เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

‘เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ’ (Zenitsu Agatsuma) เปลี่ยนจากคนขี้ขลาดมาเป็นนักดาบที่เยือกเย็น หลังศิษย์ผู้พี่อย่างไคกาคุทรยศไปเป็นอสูร ซึ่งเป็นเหตุให้อาจารย์ต้องคว้านท้องตัวเองเพื่อรับผิดชอบ

KEY

POINTS

 

/// บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ Demon Slayer : Infinity Castle ///

‘เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ’ (Zenitsu Agatsuma) คือชื่อที่แฟน ๆ ดาบพิฆาตอสูรคุ้นเคยในฐานะ ‘นักดาบขี้กลัวและขี้โวยวาย’ ที่มักสร้างรอยยิ้มและในบางครั้งอาจสร้างความรำคาญให้ผู้ชม จนถึงขั้นว่ามีคนรวมตัวกันตั้งกลุ่มแอนตี้ตัวเซ็นอิตสึขึ้นมาในช่วงแรกที่การ์ตูนได้ฉายเลยทีเดียว

ทว่าแท้จริงแล้วเซ็นอิตสึแทบไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาที่อยากหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในทุกวิถีทาง แต่เบื้องหลังของเด็กน้อยผู้ตื่นตูมคนนี้ คือพรสวรรค์และหัวใจของผู้ที่พร้อมสละชีวิตเพื่อสิ่งที่ตนเชื่อมั่นยึดถือ และใน Demon Slayer: Infinity Castle แฟน ๆ จะได้เห็นเขาในมุมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน—มุมของผู้ที่เลิกหนี และพร้อมเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่จะผลักเขาให้กลายเป็นคนใหม่

เส้นทางของเซ็นอิตสึไม่ได้เริ่มต้นจากความฝันที่อยากจะเป็นวีรบุรุษ แต่มันตรงกันข้าม เขาก้าวเข้าสู่หน่วยพิฆาตอสูรเพราะปัญหาชีวิต เพราะภายหลังจากถูกผู้หญิงที่ตนหลงรักหลอกจนกลายเป็นหนี้ ตนก็ได้เข้ามาฝึกภายใต้การดูแลของจิโกโระ อดีตเสาหลักอัสนีบาต ชีวิตในสำนักอัสนีบาตเต็มไปด้วยความกลัว จนบางครั้ง เซ็นอิตสึก็ได้มีการพยายามหนี แต่ทุกครั้งก็ถูกจับได้ และตนก็ต้องฝึกต่ออย่างไม่มีทางเลือก

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

รอยร้าวระหว่างสองศิษย์สำนักอัสนีบาต

“เราเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ที่สุด คิดอยู่เสมอว่าต้องพยายามมากกว่านี้ แต่ว่าเรากลัว สุดท้ายก็ได้แต่วิ่งหนีและร้องไห้ อยากเปลี่ยนตัวเอง อยากมีประโยชน์มากกว่านี้”

เซ็นอิตสึ อากาสึมะ เป็นชื่อที่สามารถแปลให้มีความหมายได้ว่า เซ็นอิตสึ ก็คือผู้ที่โด่ดเด่นในความดีงาม ส่วน อากาสึมะ คือ คู่ครองชีวิตของฉัน ซึ่งใครที่ดูการ์ตูนก็จะรู้สึกได้เลยว่าชื่อนี้ผ่านการคิดมาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้เหมาะสมกับตัวละครมากที่สุด 

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์ แต่เดิมทีตัวของเซ็นอิตสึนั้น ไม่ได้มีผมสีเหลือง เจ้าตัวก็มีผมสีดำปกติ เพียงแต่โดนฟ้าผ่าเข้า ทำให้ผมเป็นสีแบบที่เห็นนั้นเอง

นอกจากตัวเซ็นอิตสึแล้ว ในสำนักอัสนีบาตมีศิษย์อีกคนที่มีนามว่า ‘ไคกาคุ’ ผู้เป็นศิษย์ผู้พี่ เด็กหนุ่มที่มีฝีมือโดดเด่นและมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ความต่างของทั้งคู่ชัดเจนตั้งแต่เริ่ม ไคกาคุแทบจะอยู่เหนือเซ็นอิตสึในทุกด้าน เว้นแต่เรื่องความเร็วที่เซ็นอิตสึอยู่เหนือกว่าชัดเจน

