โมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด : อดีตเจ้าของห้าง ‘แฮร์รอดส์’ พ่อผู้ขอฝากความแค้นไว้กับพระเจ้า หลังสูญเสียลูกชายไปพร้อมเจ้าหญิงไดอาน่า

โมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด : อดีตเจ้าของห้าง ‘แฮร์รอดส์’ พ่อผู้ขอฝากความแค้นไว้กับพระเจ้า หลังสูญเสียลูกชายไปพร้อมเจ้าหญิงไดอาน่า

‘โมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด’ (Mohamed Al Fayed) อดีตเจ้าของห้าง ‘แฮร์รอดส์’ ชายผู้มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษ แต่โชคร้ายที่ 'โดดี' ลูกชายซึ่งเป็นคนสนิทของเจ้าหญิงไดอาน่า ต้องด่วนจากไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับเจ้าหญิงที่คนทั้งประเทศมอบความรักให้

“ผมพอแล้ว... แต่ขอฝากความแค้นนี้ไว้กับพระเจ้าแทนก็แล้วกัน”

‘โมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด’ (Mohamed Al Fayed) อดีตเจ้าของห้าง ‘แฮร์รอดส์’ ต้องทนทุกข์ทรมานมานานกว่ายี่สิบปี หลังจากสูญเสีย ‘โดดี ฟาเยด’ (Dodi Fayed) ผู้เป็นทั้งลูกชายคนแรกและคนสนิทของเจ้าหญิงไดอาน่า ไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ภายในอุโมงค์ทางลอดสะพานปองต์เดอลัลมา ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส

แม้คำตัดสินจะออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เขาไม่เคยเชื่อแม้แต่วินาทีเดียวว่านี่คือความประมาทของคนขับรถ พร้อมทั้งออกมากล่าวหาราชวงศ์อังกฤษว่าเป็นการจัดฉากการลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของประชาชน จนทำให้ลูกชายของเขาต้องจากไป

ฟาเยดทั้งโกรธ แค้นเคือง และเศร้าโศกในเวลาเดียวกัน ลูกชายผู้เป็นทั้งชีวิตของเขาจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ความมั่งคั่งที่สั่งสมมากลายเป็นสิ่งสูญเปล่า เพราะท้ายที่สุดแล้ว ‘ความตาย’ คือสิ่งที่จริงแท้ที่สุด

และแล้วมัจจุราชก็แวะมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน ‘ฟาเยด’ ชายชาวอียิปต์ผู้สร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ไว้ในสหราชอาณาจักร เปิดประตูต้อนรับด้วยกำลังที่อ่อนแรงและมอบดวงวิญญาณให้โลกหลังความตายในวันพุธที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา เขาจากโลกนี้ไปในวัย 94 ปี

ชาวอียิปต์ผู้ลึกลับ

ไม่มีข้อมูลระบุแน่ชัดว่าฟาเยด ‘อายุจริง’ คือเท่าไรกันแน่ เขาเกิดวันไหน ค.ศ. อะไร ทุกอย่างดูคลุมเครือไปหมด แม้ฟาเยดจะบอกว่าเขาเกิดและเติบโตในครอบครัวคนปลูกฝ้ายผู้มั่งคั่ง แต่คำกล่าวอ้างของเขากลับไม่มีใครพิสูจน์ได้ บางแหล่งระบุว่าบ้านของเขาทำงานขายเครื่องจักรเย็บผ้ายี่ห้อซิงเกอร์ บ้างก็ว่าพ่อของฟาเยดเป็นคุณครูสอนอยู่ในโรงเรียนประถม แต่ไม่ทราบสถานที่แน่ชัด

ส่วนข้อมูลปีเกิดของฟาเยด The New York Times ระบุว่าเขาเกิดปี 1929 ในเขตเอล-กอมร็อก ซึ่งเป็นเขตที่ยากจนที่สุดในอเล็กซานเดรีย อียิปต์ ขณะที่บางแหล่งข้อมูลบอกว่าเขาเกิดในปี 1933 แม้จะไม่มีข้อสรุปแน่ชัด แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ ฟาเยดเป็นลูกชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 5 คน

