแปลว่าผิด” เธอหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะขยายความว่า “ต้องเป็นมีนตราค่ะ ความจริงอาจจะมีคนชื่อมินตราเยอะ แต่ของมีนจะเป็นมีนตรา”

ทว่าชื่อที่หลายคนรู้จักในวงการกลับไม่ใช่ชื่อจริง เพราะชื่อจริงของเธอคือ ‘อินทิรา’ นามสกุล ‘โมราเลส’ 

“แต่เวลาเรียกว่า มีนตรา อินทิรา ฟังแล้วดูมีจังหวะดีนะคะ” เรากล่าว เธอยิ้มรับกับจังหวะของชื่อที่บังเอิญพอดีไปหมด 

อดทน เข้มแข็ง อ่อนโยน

เมื่อถูกขอให้บรรยายความเป็นตัวเองด้วยคำเพียงสามคำ มีนตราเว้นวรรคคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเต็มไปด้วยความรู้สึกว่า “อดทน เข้มแข็ง อ่อนโยน”

คำสุดท้ายดูจะขัดกับสองคำแรกอยู่บ้าง เราเลยแซวขึ้นมาว่า “อุ้ย คำสุดท้ายดูไม่เข้าพวก”

เธอหัวเราะ “ใช่ไหม แล้วก็ contrast ตั้งแต่เข้มแข็ง…” แต่ก็เป็น contrast ที่น่าสนใจ เพราะสามคำนี้คือส่วนผสมที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวเองในทุกวันนี้
 

จากร้านส้มตำ... ถึงไวรัลใน The Voice

เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนแบบ “พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ” เธอหัวเราะขำก่อนเล่าในมุมโจ๊กก่อน

“ตอนไปนั่งกินร้านส้มตำร้านประจำ ซึ่งเป็นร้านที่ไปนั่งกินมาตลอดหลายปี แล้วปรากฏว่าวันนั้นไปนั่งกินเหมือนเดิมเลยค่ะ ปกติเลย ก็สั่งตำซั่วค่ะ แม่ค้าคนตำคนเดิมเลย เขาเดินมาถามว่า ใช่น้องมีนตราหรือเปล่า? หนูก็บอกว่า จ้า แม่ค้าก็ถามว่า โอ้ย หนูรู้จักร้านนี้ได้ยังไง” 

วันนั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่เริ่มมีคนรู้จักเธอในฐานะ ‘ศิลปิน’ แล้ว แม้แต่ป้าแม่ค้าร้านส้มตำที่ไม่เคยสังเกตเธอเลยตลอดหลายปี 

“มันเป็น moment ที่โคตรจะน่ารักเลยสำหรับมีน มีนชอบมากเลย แล้วหลังจากนั้นป้าก็มี react ที่ต่างออกไป” 

‘มีนตรา อินทิรา’ ชีวิตที่เสียงหัวใจดังกว่าเสียงปากคนอื่น

ความเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ได้อยู่แค่ในร้านส้มตำ แต่เริ่มกระจายไปทั่ว

“แล้วก็หลาย ๆ ร้านที่กลับไปกิน มีนจะได้รับ react จากคนที่ร้านเปลี่ยนไปเสมอ เลยเริ่มรู้สึกว่า... อ่อ โอเค เขาน่าจะรู้จักเราแล้วสินะ เราน่าจะโอเค พอจะเป็นที่รู้จักบ้างแล้วสินะ อะไรอย่างนี้”

แต่ถ้าให้พูดถึงช่วงเวลาที่ ‘จริงจัง’ ว่าชีวิตเปลี่ยนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดอย่างแท้จริง เธอเลือกช่วงเวลาหลังจากที่นำเพลง ‘ห้ามตั๋ว’ กลับมาร้องใหม่อีกครั้งในรายการ ‘The Voice All Stars’

“ตอนปล่อยใหม่ ๆ ก็โอเค กระแสตอบรับดีระดับนึงเลย ทั้งใน YouTube และ TikTok แต่มันอาจจะโดนช่วงโควิด เพลงอาจจะไม่ได้ทำงานสักเท่าไหร่”