ซึ่งความแตกต่างในความสามารถนี้ ทำให้เซ็นอิตสึใช้กระบวนท่าได้เพียงแค่ กระบวนท่าที่ 1: สายฟ้าฟาด (Hekireki Issen) เท่านั้น ตรงกันข้ามกับไคกาคุที่ไม่สามารถใช้กระบวนท่าที่ 1 ได้ จนมีการถกเถียงเชิงขำขันกันว่าในการจะใช้กระบวนท่าที่ 1 นั้น ผู้ใช้จะต้องเหน็บดาบของตนไว้ที่เอว มีความเป็นไปได้มั้ยที่ไคกาคุนั้นไม่สามารถใช้กระบวนท่าแรกได้เพราะ ตนเลือกที่จะเก็บดาบไปที่ด้านหลัง แต่อย่างไรก็ตามตนก็สามารถที่จะใช้ได้ตั้งแต่กระบวนท่าที่ 2 ถึง 6

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

เซ็นอิตสึ อากาสึมะ เป็นศิษย์รุ่นน้องที่ให้ความเคารพต่อ “ไคกาคุ” อย่างมาก แม้ตัวเองจะมีสถานะต่ำกว่า แต่ก็ถึงขั้นยอมออกหน้าไปมีเรื่องกับผู้ที่แอบนินทาไคกาคุลับหลัง จนสุดท้ายต้องถูกลงโทษ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจึงเต็มไปด้วยความซับซ้อน ตั้งอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่างความเคารพ ศรัทธา และรอยร้าวที่เริ่มก่อตัว

อาจารย์โคโยฮารุ โกโตเกะ (นักวาดดาบพิฆาตอสูร) ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เซ็นอิตสึมีหูที่ดีเป็นพิเศษ ถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงจากอวัยวะภายในร่างกายได้เลย ความสามารถนี้เองที่สะท้อนถึงความแตกต่างและความพิเศษของเขาในฐานะนักล่าอสูร อีกทั้งเขายังเป็นเพียงคนเดียวในหน่วยพิฆาตอสูรที่ได้นกกระจอกสื่อสารชื่อ “อูโคกิ” ขณะที่นักล่าคนอื่น ๆ ได้อีกา แม้เสียงอีกาจะคมคายและน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วเหล่าอีกากลับเอ็นดูอูโคกิเป็นอย่างมาก

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์ อย่างไรก็ตาม รอยร้าวในความสัมพันธ์ก็ชัดเจนขึ้นเมื่อไคกาคุต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายและเลือกหันหลังให้คำสอนของอาจารย์ เขาตัดสินใจทำข้อตกลงกับโคคุชิโบ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 1 ผู้ทรงพลังที่สุดในหมู่ข้างขึ้น และกลายเป็นอสูรไปในที่สุด

อสูรข้างขึ้นถือเป็น “เสาหลัก” ของฝ่ายอสูร มีเพียงหกตนและแต่ละลำดับต่างก็แข็งแกร่งเกินกว่านักล่าทั่วไปจะต่อกรได้ แม้กระทั่งระดับเสาหลักยังต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะอสูรข้างขึ้น การแปรพักตร์ครั้งนั้นไม่เพียงทำลายความเชื่อมโยงระหว่างศิษย์พี่กับศิษย์น้อง แต่ยังทิ้งไว้เพียงบาดแผลทางใจ ความโกรธ และความเจ็บปวดที่ไม่อาจประสานคืนได้อีก

การทรยศของไคกาคุครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ไม่เพียงแต่ทำลายเกียรติของสำนักปราณสายฟ้า แต่ยังทำลายหัวใจของอาจารย์ จิโกโระ คุวาจิมะ ลงในพริบตา ด้วยความละอายและรู้สึกว่าตนไม่อาจรักษาศิษย์ให้เดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้ อาจารย์จิโกโระจึงตัดสินใจ คว้านท้องตัวเอง (切腹 seppuku) เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การคว้านท้อง เป็นการจบชีวิตตนเองด้วยเกียรติศักดิ์ศรีของนักรบ ซามูไร และมีรากฐานมาจาก บูชิโด (Bushido) หรือวิถีแห่งนักรบ ถือเป็นการชดใช้ความผิดพลาดด้วยร่างกายของตนเองเพื่อรักษาเกียรติยศ แม้จะเป็นการตายที่ทรมาน แต่ก็สะท้อนถึงความซื่อตรงต่อหลักการและเกียรติที่ยึดถือ

