‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ นักแสดงผู้คืนชีพ ‘เจ้าหญิงไดอานา’ ให้กลับมามีชีวิตในซีรีส์ ‘The Crown’

‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ นักแสดงผู้คืนชีพ ‘เจ้าหญิงไดอานา’ ให้กลับมามีชีวิตในซีรีส์ ‘The Crown’

ความพยายามและความทุ่มเทของ ‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ ผู้รับบทเจ้าหญิงไดอานา 2 ซีซันสุดท้ายของ The Crown ที่เมื่อมารวมกับหลายองค์ประกอบ เราเชื่อว่าเธอได้คืนชีพเจ้าหญิงไดอานาในความทรงจำขึ้นมาได้จริง ๆ 

  • เดบิคกี รับบทเจ้าหญิงไดอานาต่อจาก ‘เอ็มมา คอร์ริน’ (Emma Corrin) ในซีซันที่ 5 และ 6 ซึ่งเธอทำหน้าที่รับไม้ต่อได้อย่างดีเยี่ยม จนคนดูเชื่อว่าเธอคือเจ้าหญิงไดอานาในเวอร์ชันที่มีความเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ตามกาลเวลา ทว่ายังคงมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นเด็ก ที่รอวันเปิดเผยออกมาในยามที่เจ้าตัวอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย 
  • สิ่งที่ทำให้เธอกินขาดตัวเลือกอื่น ๆ น่าจะเป็นเรื่อง ‘ความสูง’ ซึ่งในชีวิตจริงเจ้าหญิงไดอานามีส่วนสูงเท่ากับอดีตพระสวามี (สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร) คือ 178 เซนติเมตร ส่วนเดบิคกีนั้น ความสูงของเธอมีมากถึง 190 เซนติเมตร แถมยังสูงกว่า ‘โดมินิก เวสต์’ (Dominic West) ที่รับบทเป็นเจ้าฟ้าชายชาลส์ใน 2 ซีซันสุดท้าย เกือบ 8 เซนติเมตร 

ทั้งที่รู้จุดจบของ ‘เจ้าหญิงไดอานา’ อยู่แล้ว แต่น่าแปลกที่แฟนซีรีส์ ‘The Crown’ ไม่น้อย พากันเสียน้ำตาให้กับพาร์ตแรกของซีซัน 6 ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวช่วงสุดท้ายในชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา

แน่นอนว่า หากจะยกความดีความชอบให้ใครสักคน คนแรก ๆ ที่ต้องได้รับการอวยยศคือ ‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ (Elizabeth Debicki) ที่แทบจะแบกทั้ง 4 อีพีเอาไว้คนเดียว ด้วยการเข้าถึงบทบาทของเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของคนทั้งโลก ซึ่งกำลังค่อย ๆ เติบโตจากประสบการณ์ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว แต่กลับต้องมาทิ้งลมหายใจสุดท้ายที่อุโมงค์ลอดสะพานปองต์เดอลัลมา กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างถูกปาปารัสซีไล่ล่า

ต่อไปนี้คือความพยายามและความทุ่มเทของ ‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ ผู้รับบทเจ้าหญิงไดอานา 2 ซีซันสุดท้ายของ The Crown ที่เมื่อมารวมกับหลายองค์ประกอบ เราเชื่อว่าเธอได้คืนชีพเจ้าหญิงไดอานาในความทรงจำขึ้นมาได้จริง ๆ 

‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ นักแสดงผู้คืนชีพ ‘เจ้าหญิงไดอานา’ ให้กลับมามีชีวิตในซีรีส์ ‘The Crown’

เข้าถึงบทบาทด้วยความเข้าใจ 

“ฉันคิดว่าการถ่ายทำช่วงที่ตัวละครทั้งสอง (เจ้าหญิงไดอานา และ โดดี ฟาเยด) ถูกปาปารัสซีไล่ตาม เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายจริง ๆ” เดบิคกีวัย 33 ปี ให้สัมภาษณ์ถึงฉากจำลองเหตุการณ์ที่เจ้าหญิงไดอานาต้องเผชิญ “หลังจากถ่ายทำได้ 2 - 3 สัปดาห์ เราก็เหนื่อยมากและอิดโรยมาก เรารู้สึกว่ามันเกือบจะเหมือนการแสดงผาดโผน” 