เธอไม่ได้มีโอกาสทัวร์คอนเสิร์ตมากนักในช่วงที่เพลงนี้ออกมาใหม่ ๆ แต่เมื่อมีโอกาสนำเพลงนี้กลับมาร้องอีกครั้งในรายการ The Voice เธอรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มขยับอีกครั้ง
 

“เหมือนสถานการณ์มันกลับมาใหม่อีกครั้งนึง แล้วมีนก็เลย cover เพลงห้ามตั๋วของตัวเองใหม่ เหมือนเอากลับมาชุบชีวิตเขาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีงานติดต่อเข้ามา ได้ใช้เพลงนี้ออกทัวร์คอนเสิร์ต แล้วประจวบเหมาะได้ร้องเพลงกับพี่มนต์แคน แก่นคูน ด้วยค่ะ เพลงยังฮักไผอีกได้บ่”

ช่วงนั้นเองที่เธอรู้สึกว่าเส้นทางชีวิตของเธอเปลี่ยนไปจริง ๆ อย่างจับต้องได้
“เดินไปไหนมาไหน เริ่มมีคนอยากจะทักทายเรามากขึ้น รู้จักเรามากขึ้น แม้กระทั่งไปกินร้านหมูกระทะ ไปกินอาหาร ไปเดินตลาดนัด ก็เริ่มมีคนเปิดเพลงทักทายเรามากขึ้น”

การรักษาเส้นแบ่งที่ชัดเจนและการเสียสละเพื่อเส้นทางดนตรี

เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น คนที่เคยติดตามอยู่ห่าง ๆ เริ่มเข้ามาประชิดตัวมากขึ้น บางครั้งก็ใกล้ชิดเกินกว่าที่ควรจะเป็น มีนตราเล่าว่า มีคนบางคนถึงขั้นเข้ามาโอบเอว โอบไหล่ ซึ่งแม้จะไม่ได้มีเจตนาร้ายเสมอไป แต่สำหรับเธอแล้ว ‘ความไม่มีมารยาท’ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

“มีนเป็นคนที่ให้เกียรติคนอื่นมากนะคะ แต่จะไม่ทนกับอะไรที่มันล้ำเส้นจริง ๆ บางทีเราก็จับมือแล้วผลักออกเลย เพราะถ้าสิ่งที่เขาทำมันเหมาะสม มันก็จะไม่เกิด react แบบนั้นหรอก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

การเป็นที่รู้จักเปลี่ยนปฏิกิริยาของคนรอบข้าง แต่มีนตราบอกว่าตัวตนลึก ๆ ของเธอไม่ได้เปลี่ยนเลย จนคนรอบข้างต้องออกปากเตือนเธอว่า “เปลี่ยนหน่อยก็ได้” 

“คือเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเปลี่ยนไปมันต้องเปลี่ยนแบบไหน เปลี่ยนไปเพื่ออะไร เราอยากไปเซเว่นฯธรรมดา อยากไปกินข้าวร้านโปรดที่เป็นร้านธรรมดา ๆ มาก ๆ”

เธอบอกว่าไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่จะไม่ยอมเปลี่ยนคือการใช้ชีวิตเรียบง่ายในแบบที่รู้จักตัวเองดีที่สุด และการให้เกียรติแฟนเพลงด้วยมารยาทที่ดีเสมอ
เส้นทางของเสียงเพลง

‘มีนตรา อินทิรา’ ชีวิตที่เสียงหัวใจดังกว่าเสียงปากคนอื่น

เมื่อพูดถึงเส้นทางของเสียงเพลง มีนตราบอกว่ามันไม่ใช่ทางที่ราบเรียบ เธอเติบโตมากับเพลงลูกทุ่ง ฟังเพลงจากพ่อแม่ซึ่งเป็นคนอีสานทั้งคู่ พ่อแม้จะเป็นลูกครึ่งแต่ก็ใช้ชีวิตในภาคอีสาน ฟังเพลงลูกทุ่งเป็นหลัก มีบางครั้งจะเปิดเพลงสากลเก่า ๆ อย่างของ Celine Dion ให้ฟังบ้าง