ธุรกิจแรกของฟาเยดคือขายน้ำมะนาวริมถนน ก่อนจะก้าวกระโดดมาเป็นชายผู้มั่งคั่งเจ้าของห้างเก่าแก่อย่างแฮร์รอดส์ในปี 1985 กว่าชื่อของเขาจะเป็นที่รู้จัก ต้องย้อนกลับไปช่วงปี 1952 โลกธุรกิจของเขาก็เปิดกว้างขั้นสุด หลังจากได้ร่วมงานกับ ‘อัดนัน คาซ็อกกี’ (Adnan Khashoggi) พ่อค้าอาวุธ นักธุรกิจ ผู้เชื่อมซาอุดีอาระเบียกับโลกตะวันตกเข้าด้วยกัน ชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก

หลังทำงานร่วมกันระยะหนึ่ง ฟาเยดตกหลุมรัก ‘ซามิรา คาซ็อกกี’ (Samira Khashoggi) น้องสาวของอัดนัน เขาตัดสินใจขอเธอแต่งงานในปี 1954 ทั้งคู่มีพยานรักด้วยกันหนึ่งคน ‘โดดี ฟาเยด’ แต่ชีวิตแต่งงานกลับไม่ยืนยาว ทั้งสองแยกทางกันหลังจากให้โดดีลืมตาดูโลกได้เพียง 2 ปีเท่านั้น

ในปี 1966 ฟาเยดได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับสุลต่านแห่งบรูไน และเป็นเวลาเดียวกับที่เขาเปิดธุรกิจขนส่งทางเรือเป็นของตัวเองร่วมกับน้องชายร่วมสายเลือด ชีวิตที่เคยลึกลับเริ่มเปิดเผยสู่สาธารณะ ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ เริ่มถูกประโคมผ่านทางหน้าสื่อ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวมหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของสัมปทานน้ำมันในเฮติและสัญญาท่าเรือ Port-au-Prince มอบสิทธิให้เขาราว 2 ปีก่อนที่จะขึ้นตำแหน่งที่ปรึกษาสุลต่าน แต่ก็ไม่มีข่าวใดปรากฏออกมาอีกเลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบลงอย่างไร รู้เพียงแค่ว่ามีเงินมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ (เกือบ 1 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) หายไปจากบัญชีธนาคารของการท่าเรือ

หลังจากนั้น ฟาเยดย้ายไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อทำงานกับธุรกิจก่อสร้าง Costin และความสัมพันธ์ทางธุรกิจก็เริ่มต้นอีกครั้ง เขาผูกมิตรกับผู้ทรงอิทธิพลของตระกูลมักตูม (Maktoum) ซึ่งปกครองสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่ ณ ขณะนั้น

ทรัพย์สินของฟาเยดเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ เขามีเงินมากพอที่จะซื้อปราสาทในสกอตแลนด์, คฤหาสน์ในเซอร์เรย์, อะพาร์ตเมนต์ย่านพาร์กเลนของอังกฤษ และที่ดินในเมืองแซงต์โทรเปซ ประเทศฝรั่งเศส และตัดสินใจโยกย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ในปี 1974 มาอยู่ที่สหราชอาณาจักรถาวร และ 5 ปีถัดมาเขาเข้าซื้อกิจการของโรงแรมริตซ์ในปารีสร่วมกับน้องชายที่ทำธุรกิจขนส่งทางเรือด้วยกัน

จากชายผู้มีภูมิหลังคลุมเครือ เขาเริ่มสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ย้ายมาอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1970s โดยเพิ่ม ‘อัล’ เข้ามาในชื่อ เป็นเครื่องหมายแสดงสถานะทางสังคม บ่งบอกถึงความเป็นตระกูลเก่าแก่และชนชั้นนำที่ยังคงอยู่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย

ฟาเยดแต่งงานใหม่อีกครั้งในปี 1985 กับ ‘เฮนี่ วาเธน’ (Heini Wathen) นางแบบและนักแสดงชาวฟินแลนด์ ปีเดียวกับที่เขาซื้อห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ (Harrods) เพิ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของตระกูล ชีวิตรักของทั้งคู่หวานชื่นจนวาระสุดท้าย และมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกันทั้งหมด 4 คน แต่ก็ไม่อาจลบความสะเทือนใจจากเหตุการณ์สูญเสียลูกชายในปี 1997 ไปได้

มหาเศรษฐีผู้เต็มไปด้วยความแค้น

“ผมทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น...