คำพูดเพียงเท่านี้ เธอก็แทบทำให้เราพอจะจินตนาการความรู้สึกของเจ้าหญิงไดอานาออกแล้วว่า หนักหนาสาหัสเพียงใดในเวลานั้น

“ความรู้สึกเกือบจะเหมือนอยู่ใต้น้ำ เมื่อคุณต้องเป็นคนใจดีท่ามกลางสิ่งรบกวน การคุกคาม และการถูกไล่ล่า ในฐานะนักแสดงที่รับบทนี้ ฉันคิดว่าตัวละครเพียงแต่พยายามจะเดินทางไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ก็มีอุปสรรคขวางทางอยู่มากมาย และนั่นก็เป็นสิ่งที่ยากและลำบากมาก” 

เดบิคกี รับบทเจ้าหญิงไดอานาต่อจาก ‘เอ็มมา คอร์ริน’ (Emma Corrin) ในซีซันที่ 5 และ 6 ซึ่งเธอทำหน้าที่รับไม้ต่อได้อย่างดีเยี่ยม จนคนดูเชื่อว่าเธอคือเจ้าหญิงไดอานาในเวอร์ชันที่มีความเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ตามกาลเวลา ทว่ายังคงมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นเด็ก ที่รอวันเปิดเผยออกมาในยามที่เจ้าตัวอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย 

“ในซีซันที่ 5 ตัวละครจะโดดเดี่ยวมากขึ้น เธอเป็นตัวของตัวเองมาก และกำลังเผชิญการทดสอบทางด้านความรู้สึกของตัวเธอเอง” เดบิคกีกล่าวถึงซีซันที่สิ้นสุดด้วยการหย่าร้าง ก่อนจะกล่าวถึงซีซันที่ 6 ว่า “ตอนที่ฉันอ่านบทของซีซัน 6 ฉันคิดว่า ‘ปีเตอร์ มอร์แกน’ (ผู้เขียนบทและผู้กำกับ) สร้างมันขึ้นเพื่อให้ฉันติดตามความรู้สึกของใครบางคนที่เป็นอิสระมากขึ้น กำลังเบ่งบานไปสู่เวอร์ชันที่แตกต่างออกไป ผู้ที่ได้ผ่านพ้นเปลวไฟออกมาได้อย่างแข็งแกร่งและมีสมาธิมากขึ้น” 

‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ นักแสดงผู้คืนชีพ ‘เจ้าหญิงไดอานา’ ให้กลับมามีชีวิตในซีรีส์ ‘The Crown’

การถ่ายทอดรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าหญิงไดอานา

ไม่เพียงการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกจากบทได้อย่างสมจริง เดบิคกียังถ่ายทอดรูปลักษณ์ กิริยาท่าทาง สายตา รวมถึงน้ำเสียงและสำเนียงอันโดดเด่นของเจ้าหญิงไดอานาได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งยิ่งทำให้คนดูรู้สึกเชื่อจริง ๆ ว่า เธอคือเจ้าหญิงไดอานาที่มีความเขินอาย และอารมณ์ที่ไม่มั่นคง (เดบิคกีเป็นชาวออสเตรเลีย เธอจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเลียนสำเนียงอังกฤษชั้นสูงของเจ้าหญิงไดอานา)

ประเด็นนี้ต้องชื่นชมการคัดเลือกนักแสดงของ The Crown ด้วย เพราะอันที่จริงแล้วพวกเขาจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อทำให้นักแสดงซีซันก่อนดูมีอายุมากขึ้นก็ได้เพื่อความต่อเนื่อง แต่พวกเขาก็ใช้วิธีคัดเลือกนักแสดงที่มีอายุแตกต่างมาสวมบทตัวละครในแต่ละช่วงอายุ เพื่อขับเน้นให้คนดูรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ระหว่างเจ้าหญิงไดอานาเวอร์ชันสาวน้อยสดใส กับเจ้าหญิงไดอานาเวอร์ชันแม่ลูกสอง

ขณะที่หน้าตาของเดบิคกีเอง ความจริงแล้วก็ไม่ได้เหมือนเจ้าหญิงไดอานามากขนาดนั้น แต่เทคนิคการแต่งหน้าและการใส่วิกผมก็ช่วยเธอได้มาก จนคนแทบจะลืมไปแล้วว่าเดบิคกีตัวจริงหน้าตาเป็นอย่างไร