อาจารย์จิโกโระทรมานอยู่นานหลายวันก่อนสิ้นใจในความเดียวดาย ท่ามกลางบาดแผลที่ไม่เพียงอยู่บนร่างกาย แต่ยังฝังลึกในใจของศิษย์รุ่นน้องอย่างเซ็นอิตสึเอง เขาได้เอ่ยถ้อยคำสะเทือนใจขึ้นมาเมื่อเห็นการจากไปครั้งนั้นว่า

“ตอนที่อาจารย์คว้านท้องตัวเอง… ควรต้องมีใครสักคนอยู่ตรงนั้น เพื่อบั่นคอให้เขา! ถ้ามีใครแทงตรงลำคอหรือตรงหัวใจ ก็คงไม่ต้องเจ็บปวดมาก… แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้น อาจารย์กลับต้องทรมานอย่างยาวนานก่อนจะสิ้นใจ!”

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์ หลังจากที่เซ็นอิตสึได้รู้ความจริงทั้งหมดในช่วงท้ายของภาคการสั่งสอนของเสาหลัก (Hashira Training Arc) สำหรับตนแล้ว ความสูญเสียนี้ไม่เพียงสร้างบาดแผลลึกฝังอยู่ในใต้จิตใจ แต่ยังเป็นประกายไฟที่เผาผลาญความขี้ขลาดในใจเขาจนหมดสิ้น เขารู้ว่าการเผชิญหน้ากับไคกาคุครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงศึกของอดีตสหายหรือเพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ แต่มันคือศึกเพื่อปิดบัญชีชีวิตในสำนักอัสนีบาตลงอย่างถาวร

“ถ้าฉันเป็นแค่เศษดิน… งั้นแกก็คือขยะ!!

“ฉันทำได้แค่กระบวนท่าแรก… ส่วนแกทำได้ทุกท่า ยกเว้นท่าแรก!!

“อาจารย์ต้องตายอย่างน่าอนาถ… เพราะแม้แต่ลูกศิษย์ที่คู่ควร ไม่ว่าจะแกหรือฉัน ท่านยังไม่มี!!”

เซ็นอิตสึเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีความขัดแย้งในตัวเองชัดเจน เห็นได้ตั้งแต่ภาคแรกที่ขี้กลัวจนบางครั้งอาจทำให้ดูเหมือนเป็นตัวถ่วงทีม แต่ในภาวะที่เซ็นอิตสึหมดสติ กลับปลดปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่จนถึงขีดสุด เพียงพริบตาก็สามารถจบชีวิตศัตรูได้อย่างง่ายดาย จนผู้ชมต้องทึ่ง

เราต้องไม่ลืมว่าความเก่งของเซ็นอิตสึที่เห็นมาตลอดนั้น เป็นเพียง ‘กระบวนท่าแรกของปราณอัสนี’ ที่เบสิกที่สุด และทุกอย่างเกิดขึ้นในตอนที่เขา ‘ไม่มีสติ’ เลยแม้แต่น้อย พูดได้ก็คือตัวเซ็นอิตสึนั้น อาจมีพลัง ‘เทียบเท่ากับเสาหลัก’ เลยทีเดียว

ความเงียบสงบก่อนศึกรบ ณ ปราสาทนิรันดร์
 

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

“ส่วนฉัน สิ่งที่ควรทำ สิ่งที่ไม่ว่ายังไงต้องทำนั้น ตอนนี้ชัดเจนแล้ว…”

“เรื่องนี้ไม่ว่ายังไง ฉันต้องเป็นคนจัดการเอง”

ก่อนตกลงสู่ศึกปราสาทนิรันดร์ เซ็นอิตสึเอ่ยกับทันจิโร่ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นจนต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทำให้ทันจิโร่ถึงกับตกใจไม่ต่างจากผู้ชมทางบ้าน นอกจากนั้นประโยคนี้แสดงถึงการเติบโตและก้าวข้ามขีดจำกัดความกลัวของเขา จากเด็กที่หลบหลังเพื่อนและกรีดร้องจนเป็นตัวถ่วงทีมในอดีต สู่นักล่าอสูรที่มีสมาธิและความเยือกเย็นน่าเกรงขาม พร้อมเผชิญหน้ากับคู่ปรับมือหนึ่งเบื้องหน้า