“สิ่งที่ผมทำลงไปหลังยื่นขอสัญชาติอังกฤษครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งนั้น ก็เพื่อประกาศให้ทั้งโลกเห็นว่าประเทศนี้มันห่วยแตกแค่ไหน ทุกวันนี้มีแต่พวกขยะทั้งนั้น” ฟาเยดให้สัมภาษณ์ผ่าน Vanity Fair ในปี 1995 หลังเปิดเผยชื่อนักการเมืองชาวอังกฤษที่รับสิทธิพิเศษจากการเข้าพักฟรีที่โรงแรมริตซ์ ซึ่งเขาเป็นเจ้าของอยู่

ฟาเยดยื่นขอสัญชาติอังกฤษอย่างน้อย 2 ครั้งเห็นจะได้ แต่มหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ในสหราชอาณาจักร กลับต้องพบกับความผิดหวัง เขาไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นพลเมืองของประเทศ ประเทศที่เขาฝากความหวังและทุ่มเททุกอย่างเพื่อตั้งรกรากในดินแดนแห่งนี้

“ใครก็ตามที่มาจากประเทศในอาณานิคมอังกฤษเหมือนที่อียิปต์เคยเป็นมาก่อน พวกเขาชอบคิดไปเองว่าเรามันเป็นพวกไม่มีอะไรเลย คงทำอะไรในประเทศนี้ไม่ได้หรอก บอกตามตรงว่าความคิดนี้เป็นแค่จินตนาการของพวกหัวโบราณที่ยังติดอยู่ในยุคล่าอาณานิคม

“แล้วอีกอย่าง พวกเขาคงรับไม่ได้ที่ ‘ชาวอียิปต์’ อย่างผมจะกลายเป็นเจ้าของแฮร์รอดส์ มันคงไม่ต่างจากการหยามเกียรติชาวอังกฤษซึ่งหน้า”

นับตั้งแต่ปี 1974 ที่เขาย้ายมาอยู่สหราชอาณาจักร จนกระทั่งยื่นขอสัญชาติในปลายปี 1990 ฟาเยดไม่เคยกลับไปที่อียิปต์อีกเลย เขากลายเป็น ‘คนนอก’ ของประเทศนี้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะพิสูจน์ตัวเองกี่ครั้ง มีมูลค่าทรัพย์สินมากเพียงใด หรือใกล้ชิดสนิทสนมกับราชวงศ์อังกฤษ จนมีข่าวคราวออกมาว่าโดดีเป็นชายคนสนิทที่สุดของเจ้าหญิงไดอาน่า หลังเลิกรากับเจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ (ปัจจุบันคือกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร) แต่เขายังคงเป็นคนนอกอยู่ดี

ชีวิตรักของลูกชายคนโต

ไม่ปรากฏชัดว่าโดดีและเจ้าหญิงไดอาน่าเจอกันครั้งแรกที่ไหน รู้อีกทีทั้งคู่ก็มีภาพอยู่ร่วมกันแล้ว แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากทั้งสองรู้จักกัน เพราะมหาเศรษฐีตระกูลฟาเยดนิยมช่วยงานการกุศลเป็นที่หนึ่ง เขาบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และช่วยเหลือกลุ่มวัยรุ่นที่เจ็บปวดจากอาการป่วยทางจิต

โชคชะตาได้หมุนวนให้ทั้งสองมาเจอกันหลังเจ้าหญิงระทมทุกข์จากชีวิตรักที่แหลกเหลว ผู้ที่พบเห็นมักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไดอาน่าเข้ากับโดดีและโมฮัมเหม็ดได้ดีมาก แน่นอนว่าโมฮัมเหม็ดไม่ใช่คนที่ถูกชักจูงได้ง่าย พวกเขาเข้ากันได้ดีเลยละ”