‘เอลิซาเบธ เดบิคกี’ นักแสดงผู้คืนชีพ ‘เจ้าหญิงไดอานา’ ให้กลับมามีชีวิตในซีรีส์ ‘The Crown’

แต่ที่ทำให้เธอกินขาดตัวเลือกอื่น ๆ น่าจะเป็นเรื่อง ‘ความสูง’ ซึ่งในชีวิตจริงเจ้าหญิงไดอานามีส่วนสูงเท่ากับอดีตพระสวามี (สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร) คือ 178 เซนติเมตร ส่วนเดบิคกีนั้น ความสูงของเธอมีมากถึง 190 เซนติเมตร แถมยังสูงกว่า ‘โดมินิก เวสต์’ (Dominic West) ที่รับบทเป็นเจ้าฟ้าชายชาลส์ใน 2 ซีซันสุดท้าย เกือบ 8 เซนติเมตร 

พูดเรื่องความสูง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ความจริงแล้วความสูงของเจ้าหญิงไดอานาเป็นส่วนสำคัญของภาพลักษณ์ต่อสาธารณะของพระองค์ไม่น้อยเหมือนกัน เห็นได้จากในภาพถ่ายพิธีหมั้นและพิธีเสกสมรสของพระองค์ พระองค์จะถูกทำให้ดูตัวเล็กกว่าเจ้าฟ้าชายชาลส์ เพื่อแสดงถึงยศและอำนาจที่พระสวามีมีเหนือพระองค์ ซึ่งรายละเอียดนี้ได้ถูกนำมาสะท้อนให้เห็นในฉากที่เดบิคกีต้องถ่ายทำร่วมกับเวสต์เช่นกัน

ถึงกระนั้น ความสูงสง่าของเดบิคกีและเจ้าหญิงไดอานาก็นับเป็นข้อได้เปรียบ เพราะมันทำให้ทั้งคู่โดดเด่นเหนือใครเวลาปรากฏโฉมบนหน้าจอ และกลายเป็นจุดสนใจได้ง่าย โดยไม่ต้องพยายามทำอะไรมาก

อีกสิ่งที่ช่วยให้เดบิคกีเข้าใกล้ความเป็นเจ้าหญิงไดอานาได้มากคือ ‘เครื่องแต่งกาย’ ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันเก็บทุกรายละเอียดโดย ‘เอมี โรเบิร์ตส’ (Amy Roberts) เพื่อถ่ายทอดการแต่งตัวที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘สไตล์ ไอคอน’ (style icon) ของเจ้าหญิงไดอานา ที่ยังคงทรงอิทธิพลมาจนถึงวันนี้ เช่น เสื้อสเวตเตอร์ตัวใหญ่เข้าคู่กับกางเกงขาสั้นไบค์เกอร์ 

ทีมเครื่องแต่งกายของ The Crown ได้จำลองชุดที่เป็นที่จดจำของเจ้าหญิงไดอานาหลายชุด หนึ่งในน้ันคือ ‘ชุดแก้แค้น’ (revenge dress) เผยไหล่เปลือยเปล่าจาก ‘คริสตินา สแตมโบเลียน’ (Christina Stambolian) พร้อมเครื่องประดับสุดอลังการ ที่เจ้าหญิงไดอานาจัดเต็มในคืนเดียวกับที่เจ้าฟ้าชายชาลส์สารภาพต่อสาธารณะว่า พระองค์ไม่ซื่อสัตย์ในชีวิตคู่ และยอมรับถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ ‘คามิลลา พาร์คเกอร์โบลด์’ 

สองสาวผู้รักในบัลเลต์

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เจ้าหญิงไดอานาและเดบิคกียังมีความผูกพันกับ ‘บัลเลต์’ และ ‘ปารีส’ เหมือนกัน

เดบิคกี เกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี 1990 ที่กรุงปารีส (สถานที่ที่เป็นจุดจบชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา) แต่เดบิคกีไม่มีเชื้อสายฝรั่งเศสเลย พ่อของเธอเป็นชาวโปแลนด์ ส่วนแม่ก็เป็นชาวออสเตรเลียที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวไอริช ทั้งคู่ประกอบอาชีพเป็นนักเต้นบัลเลต์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เดบิคกีจะหัดเต้นบัลเลต์ตั้งแต่ยังเด็ก (เช่นเดียวกับเจ้าหญิงไดอานา)