การร้องเพลงลูกทุ่งจึงเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อเริ่มประกวดร้องเพลง เส้นทางที่เธอเลือกก็ยังเป็นลูกทุ่งเกือบทั้งหมด  

แต่เมื่อเติบโตขึ้น โลกของเธอก็ขยายออกไป “เพื่อน ๆ ฟังแต่เพลงสตริง ไม่มีใครฟังพุ่มพวง ดวงจันทร์กับเราเลย ไม่มีใครรู้จักคัฑลียา มารศรีเลย” และนั่นคือจุดที่เธอเริ่มสนใจในเพลงแนวอื่น อยากรู้ อยากลอง อยากเข้าใจความหลากหลายของเสียงดนตรี

“ก็เริ่มรู้สึกแบบ อยากไปเวทีประกวดที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราประกวดเวทีลูกทุ่ง 99.9% หนึ่งในนั้นคือรายการ The Voice พอจบรายการ The Voice ช่วงนี้แหละ เป็นช่วงที่รู้สึกว่าจริง ๆ เราชอบอะไรกันแน่นะ เริ่มถามตัวเอง ก็คิดอยู่นานมาก หาตัวตน หาตัวเองอยู่นานมาก ตอนนั้นไปร้องเพลงตามร้านอาหารตามผับด้วย พอได้คลุกคลีกับเพลงสากลก็ยิ่งรู้สึกเป๋ไปใหญ่ จนมี moment หนึ่ง ที่มีนกลับบ้าน มีนได้ยินเพลงพี่ต่าย อรทัย แล้วรู้สึกว่ามัน touch หัวใจเรามาก ๆ มันเข้าไปยัน DNA เราเลย ไม่ว่าจะเป็นดนตรี คำ ทุกอย่าง เราได้กลิ่น เราเห็นภาพ เลยรู้สึกว่า อ่อ นี่แหละคือเรา เราคือเพลงลูกทุ่ง”

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอตั้งปณิธานในใจว่า “ถ้าไม่ได้ออกเพลงลูกทุ่ง คงนอนตายตาไม่หลับ” 

“ความเป็นลูกทุ่งคือความเป็นธรรมชาติ”

เมื่อพูดถึงภาพจำของนักร้องลูกทุ่ง หลายคนอาจนึกถึงแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ กับการแต่งตัวจัดเต็มและลีลาการแสดงที่คึกคัก หรือบางยุคก็จะมีนักร้องที่ยืนนิ่ง ๆ แล้วร้องเพลงอย่างสง่างามบนเวที แต่สำหรับมีนตรา อินทิรา ภาพลักษณ์ของนักร้องลูกทุ่งนั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่สไตล์ภายนอกใด ๆ

“ลูกทุ่งคือความเป็นธรรมชาติค่ะ ไม่ว่าจะร้องเพลงช้าหรือเร็ว ศิลปินลูกทุ่งจะถ่ายทอดด้วยความจริงใจและความเป็นตัวเอง สมัยแม่ผึ้งนะคะ เวลาท่านร้องเพลงช้า เหมือนท่านเล่าเรื่องชีวิตคนบ้านนอกอย่างลึกซึ้งจนคนฟังน้ำตาซึม แบบนั้นแหละค่ะ ไม่มีการประดิษฐ์ ไม่ต้องมีท่าทางอะไรเยอะ แค่ยืนร้องเหมือนเล่าเรื่องเฉย ๆ”

มีนตรายังยกตัวอย่างถึงรุ่นพี่อย่างต่าย อรทัย และตั๊กแตน ชลดา ว่าทุกคนล้วนมีเสน่ห์จากความจริงใจ และเมื่อต้องร้องเพลงเร็ว ก็แค่เป็นตัวเองแบบสนุกสนาน เฮฮา ตามธรรมชาติของคนไทย