31 สิงหาคม 1997 คือวันที่ทั้งคู่ใช้เวลาแสนสุขด้วยกัน ก่อนจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ “ผมไม่เชื่อว่าทั้งคู่จากไปเพราะอุบัติเหตุ ผมเห็นพวกเขาเคลียร์พื้นที่ มันเป็นการจัดฉากชัด ๆ

“โดดีและไดอาน่ารักกัน เขาหมั้นหมายกันแล้ว และกำลังจะจัดงานแต่งงานในไม่กี่วัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกต้องจากไป ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งโทรศัพท์มาหาผม 1 ชั่วโมงก่อนจะเกิดอุบัติเหตุไปเองว่า ไดอาน่ากำลังตั้งท้อง”

คำกล่าวอ้างของผู้เป็นพ่อไม่ได้รับการยอมรับ เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ไม่พบร่องรอยการตั้งครรภ์ เธอจากไปแล้ว จากไปพร้อมกับชายคนสนิท ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันเจ็บปวดให้กับคนเป็นที่ยังรอปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เช่นเดียวกับฟาเยดผู้พ่อ เขาไม่เชื่อและจะไม่มีวันเชื่อโดยเด็ดขาด

ปี 2008 เขายื่นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนเพราะเชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกชายและเจ้าหญิงไดอาน่ามาจากคำสั่งของเจ้าชายฟิลิป และปฏิบัติการของหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ (MI6) คำร้องของเขาถูกคณะลูกขุนปฏิเสธทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องการตั้งครรภ์ของเจ้าหญิงไดอาน่า และการวางแผนแต่งงาน ไปจนถึงการถูกจัดฉากอุบัติเหตุ

“ผมพอแล้ว ขอฝากที่เหลือไว้กับพระผู้เป็นเจ้าแล้วกัน”

เพื่อไม่ให้การจากไปของลูกชายเลือนหายไปจากความทรงจำ เขาสั่งทำรูปปั้นโดดีและเจ้าหญิงไดอาน่า นำมาประดับไว้ใจกลางห้างแฮร์รอดส์ เป็นสัญลักษณ์ว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งทั้งคู่ก็เคยได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน “มันถึงเวลาที่ผมต้องวางมือแล้ว”

ในปี 2010 ฟาเยดตัดสินใจขายกิจการห้างหรูอย่างแฮร์รอดส์ ให้กับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกาตาร์ หลังจากบริหารมานานกว่า 25 ปี และรูปปั้นดังกล่าวก็ถูกส่งคืนไปยังบ้านของฟาเยดในอีก 8 ปีให้หลัง

“หลังจากดำรงตำแหน่งประธานแฮร์รอดส์มา 25 ปี ผมตัดสินใจขอลาออกเพื่อใช้เวลาที่เหลือต่อจากนี้อยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ

“คุณก็รู้ว่าผมแก่แล้ว 77 ปีแล้วนะ ถึงมันจะทำเอาเสียใจไม่หยุด แต่ทำไงได้ ผมทำมันไปแล้ว ผมว่ามันคงถึงเวลาปล่อยตัวเองให้พักผ่อนเสียที”

โมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด จากไปอย่างสงบในวันพุธที่ 30 สิงหาคม ร่างของเขาถูกนำไปวางไว้เคียงข้างโดดี ลูกชายที่เขารักสุดใจ

 

เรื่อง : วันวิสาข์ โปทอง

ภาพ : Getty Images

 

อ้างอิง :

https://www.theguardian.com/world/2023/sep/02/mohamed-al-fayed-obituary

https://www.theguardian.com/world/2023/sep/02/mohamed-al-fayed-perennial-outsider-savvy-businessman-and-grief-broken-father

https://www.nytimes.com/2023/09/01/business/mohamed-al-fayed-dead.html

https://www.townandcountrymag.com/leisure/arts-and-culture/a41002736/who-is-mohamed-al-fayed/

https://variety.com/2023/tv/news/mohamed-al-fayed-dead-harrods-the-crown-1235711991/