นี่จะเป็นครั้งแรกที่เซ็นอิตสึก้าวเข้าสู่สนามรบด้วยสติครบถ้วน ไม่ใช่ในภาวะหลับและปล่อยให้สัญชาตญาณทำงาน เขามุ่งหน้าสู่การเผชิญหน้ากับไคกาคุด้วยแผนการและความตั้งใจที่ชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ 

หากซูเปอร์แมนที่มีเล็กซ์ ลูเธอร์ หรือ แบทแมนที่มีโจ๊กเกอร์… ก็เปรียบดั่งเซ็นอิตสึที่มีไคกาคุ ศัตรูคุณภาพที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า หากไม่มีพวกเขา ฮีโร่ในดวงใจของพวกเราก็อาจไม่มีความสมบูรณ์ ศึกครั้งนี้นอกจากแฟน ๆ จะได้เห็นเซ็นอิตสึเวอร์ชันที่ไม่ใช่แบบสลิปโหมด เขายังจะอัปเกรดเผยท่วงท่าที่ตนคิดค้นขึ้นเอง - หมัดเด็ดไม้ตายสุดไคลแมกซ์ กระบวนท่าที่ 7: เทพสายฟ้าโฮโนะอิคาซึจึ (Honoikazuchi no Kami) ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

“มะ.. มองไม่ทันเลย การโจมตีนี้มันอะไรกัน

“ว่าแล้วว่าไอ้แก่นั้นต้องลำเอียงจริงๆ ด้วย!!! สอนกระบวนท่าพิเศษให้กับแก!!!” ไคกาคุตะโกนออกมาสุดเสียงหลังจากที่ถูกตัดคอ

“ปู่ไม่ใช่คนแบบนั้น นี่เป็นกระบวนท่าที่ฉันคิดมาเพื่อที่ซักวันนึง จะเอามาใช้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายต่างหาก” เซ็นอิตสึตอบด้วยท่าทีที่หมดแรง

หลังจากที่เอาชนะศิษย์พี่ของตนได้สำเร็จ เซ็นอิตสึก็ได้หมดสติลงและดวงวิญญาณของเขาก็ได้ไปสถิตอยู่ที่โลกหลังความตายอยู่ครู่นึง

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

“ขอโทษนะครับปู่ที่ผมไม่ญาติดีกับไคกาคุ ไม่มีโอกาสตอบแทนปู่ ไม่ได้เป็นเสาหลักขณะที่ปู่ยังมีชีวิต ปู่เกลียดผมมั้ย?”

เซ็นอิตสึพูดกับปู่ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง มีสายน้ำคั่นกลางระหว่างทั้งสอง

“เซ็นอิตสึ แกหนะคือความภาคภูมิใจของข้า”

อาจารย์จิโกโระตอบกลับด้วยน้ำตาก่อนที่ เซ็นอิตสึจะได้สติกลับคืนมา

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ คือภาพสะท้อนของการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยความสูญเสียและความมุ่งมั่น จากนักดาบขี้กลัวที่พึ่งโชคเมื่อคราวหลับ กลายเป็นกำลังรบหลักผู้พร้อมเผชิญหน้ากับอดีตอย่างมีสติเต็มเปี่ยม และในศึกปราสาทนิรันดร์ แฟน ๆ จะได้เห็นเขาในแบบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ครั้งหนึ่งที่เคยเป็นเด็กหนุ่มที่เอาแต่ร้องไห้และหนีความจริง เซ็นอิตสึกำลังจะพิสูจน์ให้เห็นว่าความกล้าหาญไม่ได้หมายถึงการไม่กลัว หากแต่คือการก้าวไปข้างหน้าทั้งที่หัวใจยังเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น

เซ็นอิตสึ อากัตสึมะ: จากนักดาบผู้ขี้กลัว…สู่ผู้ล่าอสูรที่เยือกเย็นที่สุดในศึกปราสาทนิรันดร์

แต่ความพิเศษและรายละเอียดต่าง ๆ จะตราตรึงตระการตาขนาดไหน คงต้องรอให้ผู้ชมไปหาคำตอบทุกข้อสงสัยพร้อมสัมผัสด้วยตาของตนเองได้ตั้งแต่วันแม่ที่ 12 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป ทุกโรงภาพยนตร์