“ความเป็นลูกทุ่งคือความเป็นธรรมชาติ” เธอย้ำอีกครั้ง

‘มาร์ติน มินตรา’ การเปิดเผยตัวตนที่มากกว่าความเซ็กซี่

ผลงานใหม่ของมีนตราภายใต้ชื่อ ‘มาร์ติน มีนตรา’ คือบทเปิดของอัลบั้มใหม่ที่เธอวางแผนไว้ทั้งปี และยังเป็นพื้นที่ให้เธอพูดถึงตัวตนอีกด้านที่คนอาจไม่ค่อยรู้จัก

“หลายคนรู้จักเราในด้านสวย เซ็กซี่ น่ารัก แต่มีนแค่อยากจะบอกว่า... ผู้หญิงเราไม่จำเป็นต้องเป็นแค่แบบใดแบบหนึ่งค่ะ เราไม่ได้มีแค่ร่างเดียว เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น”

เธอเล่าอย่างเป็นธรรมชาติว่านี่คือที่มาของคำว่า ‘Empower Women’ หรือการเสริมพลังให้ผู้หญิง ว่าแท้จริงแล้วเธออยากให้ผู้หญิงทุกคนได้มีสิทธิ์เป็นตัวเองในทุกมิติ

“เราเป็นอะไรก็ได้ แค่ให้เรามีความสุข แค่นั้นเอง”

“ใจเย็น ๆ มารู้จักกันก่อน”

มีนตราไม่ปฏิเสธว่าเคยได้ยินคำวิจารณ์แรง ๆ ที่เหมารวมว่าเธอ “ขายแต่ความเซ็กซี่" หรือแม้แต่ถ้อยคำดูถูกในเรื่องรูปร่าง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำลายความมั่นใจที่เธอมีให้กับตัวเองได้

“คำประมาณว่า หุ่นแบบนี้ทำไมกล้าแต่งตัวแบบนี้ คือฟังแล้วรู้สึกไม่ดีนะคะ แต่มีนไม่ได้เอามาเจ็บค่ะ มีนเอามาขยายความ มาตั้งคำถามกลับแทนว่า ทำไมคนเราจะต้องแต่งตัวตามที่สังคมคาดหวังเสมอ”

สำหรับเธอ การฟังเสียงหัวใจตัวเองสำคัญกว่าเสียงวิจารณ์ใด ๆ และนี่คือรากฐานของความมั่นใจที่แท้จริง

“ถ้าฉันอวบ แล้วฉันต้องปิดนั่นปิดนี่หมด ชีวิตมันจะสนุกอะไรเหรอคะ พรุ่งนี้เราจะมีอยู่จริงไหมก็ไม่รู้เลย วันนี้คือวันเดียวที่เราจะแต่งตัวในแบบที่เราอยากแต่งได้...ใส่ไปเถอะ ใส่ขาสั้น ใส่ชุดที่ชอบ ให้ตัวเองมีความสุข แล้วก็ฟังเสียงใจตัวเองให้ดังกว่าเสียงปากของคนอื่น” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

‘มีนตรา อินทิรา’ ชีวิตที่เสียงหัวใจดังกว่าเสียงปากคนอื่น

การเดินทางของ ‘มีนตรา อินทิรา’ จากเด็กสาวที่ร้องเพลงลูกทุ่งในบ้านสู่ศิลปินที่มีผู้คนจดจำทั่วประเทศ คือบทพิสูจน์ว่าความมั่นใจที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น แต่เกิดจากการยอมรับตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข เธอใช้ชีวิตโดยไม่ปล่อยให้กรอบของสังคมมากำหนดว่าผู้หญิงควรเป็นอย่างไร ควรแต่งตัวอย่างไร หรือควรแสดงออกแค่ไหน แต่เลือกที่จะเป็นทั้งนักร้องเสียงทรงพลัง ผู้หญิงที่มั่นใจในรูปร่าง และศิลปินที่ภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง 

ในโลกที่มักจะตีกรอบผู้หญิงให้อยู่ในพื้นที่จำกัด มีนตราได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองอย่างไม่ลังเลคือพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตของเรา และอาจจะเปลี่ยนชีวิตของใครอีกหลายคนที่ได้เห็นแบบอย่างของเธอ