เดบิคกีเติบโตมากับน้องสาวและน้องชาย เมื่อเธออายุได้ 5 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปยังเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย 

สาวน้อยที่เต้นบัลเลต์โดยมีแรงบันดาลใจจากพ่อแม่ เริ่มเปลี่ยนความชื่นชอบมาทางด้าน ‘การแสดง’ เมื่อเริ่มก้าวสู่ช่วงวัยรุ่น เธอให้สัมภาษณ์กับ ‘The Sydney Morning Herald’ ในปี 2018 ว่า “ฉันรักการได้ขึ้นแสดงบนเวทีเสมอมา ทั้งตอนที่ฉันเป็นเด็ก และตอนที่ได้แสดงบัลเลต์ มันชัดเจนเลยว่าสำหรับฉันแล้ว นั่นคือจุดที่ฉันมีความสุขที่สุด ความตื่นเต้นที่ได้มาจากผู้ชมที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง ไม่มีอะไรเทียบได้เลย และฉันก็ได้พบกับความรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็กมาก ๆ” 

เมื่อหันเหจากบัลเลต์มาทางด้านการแสดง เดบิคกีก็มุ่งมั่นเรียนจนได้ทุนนักศึกษาดีเด่นในปี 2009 ก่อนที่ในปี 2010 เธอจะเรียนจบปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการละคร จากวิทยาลัยศิลปะวิกตอเรีย มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น 

เดบิคกีมีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า 10 เรื่อง เรื่องแรกเธอเป็นเพียงนักแสดงสมทบ โดยรับบทเป็นเลขาฯ ในภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้เรื่อง ‘My Best Men’ ผลงานของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย ‘สเตฟาน เอลเลียต’ (Stephan Elliott) ออกฉายในเดือนตุลาคม 2011 ขณะนั้นเธออายุ 21 ปี 

ปี 2013 เดบิคกีได้รับบทเด่นครั้งแรกในฮอลลีวูด ครั้งนั้นเธอเล่นเป็น ‘จอร์แดน เบเกอร์’ (Jordan Baker) ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Gatsby the Magnificent’ ที่กำกับโดย ‘บาซ เลอห์มานน์’ (Baz Luhrmann) ถ่ายทำที่ออสเตรเลีย 

ปี 2015 นับเป็นอีกหนึ่งปีทองในชีวิตของเดบิคกี เพราะเธอได้ทำงานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการรับบท ‘เลดี้แมคดัฟฟ์’ (Lady Macduff) ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Macbeth’ รวมถึงบท ‘อายิชา’ (Ayesha) ใน ‘Guardians of the Galaxy Vol.2’ และ ‘Vol.3’ นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้ให้เสียงตัวละครแอนิเมชันอีกหลายตัว เช่น ‘ม็อปซี’ (Mopsy) ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Peter Rabbit’ 

เดบิคกียังได้รับรางวัล ‘ม้าทองคำ’ (Chopard Trophy) จากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2018 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เธอได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากการรับบท ‘เวอร์จิเนีย วูล์ฟ’ (Virginia Woolf) ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Vita & Virginnia’ ทั้งยังได้ร่วมแสดงบทนำในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Widows’ กำกับโดย ‘สตีฟ แม็กควีน’ (Steve McQueen) และร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่ถูกจับตาเป็นอย่างมากอย่าง ‘Tenet’ ที่กำกับโดย ‘คริสโตเฟอร์ โนแลน’ (Christopher Nolan) 

ด้วยประสบการณ์และผลงานที่เป็นประจักษ์ เธอจึงมีโอกาสโชว์ฝีมือใน The Crown โดยรับบทสำคัญเป็นเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของคนทั้งโลก… และเธอก็ไม่ทำให้แฟนซีรีส์ผิดหวัง

เรื่อง : พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ : ภาพเอลิซาเบธ เดบิคกี จาก Getty Images ประกบภาพขณะรับบทเจ้าหญิงไดอานา จากเฟซบุ๊ก Netflix 

อ้างอิง :

vogue.fr

economictimes

people

screenrant